-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 292 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

ปาล์มน้ำมัน15





เทคโนโลยีการปลูกปาล์มระบบน้ำหยด
:: แนะนำผลิตภัณฑ์-->
     

   นายอนวัช  สะเดาทอง รองผู้จัดการทั่วไป  กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร  เครือเจริญโภคภัณฑ์  เปิดเผยถึงที่มาและความสำคัญที่กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร เครือเจริญโภคภัณฑ์  ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีการปลูกปาล์มแบบการให้ธาตุอาหารในรูปแบบระบบน้ำหยดว่า โดยธรรมชาติของปาล์มน้ำมันจะเจริญเติบโตได้ดี ให้ผลผลิตสูง ตามศักยภาพของสายพันธุ์ ต้องการน้ำประมาณ 1,800 – 2,000 มม./ปี (150-200 มม./เดือน) แต่ในเขตปลูกปาล์มน้ำมันทั่วไปของประเทศไทยจะมีช่วงขาดน้ำฝนประมาณ 2-4 เดือน/ปี (300-350 มม./ปี) การกระทบแล้งดังกล่าวทำให้คุณภาพผลผลิตปาล์มสดลดลง การติดตั้งระบบชลประทาน จะทำให้ผลผลิตปาล์มสดเพิ่มขึ้น 15- 30 %   

 

   ดังนั้นการนำระบบการติดตั้งระบบชลประทานแบบน้ำหยดสามารถเข้ามาช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพและผลผลิตปาล์มน้ำมันซึ่งระบบดังกล่าวมีข้อดีดังนี้คือ ทำให้การให้น้ำเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพการให้น้ำสูงสุด เมื่อเทียบกับการให้ระบบชลประทานแบบอื่นๆ  ถ้าหากเป็นระบบสปริงเกลอร์  จะสามารถให้น้ำที่มีประสิทธิภาพถึง  60-75%  ระบบมินิสปริงเกลอร์ 75-85%   ส่วนระบบน้ำหยดจะสามารถให้น้ำที่มีประสิทธิภาพถึง 85-95%  ดังนั้นจากข้อมูลดังกล่าวระบบน้ำหยด เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพสูงสุดเพราะนอกจากจะสามารถช่วยลดอัตราการระเหยของน้ำบริเวณผิวดินใต้โคนปาล์มได้ดีแล้วยังสามารถารกระจายน้ำให้เหมาะสมพอดีกับบริเวณรากปาล์มได้ดี และช่วยลดการสูญเสียน้ำจากการไหลออกนอกเขตรากปาล์ม และช่วยให้มีการดูดไปใช้ของวัชพืชในโคนปาล์มได้ดี ไม่มีปัญหาเรื่องลมในขณะให้น้ำ  สะดวกต่อการปฏิบัติงานในแปลงปาล์มน้ำมัน  เนื่องจากมีขนาดเล็กกระทัดรัด  ไม่กีดขวางการทำงาน การกำจัดวัชพืช การเก็บเกี่ยว การตัดแต่งทางใบไม่ชำรุดเสียหายง่าย(ไม่ต้องมีเสาปักยึดหัวน้ำหยด)   ที่สำคัญระบบน้ำหยดนี้จะช่วยเพิ่มคุณภาพและปริมาณของผลผลิตได้ 15-25%  

   ทั้งนี้หากเกษตรกรปลูกปาล์มแล้วขาดน้ำจะเกิดผลเสียดังนี้คือมีลักษณะคือผลผลิตปาล์มสดลดลง  ยอดใบใหม่ไม่คลี่   เพิ่มอัตราฝ่อของช่อดอกเพศเมีย  จำนวนช่อดอกเพศผู้เพิ่มขึ้น  ปริมาณน้ำมันในเนื้อผลลดลง   นอกจากนี้ระบบน้ำหยดยังส่งผลดีต่อ การให้ปุ๋ยหรือธาตุอาหารไปพร้อมระบบน้ำ ซึ่งจะส่งผลดีของการให้ปุ๋ยไปพร้อมระบบน้ำที่สำคัญคือ สามารถจัดการธาตุอาหารให้ตรงตามปริมาณและเวลาที่พืชต้องการได้  รวมทั้งยังช่วยลดการสูญเสียของปุ๋ยหรือธาตุอาหารทำให้ประหยัดค่าปุ๋ยไปได้ 10-25%  และลดปัญหาแรงงานในการใส่ปุ๋ย    ลดการระบาดของวัชพืชได้มาก  ซึ่งระบบการให้น้ำในรูปแบบนี้มีการใช้และดูแลรักษาง่าย อายุการใช้งานนาน

   นายอนวัชยังกล่าวถึงรูปแบบการให้น้ำ  หรือรูปแบบการติดตั้งระบบชลประทานแบบน้ำหยด  จะวางสายส่งน้ำไปตามแนวต้นปาล์ม  และจะติดตั้งหัวน้ำหยดไว้รอบๆใต้โคนปาล์ม  ระยะที่ต้นปาล์มยังมีขนาดทรงพุ่มเล็กอยู่ จะวางหัวน้ำหยดไว้ไกล้โคนปาล์ม เพื่อให้น้ำหยด  กระจายรอบโคนปาล์มและน้ำซึมลงไปให้เหมาะสมกับเขตรากปาล์มพอดี     

เมื่อต้นปาล์มมีขนาดทรงพุ่มใหญ่ขึ้น ก็สามารถขยับหรือจัดหัวน้ำหยดให้อยู่ในตำแห่งเขตรากได้ตามความเหมาะสม       

เมื่อต้นปาล์มโตเต็มที่ก็สามารถปรับหัวน้ำหยดให้ห่างจากโคนปาล์มประมาณ 1.2-1.5 เมตร  หัวน้ำหยดก็จะกระจายน้ำให้กับต้นปาล์ม

   สำหรับการลงทุนติดตั้งระบบชลประทานแบบน้ำหยดในสวนปาล์มน้ำมันนั้นในการปลูกปาล์มน้ำมันโดยระบบน้ำหยดจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มจากการปลูกโดยวิธีธรรมชาติประมาณไร่ละ 5,000-6,000 บาท ขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ แหล่งน้ำ ขนาดพื้นที่ การจัดการปุ๋ยพร้อมระบบน้ำ(Fertigation)   การลงทุนติดตั้งระบบน้ำหยดในสวนปาล์มน้ำมันสามารถเพิ่มผลผลิตได้ประมาณ 20% คิดง่ายๆ ถ้ามีระบบน้ำจะไม่ทำให้ทะลายปาล์มฝ่อหรือหายไป (ขาดคอ)สมมุติว่าถ้า 1 ปี สามารถเพิ่มทะลายปาล์มน้ำมันได้ 2 ทะลายต่อต้นต่อปี(25 กก./ทะลาย) 1ไร่จะมีทะลายปาล์มเพิ่ม 40 ทะลายต่อไร่ต่อปี = 1,000 กก./ไร่/ปี ราคาปาล์มทะลายสด 4 บาท/กก.จะเป็นเงิน 1,000 x 4 = 4,000 บาท ใช้เวลา 1 ปีครึ่ง ก็สามารถคืนทุนได้ แล้ว ที่สำคัญกว่านั้นคุณภาพของปาล์มทะลายสดจะสูงมาก (%) น้ำมันจะสูงตรงตามศักยภาพของสายพันธุ์

   ในส่วนของการติดตั้งระบบชลประทานในระบบนี้มีความเหมาะสมในเขตปลูกปาล์มน้ำมันที่มีฝนแล้งติดต่อกันตั้งแต่ 2 เดือนขึ้นไป สำหรับเขตปลูกปาล์มน้ำมันที่มีฝนกระจายตลอดทั้งปี มีปริมาณฝนตกทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ ไม่จำเป็นต้องลงทุนติดตั้งระบบชลประทานเพื่อให้น้ำแก่ต้นปาล์ม  แต่อาจมีความเหมาะสมกับเขตปลูกปาล์มที่มีปัญหาแรงงาน เพราะระบบน้ำหยดสามารถให้ปุ๋ยกับต้นปาล์มได้โดยใส่ปุ๋ยพร้อมระบบน้ำ ซึ่งเป็นระบบจัดการธาตุอาหารที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

   นายอนวัชยังกล่าวถึงข้อดีหรือข้อแตกต่างที่เกิดขึ้นว่าการติดตั้งระบบชลประทานมีข้อดีและแตกต่าง จากการปลูกปาล์มที่ไม่ติดระบบน้ำ อธิบายโดยสังเขปได้ว่าตามหลักธรรมชาติการเจริญเติบโตของพืชแทบทุกชนิดต้องการน้ำที่เพียงพอ และเหมาะสมโดยเฉพาะช่วงอายุระหว่างการเจริญเติบโตและช่วงให้ผลผลิต  ในช่วงของการเจริญเติบโต(ก่อนให้ผลผลิตอายุ 1-3 ปี) การติดตั้งระบบชลประทานมีส่วนสำคัญมากในการสร้างความเจริญเติบโตอย่างสม่ำเสมอ ให้กับต้นปาล์มน้ำมัน และป้องกันความเสียหายจากการขาดน้ำ การขาดน้ำทำให้ต้นปาล์มแคระแกรนชะงักงัน การเจริญเติบโตให้ผลผลิต ล่าช้ากว่าปกติ เพราะโดยธรรมชาติของปาล์มน้ำมันจะผลิตตาดอกประมาณ 30 เดือน ก่อนที่ช่อดอกจะโผล่พ้นดอกมาจากต้น ถ้ามีการให้น้ำและปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ขบวนการเจริญเติบโตและการผลิตตาดอกเป็นไปอย่างสมบูรณ์ ตรงตามสายพันธุ์ และให้ผลผลิตเร็วตามอายุ

   ในช่วงให้ผลผลิต (อายุ 4 ปีขึ้นไป) การให้น้ำและปุ๋ยอย่างสม่ำเสมอจะส่งเสริมให้ปาล์มน้ำมันมีทะลายเพิ่มขึ้น(ช่อดอกไม่ฝ่อ) น้ำหนักต่อทะลายเพิ่มขึ้น และเปอร์เซ็นต์น้ำมันในเนื้อผลปาล์มไม่ลดลง เป็นการเพิ่มผลผลิตปาล์มสดต่อไร่ได้มากขึ้นประมาณ 15-20% เพราะว่าปาล์มน้ำมันถ้าขาดน้ำติดต่อกันเกิน 2 เดือน (300-350 มม.) จะทำให้ผลผลิตปาล์มสดลดลง ข้อดีที่สำคัญของการติดตั้งระบบชลประทานสามารถชดเชยการขาดน้ำช่วงฝนแล้งเป็นการป้องกันและลดการเสียหายของผลผลิตปาล์มน้ำมัน ทำให้ผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสม่ำเสมอ และลดปัญหาผลปาล์มล้น และขาดในบางฤดู ผลผลิตปาล์มสดออกสู่ตลาดสม่ำเสมอ แก้ปัญหาราคาผลปาล์มตกต่ำในช่วงฤดูปาล์มออกมาก
 
   นายอนวัชกล่าวเสริมว่าในปัจจุบันระบบนี้ในปัจจุบันการติดตั้งระบบชลประทานในสวนปาล์มยังมีค่อนข้างน้อยถ้าเทียบกับจำนวนพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันจะมีบ้างที่ติดตั้งระบบน้ำหยดในสวนปาล์มส่วนมากจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ทางภาคใต้และภาคตะวันออก สาเหตุที่สำคัญน่าจะมาจากการขาดข้อมูลที่ดี ขาดการแนะนำ  ที่สำคัญปาล์มน้ำมันส่วนมากจะปลูกในเขตที่มีปริมาณน้ำฝนมาก ทำให้ผลผลิตลดลงไม่มาก ชาวสวนจึงขาดความสนใจ ในอนาคตคาดว่าจะมีการติดตั้งระบบน้ำหยดในสวนปาล์มมากขึ้น  เนื่องจากจำเป็นต้องเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้มากขึ้น เพราะการเพิ่มผลผลิตปาล์มโดยการขยายพื้นที่ปลูกใหม่ ในอนาคตจะมีอย่างจำกัด การเพิ่มผลผลิต/ไร่ จึงมีความจำเป็นและสำคัญมาก โดยเฉพาะเขตปลูกปาล์มน้ำมันที่มีฝนน้อย เช่นภาคกลาง ภาคอีสานและภาคตะวันออก การติดตั้งระบบชลประทานจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง
 
   สำหรับในพืชเศรษฐกิจอื่นๆ ได้มีการตื่นตัวในการติดตั้งระบบชลประทานน้ำหยดมากขึ้นวัตถุประสงค์หลักคือการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น เช่นอ้อยน้ำหยด มันสำปะหลังน้ำหยด ข้าวโพดน้ำหยด สำหรับในพืชผักส่วนมากจะติดตั้งในพืชตระกูลแตง สามารถเพิ่มผลผลิตต่อไร่ได้สูงและสร้างผลตอบแทนได้มาก  อย่างเห็นได้ชัด ในส่วนปาล์มน้ำมันสิ่งที่จะทำให้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันหันมาสนใจในการติดตั้งระบบชลประทาน ระบบน้ำหยด และเพิ่มความเข้มข้นในการดูแลเอาใจใส่สวนปาล์ม เพื่อเพิ่มผลผลิตและคุณภาพ/ไร่ให้มากขึ้น ราคาผลผลิตปาล์มสดมีส่วนสำคัญมาก
 
   ในด้านของอายุการใช้งานของระบบชลประทานแบบน้ำหยดเป็นระบบที่ติดตั้งและดูแลรักษาง่ายไม่ซับซ้อนที่สำคัญชาวสวนปาล์มหรือผู้ใช้ ต้องมีความเข้าใจ การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพดี การออกแบบที่ถูกต้องจะทำให้ประสิทธิภาพของระบบใช้การได้ดี ประหยัดค่าใช้จ่ายและแรงงาน รวมทั้งการดูแลรักษาระบบที่ถูกต้องมีคำแนะนำจากบริษัทผู้ออกแบบติดตั้ง การเยี่ยมเยียนอย่างสม่ำเสมอระหว่างผู้ออกแบบติดตั้งและผู้ใช้ จะทำให้การใช้งานของระบบคุ้มค่าต่อการลงทุน และอายุการใช้งานยาวนาน  ปกติอายุการใช้งานของระบบมากกว่า 10 ปีขึ้นไปขึ้นอยู่กับวัสดุและการบำรุงรักษานายอนวัชกล่าว
 
หากสนใจระบบน้ำติดต่อได้ที่
กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร  เครือเจริญโภคภัณฑ์
คุณอนวัช  สะเดาทอง  081-857-0811
ศิริลักษณ์ /ศิริพร ฝ่ายข่าวและประชาสัมพันธ์
กลุ่มธุรกิจพืชครบวงจร  เครือเจรืญโภคภัณฑ์
089-1399801/086-3135966  /02-6759668
 



*********************************************************************************************************************************************



สมชาติ สิงหะพล E-mail : somchart_oilpalm@hotmail.com

กว่าจะมาเป็นปาล์มโคลนนิ่ง (ตอนจบ)

วิธีการปลูก การดูแลรักษาและการให้ผลผลิต

ปาล์มน้ำมัน ที่มาจากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ หรือปาล์มโคลนนิ่ง (Cloning palm) ซึ่งมาจากต้นแม่พันธุ์คอมแพ็ค ที่แสดงลักษณะเด่น ผลผลิตสูง ต้นเตี้ย และทางใบสั้น หรือเป็นต้นที่ดีที่สุดในกลุ่มประชากรที่คัดเลือก ดังนั้น ระยะปลูกระหว่างต้นและระหว่างแถวจะแตกต่างกับพันธุ์ปาล์มที่ปลูกทั่วไป โดยระยะที่เหมาะสมของปาล์มโคลนนิ่ง คือ 7.5x7.5x.75 เมตร อัตรา 33 ต้น/ไร่ (200 palm/ha) ซึ่งมากกว่าปาล์มน้ำมันที่ปลูกทั่วไปถึง 11 ต้น/ไร่ (ปาล์มทั่วไป ปลูกระยะ 9x9x9 เมตร อัตรา 22 ต้น/ไร่)

ดินที่เหมาะสมสำหรับปาล์มโคลนนิ่ง ต้องเป็นดินร่วนระบายน้ำดี ความเป็นกรด-ด่าง 4-6.5 หลีกเลี่ยงการปลูกในดินทรายจัด หรือดินลูกรัง และพื้นที่ลุ่ม ที่ระบายน้ำไม่ดี กรณีต้องปลูกในที่ลุ่ม จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องขุดคู ยกร่อง หากมีน้ำขัง การเจริญเติบโตจะช้ากว่าปกติ

วิธีการปลูก
ปฏิบัติเช่นเดียวกับปาล์มทั่วไป โดยขุดหลุมขนาดกว้าง 45 เซนติเมตร ยาว 45 เซนติเมตร ลึก 50 เซนติเมตร แยกชั้นหน้าดินไว้ต่างหาก ใส่ปุ๋ยร็อกฟอสเฟตรองก้นหลุม เพื่อช่วยเร่งการแตกราก อัตรา 500 กรัม/ต้น ก่อนนำต้นกล้าไปปลูก ตุ้มดินเปียกชื้น เมื่อนำต้นกล้าลงหลุมแล้วเสร็จ ก่อนกลบให้หุ้มตาข่ายป้องกันหนู (ดังภาพ) จากนั้นกลบหลุมอัดดินรอบข้างให้พอแน่น เพื่อป้องกันต้นโยก และปักไม้ค้ำยันแนวทแยงสำหรับพื้นที่ที่มีลมแรง เมื่อปลูกเสร็จให้รดน้ำซ้ำอีกครั้ง รดน้ำทุกๆ 5 วัน และให้ปฏิบัติต่อไปจนต้นปาล์มอายุ 1-2 เดือน จึงหยุดให้น้ำ

การดูแลรักษา
หลังปลูกให้ฉีดยาป้องกันด้วงกุหลาบ โดยใช้ยากลุ่มคาร์บาริล หรือเซฟวิน 85% ฉีดพ่นในตอนเย็น และหมั่นคอยตรวจดูการทำลายเป็นระยะๆ หากพบการทำลายให้ฉีดพ่นยาทันที สำหรับการใส่ปุ๋ยจะแนะนำให้ใช้แม่ปุ๋ย เนื่องจากต้นทุนจะต่ำ และปาล์มได้ธาตุอาหารครบถ้วนตามที่ต้องการ ดังตารางปุ๋ยข้างล่าง

การจัดการแปลง
ต้องกำจัดวัชพืชรอบรัศมีทรงพุ่ม โดยใช้แรงงานถาก หรือใช้สารกำจัดวัชพืชอามีทรีน ฉีดรอบโคนต้นทุกๆ 2 เดือน โดยเฉพาะก่อนใส่ปุ๋ยบริเวณโคนต้นต้องสะอาด มิฉะนั้น วัชพืชจะแก่งแย่งปุ๋ย ทำให้ปาล์มได้รับปุ๋ยไม่เต็มที่

สำหรับระบบรากของปาล์มโคลนนิ่ง จากการติดตามแปลงปลูกของเกษตรกร ในสภาพดินร่วนทราย ก็ไม่เกิดปัญหาการเอนหรือการโค่นล้มของลำต้น ทั้งนี้ เนื่องจากปาล์มน้ำมันเป็นระบบรากฝอย ซึ่งแผ่ปกคลุมเต็มพื้นที่ ตามรัศมีของทรงพุ่มและลึกลงไปจากผิวดิน 70 เซนติเมตร

ผลผลิต
ปาล์มโคลนนิ่ง จะเริ่มแทงช่อดอกหลังจากปลูก 12-14 เดือน ส่วนใหญ่จะให้ช่อดอกตัวเมีย ซึ่งจำเป็นต้องหักช่อทิ้ง (ablation) เพื่อให้อาหารทั้งหมดเลี้ยงลำต้นให้อ้วนใหญ่ โดยหักช่อดอกทิ้งเดือนละครั้ง จนปาล์มอายุได้ 18 เดือน จึงเริ่มไว้ทะลายจริง จากนั้นอีก 5-6 เดือน สามารถเก็บเกี่ยวทะลายชุดแรก ซึ่งปาล์มโคลนนิ่งจะให้ผลผลิตเร็วกว่าปาล์มทั่วไป 6-8 เดือน

สำหรับการให้ผลผลิต ขณะนี้อยู่ในช่วงเก็บข้อมูลที่แปลงทดสอบ Clone อำเภอสวี จังหวัดชุมพร ของ บริษัท อาร์แอนด์ดี เกษตรพัฒนา จำกัด ร่วมกับมหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร โดยปาล์มอายุ 2 ปีเศษ ให้ผลผลิตอยู่ในเกณฑ์ดี มีสัดส่วนของทะลายเพศเมีย (Sex ratio) สูง น้ำหนักทะลายปานกลาง เนื้อหนา กะลาบาง อย่างไรก็ตาม ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ ต้องเก็บข้อมูลสะสมจนกระทั่งปาล์มอายุ 5-6 ปี จึงนำมาหาค่าเฉลี่ย จากการติดตามแปลงปลูกปาล์มโคลนนิ่งของเกษตรกร อำเภอนาสาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี ขณะนี้ ปาล์มอายุ 4 ปี ปลูกในสภาพดินร่วนปนทราย พื้นที่ประมาณ 20 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 5.1 ตัน ต่อไร่ ต่อปี ความสูงของลำต้น 0.80-1 เมตร ทางใบยาว 6 เมตร ซึ่งตรงตามลักษณะประจำพันธุ์ทุกประการ

อย่างไรก็ตาม การปลูกปาล์มโคลนนิ่งในระดับแปลงเกษตรกร ต้องพิจารณาความพร้อมอีกหลายประการ เช่น เงินทุน (เนื่องจากต้นกล้าราคาค่อนข้างสูง) ความเหมาะสมของพื้นที่ รวมถึงการจัดการแปลง ที่ต้องตรงตามโปรแกรม แต่ในอนาคตอาจจะเป็นทางเลือกของเกษตรกรได้ เนื่องจากปาล์มโคลนนิ่ง ภายใต้การจัดการแปลงที่ดี สามารถให้ผลผลิตสูงกว่าพันธุ์ปาล์มที่ปลูกทั่วไปถึง 30 เปอร์เซ็นต์

สนใจเข้าเยี่ยมชมแปลง และติดต่อขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ นักวิชาการโครงการสหกิจศึกษาทางวิชาการเกษตร คุณอรุณ โทร. (086) 293-6977 E-mail : aroon.rd@gmail.com, www.palmcompact.com

สำหรับข้อมูลการให้ผลผลิตของปาล์มโคลนนิ่ง ของ บริษัท ASD ประเทศคอสตาริกา ดังตารางต่อไปนี้
อายุปาล์ม 2.5-3.5 ปี (Early stage) ผลผลิต 3.2ตัน-4.8ตัน/ไร่/ปี
อายุปาล์ม 3.5 ปีขึ้นไป (Matur stage) ผลผลิต 5.1ตัน-6.7ตัน/ไร่/ปี









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-04-23 (2460 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©