วันพฤหัสบดีที่ 17 กรกฎาคม 2551 เวลา 08.30 น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนิน ทรงปลูกไม้ยางนา ร่วมกับคณาจารย์และนิสิตคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ บริเวณใกล้สวนป่ายางนา สวนจิตรลดา โดยมี ฯพณฯ นายอำพล เสนาณรงค์ องคมนตรี รองศาสตราจารย์วุฒิชัย กปิลกาญจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดร.ดำรงค์ ศรีพระราม คณบดีคณะวนศาสตร์ พร้อมด้วยคณาจารย์ บุคลากรและนิสิตคณะวนศาสตร์ เฝ้ารับเสด็จ ฯ ในปีนี้นิสิตคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 จำนวน 300 คน ได้ร่วมปลูกต้นตะเคียนหิน ตะเคียนทอง ยางนา สมอพิเภก สมอดีงู พะยอม เคี่ยมคะนอง แดง กฤษณา มะเกลือ มะค่าโมง และถ่านไฟผี รวม 420 ต้น
ที่มาของการปลูกต้นไม้ในสวนจิตรลดา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยไม้ยางนา เนื่องจากเป็นไม้ที่ทรงคุณค่าของประเทศไทย แต่ป่ายางนาในสภาพธรรมชาติถูกบุกรุกทำลายจนน่าเป็นห่วงว่าจะสูญพันธุ์ ในปี พ.ศ. 2504 จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้เก็บเมล็ดยางนาใน อ. ท่ายาง จ. เพชรบุรี ทรงเพาะเมล็ดในสวนจิตรลดา และในวันที่ 28 กรกฎาคม 2504 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันประสูติของสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ์ ได้ทรงปลูกไม้ยางนาลงในแปลงโครงการป่าสาธิตในสวนจิตรลดา และได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้ข้าราชบริพาร คณาจารย์และนิสิตคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมปลูกไม้ยางนาจำนวน 1,096 ต้น ในป่าสาธิตเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ 1 งาน จนถึงปัจจุบันคณะวนศาสตร์ ได้ดำเนินการตามรอยเบื้องพระยุคคลบาทในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่ง แวดล้อม และได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จทรงปลูกต้นไม้ร่วมกับนิสิตคณะวนศาสตร์ เป็นประจำทุกปี
http://pr.ku.ac.th/pr_pic/html/07%20July%2051/170751pukpa.html
ชื่อวิทยาศาสตร์ Dipterocarpus alatus Roxb.
อันดับวงศ์ DIPTEROCARPACEAE
ชื่อสามัญ Yang
ชื่ออื่น ชันนา ยางตัง ทองหลัก ยาง ยางแม่น้ำ ยางขาว ยางควาย
ประเภทไม้ ไม้ยืนต้น
ลักษณะทั่วไป
ไม้ต้นขนาดใหญ่ สูงถึง 40 - 50 เมตร ลำต้นเปล่าตรง เปลือกหนาเรียบ สีเทาหรือเทาปนขาว โคนต้นมักเป็นพูสูงขึ้นมาเล็กน้อย ขนาดเส้นรอบวงเพียงอกของต้นที่มีอายุมาก ระหว่าง 4 - 7 เมตร หรือมากกว่า ยอดและกิ่งอ่อนมีขนทั่วไป และมีรอยแผลใบปรากฏชัดตามกิ่ง
ที่มา : ยางนา
ชื่อพื้นเมือง (Common name)
ยาง ยางขาว ยางแดง ยางหยวก ยางแม่น้ำ (ทั่วไป) กาตีล (เขมร- กบินทร์บุรี ปราจีนบุรี) ขะยาง (ชาวบน- นครราชสีมา) เคาะ (กะเหรี่ยง) จะเตียล (เขมร- ศรีสะเกษ) จ้อง (กะเหรี่ยง) ชันนา (หลังสวน- ชุมพร) ทองหลัก (ละว้า- กาญจนบุรี) ยางกุง (เลย) ยางควาย (หนองคาย) ยางใต้ (กบินทร์บุรี ปราจีนบุรี) ยางเนิน (จันทบุรี) เยียง (เขมร- สุรินทร์) ร่าลอย (ส่วย- สุรินทร์) ลอยด์ (โซ้- นครพนม) เหง (ลื้อ)
การกระจายพันธ์ตามธรรมชาติ (Distribution and habitat)
ชอบขึ้นเป็นกลุ่มตามที่ราบริมลำธาร ในป่าดิบทั่วไป ที่มีดินลึกและอุดมสมบูรณ์ มีความชื้นสูง ในระดับสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 200- 600 เมตร โดยปกติจะพบไม้ยางนาในป่าดิบแล้ง ในประเทศไทยจะพบไม้ยางนาขึ้นอยู่ทุภาคทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออกและภาคใต้
ลักษณะทางด้านพฤกษศาสตร์ (Botanical description)
ลำต้น (Stem) ยางนาเป็นไม้ยืนต้น ขนาดใหญ่ ไม่ผลัดใบ ใบแก่จะร่วงหลุดไปใน ขณะเดียวกับที่มีการแตกใบใหม่มาทดแทน ลำต้นเปลา ตรง เมื่อโตเต็มที่จะมีความสูง ประมาณ 30 –40 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่ม กลมหนา ตามกิ่งอ่อนและยอดอ่อนมีขน และมีรอยแผลใบเห็นชัด
เปลือก (Bark) เรียบหนา สีเทาปนขาว โคนมักเป็นพูพอน
ใบ (Leaf) เป็นใบเดี่ยว(simple leaf) ติดเรียงเวียน สลับ (spirate) ทรงใบรูปไข่แกมรูปขอบขนาน(elliptical – oblong) ขนาดกว้าง 8 – 15 ซ. ม. ยาว 20 –35 ซ. ม. โคนใบ มนกว้างๆ ปลายใบสอบทู่ๆ เนื้อใบหนา ใบอ่อนมีขนสีเทา ปกคลุม ใบแก่จะผิวเกลี้ยงหรือเกือบเกลี้ยง เส้นแขนงใบ ตรงและขนานกัน มี 14 – 17 คู่ เส้นใบย่อยแบบเส้นขั้น บันได เห็นชัดทางด้านท้องใบ ขอบใบเรียบหรือเป็นคลื่น เล็กน้อย ก้านใบยาวประมาณ 4 ซ. ม. มีขนบ้างประปราย
ดอก (Flower) เป็นแบบดอกช่อ (inflorescence flower) แบบ panicle สีชมพู ออกเป็นช่อเดี่ยวสั้นๆ ตามง่ามใบตอนปลายๆกิ่ง การเกิดช่อดอกจะเกิดพร้อมกันกับการแตกใบอ่อน ช่อหนึ่งมีหลายดอก โดยโคนกลีบฐานเชื่อมกันเป็นรูปถ้วยและมีครีบตามยาว 5 ครีบ ปลายถ้วยแยกเป็น5 แฉก ยาว 2 แฉกและสั้น 3 แฉก มีขนสั้นๆสีน้ำตาลปกคลุมทั่วไป กลีบดอกมี 5 กลีบ โคนกลีบชิดติดกัน ส่วนปลายกลีบจะบิด เวียนกันในทิศตามเข็มนาฬิกา เกสรผู้มีประมาณ 29 อัน รังไข่รูปรีๆภายในแบ่งเป็น 3 ช่อง แต่ละช่องมีไข่อ่อน 2 หน่วย
ผล (Fruit) เป็นผลเดี่ยว (simple fruit) ชนิดผล แห้ง (dry fruit) ที่แก่แล้วไม่แตก(indehiscent fruit) แบบ samara รูปร่างกลม เป็นครีบตามยาว 5 ครีบ มีปีกยาว 2 ปีก ยาว 10 – 12 ซ. ม. เส้นปีกตามยาวมี 3 เส้น ปีกสั้น รูปหูหนู 3 ปีก มีเมล็ดเดียว
เมล็ด (Seed) มีรูปร่างกลมรีปลายด้านหนึ่งแหลมอีกปลายด้านหนึ่งป้าน ขนาดยาวประมาณ 1 ซ.ม กว้างประมาณ 0.5 ซ.ม.
ลักษณะทางกายวิภาค (Wood anatomy)
พอร์ เป็นแบบ พอร์เดี่ยว(solitary pore) เกือบทั้งหมด แบบของการเรียงตัวไม่เด่นชัด การกระจายเป็นแบบกระจัด กระจาย (diffuse porous) พอร์ใหญ่มาก เส้นเรย์เห็นชัด มี ท่อยางเรียงต่อกัน 3 – 4 ท่อ อยู่ใกล้ ๆ พอร์
ลักษณะเนื้อไม้ (Wood description)
สีน้ำตาลปนแดงหรือสีแดงเรื่อๆหรือสีน้ำตาลหม่น เสี้ยนมักตรง เนื้อหยาบ แข็งปานกลาง ใช้ในร่มทนทาน
คุณสมบัติของเนื้อไม้ (Wood properties)
สกายสมบัติ (Physical properties)
ความหนาแน่น (Density) 695 กก./ ลบ. ม.
การยืดหดตัวทางด้านรัศมี (Radial section) 3.97 %
การยืดหดตัวทางด้านสัมผัส (Tangential section) 10.15 %
การยืดหดตัวทางด้านยาวตามเสี้ยน(Longitudinal section) (ไม่มีข้อมูล) %
การผึ่งและอบไม้ (ไม่มีข้อมูล)
กลสมบัติ (Mechanical properties)
ความแข็ง (Hardness) 471 ก. ก.
ความแข็งแรง (Strength) 888 ก. ก./ ตร. ซ. ม.
ความดื้อ (Stiffness) 90,200 ก. ก./ ตร. ซ. ม.
ความเหนียว (Toughness) 2.14 ก. ก.- ม.
ความทนทานตามธรรมชาติ (Durability) ตั้งแต่ 1-10 ปี เฉลี่ยประมาณ 4.3 ปี
การอาบน้ำยาไม้ (Wood-preservation) อาบน้ำยาได้ง่าย ( ชั้นที่ 2)
ชั้นความแข็งแรง (Strength group) B
ชั้นคุณภาพไม้ (Grade timber) B
การขยายพันธ์ (Reproduction)
ปกตินิยมใช้ผลเพื่อการขยายพันธ์ ผลหรือเมล็ดที่เหมาะในการนำมาเพาะ คือช่วงที่ผลเปลี่ยนสีจาก สีเขียว มาเป็นสีน้ำตาลอ่อน ควรเก็บจากต้นไม่ควร เก็บผลที่ร่วงหล่น เพราะผลยางนาจะสูญเสีย ความชื้นในผล อย่างรวดเร็ว พบว่าหากความชื้นในผลน้อยกว่า 30 %แล้วเมล็ดจะตายหรือมีเปอร์เซ็นต์การงอกน้อยมาก ดังนั้นเมื่อเก็บผลจากต้นแล้วควรรีบทำการเพาะทันที โดยตัดปีก และเพาะในวัสดุเพาะที่เป็นขี้เถ้าแกลบ รดน้ำให้ชุ่มจะงอกได้ภายใน 5 – 6 วัน มีช่วงระยะเวลาการงอกไม่เกิน 1 เดือน
การใช้งาน (Uses)
การเลื่อย อยู่ในระดับปานกลาง การไส อยู่ในระดับปานกลาง การเจาะ อยู่ในระดับปานกลาง การกลึง อยู่ในระดับปานกลาง การยึดเหนี่ยวตะปู อยู่ในระดับปานกลาง การขัดเงา อยู่ในระดับปานกลาง
การออกดอกและการติดผล (Flowering and fruiting habit)
ออกดอกในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม - มกราคม ผลจะแก่จัดในระหว่างเดือนมีนาคม- พฤษภาคม
การใช้ประโยชน์(Usability)
เนื้อไม้ (wood) ใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือนและการก่อสร้างทั่วไป ทำเรือ ขุด เรือ ขนาดเล็ก ทำหีบ ถังใส่ปูนซิเมนต์ เครื่องเรือน ใช้ทำพื้น ฝา เพดาน รอด ตง แจว พาย กรรเชียง ตัวถังเกวียน เมื่ออาบน้ำยาโดยถูกต้องจะมีความทนทานดีขึ้น สามารถใช้งานได้ คงทนถาวรและใช้ทำไม้หมอนรองรถไฟได้ดี ทำไม้บาง ไม้อัด
ไม้ฟืน (wood fuel) ให้ค่าความร้อน 4,810 แคลลอรี่/ กรัม
ถ่านไม้ (Charcoal) ให้ค่าความร้อน 6,055 แคลลอรี่/ กรัม
น้ำมัน ที่ได้จากการเจาะต้นใช้ทาไม้ ยาแนวเรือ ทาเครื่องจักสาน ทำไต้ ใช้เดินเครื่องยนต์ แทนน้ำมันขี้โล้
สรรพคุณทางยา
เปลือกต้น รสฝาดเฝื่อนขม ต้มดื่มแก้ตับอักเสบ บำรุงร่างกาย ฟอกโลหิต ใช้ทาถูนวด แก้ ปวดตามข้อ
เมล็ด ใบ รสฝาดร้อน ต้มใส่เกลืออมแก้ปวดฟัน ฟันโยกคลอน
ใบและยาง รสฝาดขมร้อน รับประมานขับเลือด ตัดลูก( ทำให้เป็นหมัน)
น้ำมันยาง รสร้อนเมาขื่น ทาแผลเน่าเปื่อย แผลมีหนอง แผลโรคเรื้อน รับประทานกล่อม เสมหะ ห้ามหนอง ใช้แอลกอฮอล์ 2 ส่วนกับน้ำมันยาง 1 ส่วน รับประทานขับปัสสาวะ รักษาแผลทางเดินปัสสาวะ แก้มุตกิดระดูขาว แก้โรคทางเดินปัสสาวะ จิบขับเสมหะ ผสม เมล็ดกุยช่ายคั่วให้เกรียม บดอุดฟันแก้ฟันผุ
น้ำมันยางดิบ รสร้อนเมาขื่น ถ่ายหัวริดสีดวงทวารหนักให้ฝ่อ ถ่ายกามโรค ถ่ายพยาธิใน ลำไส้
http://www.dnp.go.th/mfcd1/saraburisite/webpage/tree33.htm
การเลือกพื้นที่และการเตรียมพื้นที่ปลูก :
นิสัยไม้ยางนายังเป็นไม้ป่าค่อนข้างมากกว่าไม้ป่าเศรษฐกิจชนิดอื่น ไม่ว่าไม้สักหรือไม้ประดู่ การนำมาปลูกในระบบไม้เศรษฐกิจ อาจจะมีข้อจำกัดในแง่ที่จอต้องเลือกพื้นที่ปลูกไม้ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ ก็อาจใช้วิทยาการต่างๆ ที่มีในปัจจุบันช่วยปรับสภาพแวดล้อมให้ใกล้เคียงกันกับนิสัยการเจริญเติบโต ของไม้ชนิดนี้ได้ นิสัยที่เกี่ยวข้องกับการเลือกพื้นที่ปลูกและข้อพิจารณาในการปลูกไม้ยางนามี ดังนี้
1. ควรปลูกไม้ยางนาในพื้นที่ราบหรือค่อนข้างราบ ระดับความสูงจากน้ำทะเลตั้งแต่ 100 เมตร แต่ไม่ควรเกิน 500 เมตร มีปริมาณความชื้นสูง ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยอย่างต่ำ 1,200 มิลลิเมตรต่อปี ดินเป็นดินร่วนปนทรายมีการระบายน้ำดี มีความอุดมสมบูรณ์พอประมาณ ดินค่อนข้างลึกถึงลึกมาก และมีความชื้นสูง ความเป็นกรดเป็นด่าง ระหว่าง 6.0-7.0
2. ไม้ยางนาในป่าธรรมชาติเป็นไม้ขนาดใหญ่ ขึ้นอยู่โดดเด่นเห็นได้ชัดแต่ไกล จึงเป็นไม้ที่ต้องการแสงมาก แต่ขณะที่เป็นกล้าไม้หรือลูกไม้อยู่ ยางนากลับต้องการร่มเงามาก คือ ควรมีร่มเงาจากไม้หรือพืชอื่นๆ ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลาประมาณ 3 ปี จึงจะเปิดร่มออกได้ การที่ไม้ยางนาต้องการร่มเงาในระยะแรกๆ เนื่องจากกล้าไม้ยางนาจะมีจุลินทรีย์ในดินที่เรียกว่า ไมคอร์ไรซ่า (Mycorrhiza) ซึ่งเป็นพวกราที่ขึ้นอยู่บริเวณปลายราก เชื้อราเหล่านี้จะอาศัยรากไม้ยางนาโดยช่วยให้รากมีลักษณะอวบอ้วน สามารถดูดซับน้ำและธาตุอาหารของพืชได้มาก โดยที่เชื้อราดังกล่าวจะอาศัยธาตุอาหารพืชในลักษณะพึ่งพาซึ่งกันและกัน เชื้อราไมคอร์ไรซ่าจะไม่ทนทานต่อความร้อน หากอุณหภูมิเกินกว่า 30 องศาเซลเซียส ขึ้นไปเชื้อราจะตาย จึงต้องมีร่มเงาให้ยางนาในระยะ 3 ปีแรก หลังจากนั้นแล้วรากไม้ยางนาจะหยั่งรากลึกลงในดินมากๆ เกินกว่าความร้อนจะมีผลต่อเชื้อราได้
การเตรียมพื้นที่ปลูก/ระบบการปลูกไม้ยางนา : พื้นที่ ปลูกไม้ยางนาควรเป็นพื้นที่ที่มีร่มเงาอยู่ก่อนแล้ว เพราะไม้ยางนาต้องการร่มเงาเพื่อการเติบโตในช่วงของ 3 ปีแรก หากปลูกไม้ยางนาในพื้นที่โล่งแจ้งโดยตรงจะมีอัตราการรอดตายน้อย การเตรียมพื้นที่ปลูกจึงต้องมีการวางแผนอย่างมีระบบ ดังนี้
ช่วงปีแรกของการปลูกไม้ยางนา จะต้องเตรียมพื้นที่สำหรับปลูกไม้หรือพืชให้ร่มเงาก่อน ไม้ที่จะเป็นร่มเงานี้ควรจะเป็นพันธุ์ไม้ที่โตเร็ว ประเภทพืชตระกูลถั่ว หรือปลูกพืชควบโดยระบบวนเกษตร เช่น แคฝรั่ง กล้วย ถั่วแระ พืชชนิดหลังให้ร่มเงาได้ดีและสามารถเก็บขายหรือเป็นอาหารได้ด้วย ยิ่งกว่านั้นสามารถบำรุงดินได้ เมื่ออายุประมาณ 3 ปี ถั่วแระ จะตายไปเองโดยไม่ต้องตัดออก เป็นระยะเวลาที่ไม้ยางนาตั้งตัวได้ไม่ต้องการร่มเงาอีกต่อไปแล้ว
ช่วงปีที่สองของการปลูกไม้ยางนา หลังจากพืชร่มเงาสร้างร่มเงาได้เพียงพอแล้ว จึงเตรียมพื้นที่ปลูกกล้าไม้ยางนา โดยการไถพรวนพื้นที่ระหว่างพืชร่มเงาได้อย่างเต็มที่ เพราะมีระยะห่าง 4 เมตร หรือ 8 เมตร หากไม่ไถพรวนพื้นที่ก็อาจปลูกยางนาได้เช่นกัน แต่อัตราการเจริญเติบโตเมื่อย้ายกล้าลงปลูกใหม่ ๆ จะสู้การตรียมพื้นที่ปลูกโดยการไถพื้นที่ไม่ได้
ระยะปลูกและหลุมปลูก : ระยะปลูกที่ เหมาะสมคือ 4 x 4 เมตร จะทำให้อัตราการรอดตายสูงและเจริญเติบโตได้ดี หลุมปลูกควรมีขนาด 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ก้นหลุมควรมีดินผิวที่ร่วนซุย หรือถ้าทำได้ควรใช้ปุ๋ยอินทรีย์รองก้นหลุมไว้ สำหรับพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้งปริมาณน้ำฝนต่ำกว่า 1,200 มิลลิเมตร ต่อปี ควรใช้โพลีเมอร์ใส่ก้นหลุมๆ ละ 1 ช้อนโต๊ะ เพื่อช่วยดูดซับน้ำไว้ในช่วงฤดูฝน ปละเป็นแหล่งความชื้นให้กล้าไม้ยางนาในช่วงฤดูแล้งได้ เมื่อย้ายปลูกแล้วควรกลบหลุมให้ได้ระดับผิวดิน อย่าให้น้ำขัง แต่ถ้าเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างแห้งแล้งควรกลบหลุมให้เป็นแอ่งเล็ก ๆ รอบโคนต้นเพื่อรับน้ำฝน แต่อย่าให้เป็นหลุมจนน้ำขังแช่โคน มิเช่นนั้นจะทำให้กล้าไม้ตายได้
http://www.rakbankerd.com/agriculture/open.php?id=1172&s=tblplant
อ้างถึง
ที่สำคัญ ก่อนที่จะปลูกต้นยางนาไม่ควรเพิกเฉย คือ ไม้ยางนาเป็นไม้หวงห้าม ประเภท ก. เมื่อปลูกเป็นการค้าต้องไปแจ้งต่อป่าไม้เขต ป่าไม้อำเภอ ในท้องที่เสียก่อน เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นสวนป่าเอกชน เพื่อความสะดวกหากจะตัดฟันในอนาคต
ที่มา : ปลูกต้นยางนาเพื่อลูกหลาน
ที่มา : ปลูกต้นยางนาเพื่อลูกหลาน
http://www.sru.ac.th/TRF/Documents/0088.pdf
http://www.forest.go.th/silvic/WP_News/Information/Details/ยางนา.pdf
http://www.forest42.com/Dipterocarpus.pdf
ข้อมูลทางด้านเศษฐกิจ
การตลาด ราคาไม้ยางแปรรูป (หนาxกว้างxยาว) ไม้ฝา (1/2" x 6" x 6") เมตร (รวมค่าใส) ราคาปี 43 = 410 บาท / ลบ.ฟุต ไม้ ระแนง (1" x 1" x 4") เมตร ราคาปี 43 = 275 บาท / ลบ.ฟุต ไม้พื้น (1" x 8" x 6") เมตร ราคาปี 43 = 385 บาท / ลบ.ฟุต ไม้หน้าเล็ก (1.1/2" x 3" x 2.5") เมตร ราคาปี 43 = 215 - 245 บาท / ลบ.ฟุต ไม้เสา (5" x 5" x5- 6") เมตร ราคาปี 43 = 435 บาท / ลบ.ฟุต
การบริโภค สถิติย้อนหลัง 20 ปี ปีพ.ศ.2520-2541 ที่ผ่านมาพบว่ามีการนำไม้ ยางนามาใช้ในปริมาณมากถึง 6,669,999.26 ลบ.ม.
การนำเข้า การนำเข้าไม้ยางนาสถิติปี พ.ศ.2539-2543
ปี 2539 นำเข้าไม้ยางนา ปริมาตรรวม 427049 ลบ.ม
คิดเป็นเงิน 3,485,420 x 1,000 บาท
ปี 2540 นำเข้าไม้ยางนา ปริมาตรรวม 343081 ลบ.ม
คิดเป็นเงิน 2,542,797 x 1,000 บาท
ปี 2541 นำเข้าไม้ยางนา ปริมาตรรวม 173759 ลบ.ม
คิดเป็นเงิน 1,413,054 x 1,000 บาท
ปี 2542 นำเข้าไม้ยางนา ปริมาตรรวม 155023 ลบ.ม
คิดเป็นเงิน 1,005,301 x 1,000 บาท
ปี 2543 นำเข้าไม้ยางนา ปริมาตรรวม 329773 ลบ.ม
คิดเป็นเงิน 1,986,224 x 1,000 บาท
การส่งออก การส่งออกไม้ยางนาสถิติปี พ.ศ.2540 - 2544
ปี 2540 ส่งออกไม้ยางนา ปริมาตรรวม 4,000 ลบ.ม
ปี 2541 ส่งออกไม้ยางนา ปริมาตรรวม 2,452 ลบ.ม
ปี 2542 ส่งออกไม้ยางนา ปริมาตรรวม 1,955 ลบ.ม
ปี 2543 ส่งออกไม้ยางนา ปริมาตรรวม 4,337 ลบ.ม
ปี 2544 ส่งออกไม้ยางนา ปริมาตรรวม 2,665 ลบ.ม
ที่มา : ศูนย์ปฎิบัติการพืชเศษฐกิจ