-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 349 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

เห็ด19







เห็ดนกยูง


โดย .. สรวิชญ์ ณ หนองคาย  รหัส 4605576


เห็ดนกยูง    (Macrolepiota gracilenta)
Parasol mushroom หรือ Tall mushroom

ชื่อทั่วไป มีชื่อเรียกหลายชื่อตามภาคต่างๆ
: เห็ดกระโดง  เห็ดกระโดงตีนสูง (ภาคเหนือ)
: เห็ดหนังกลอง เห็ดไม กลอง เห็ดฆอนกลอง (ภาคใต้ )
: เห็ดผาออม  เห็ดขานกกระยาง  เห็ดคันรม   เห็ดรม  เห็ดคันจอง  เห็ดกนกลอง  (ภาคอีสาน)
: เห็ดนกยูง(ภาคกลาง)


ลักษณะทั่วไป
-ดอกเห็ดมีลักษณะรูปทรงร่มและมีขนาดใหญ่
- หมวกดอกระยะแรก มีลักษณะกลม สีน้ำตาล ต่อมามีรูปร่างคล้ายกระดิ่ง
- เมื่อดอกบานเต็มที่มีลักษณะเกือบแบนราบมีขนาดเส้นผ่าศูนย์ กลาง5.0–15.5     เซนติเมตร
- เนื้อหมวกดอกมีสีขาวมีจุดสีน้ำตาลเข้มตรงกลางหมวกดอกและมีเกล็ดขนาดเล็กมองดูเป็น จุดสีน้ำตาลกระจายออกโดยรอบไปยังขอบหมวกดอก ทําให้เกิดเป็นลวดลายบนหมวกดอก คล้ายลายของปากนกยูง
- ครีบหมวกมีสีขาวและไม้ติดกับก้านดอก ก้านดอกมีความยาว 10.0-15.5 เซนติเมตร หนา1 - 1.3 เซนติเมตร บริเวณโคนก้านมีลักษณะพองออกเป็นกระเปาะ
- ก้านดอกสวนบนมีเยื่อวงแหวนลักษณะหนาอยู่ใต้ หมวกดอก สปอร์ เป็นรูปไข่  มีขนาด10-13 x 7-8 ไมครอน

นิสัยตามธรรมชาติ 
  
ชอบเกิดต้นและกลางฤดูฝนที่มีวัสดุและอาหารที่หมักได้ที่แล้ว โดยเกิดตามทุ่งหญ้า คันนา ตามที่เส้นทางที่วัว ควายเดินผ่าน ส่วนใหญ่ จะพบตอนที่ดอกบานแล้ว เพราะสังเกตเห็นได้ง่าย  สวนดอกอ่อนจะพบไดยาก  เพราะดอกจะมีหญ้าบดบังอยู่ ยกเว้นแต่คนที่มีประสบการณ์ ในการหาเห็ดชนิดนี้มาแล้วและจําสถานที่เกิดของเห็ดได้ จึงจะได้กินดอกอ่อนที่แสนอร่อย


แหล่งที่พบ 
พบกระจายอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศไทยขึ้นบนพื้นดินที่เป็นทุ่งหญ้าโดยเฉพาะ บริเวณที่มีการเลี้ยงวัว ควายจะพบได้บ่อย



ลักษณะของเส้นใย
 
สีขาวรวมตัวกันคล้ายรากแขนง  เจริญออกจากศูนย์กลางเป็นรัศมีค่อนข้างกลม ปลายเส้นใยมีความหนาแน่นน้อยกว้าตรงกลาง เวลาแก่ เส้นใยจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อน


วิธีการเพาะเลี้ยงเห็ดนกยูง

1.นําวัสดุเพาะที่ผ่านการหมักบรรจุถุงทนความร้อนขนาด 7x13 นิ้วหนา 0.12  มิลลิเมตร น้ำหนักบรรจุวัสดุเพาะ 1 กิโลกรัม ทุบให้ แน่นพอประมาณ ใส คอขวด ปิดฝาครอบฟอลเตอร์ในระหว่างบรรจุวัสดุเพาะลงถุงให้คลุมวัสดุเพาะด้วยผ้าพลาสติกเพื่อกันวัสดุแห้ง ถ้าผิวหนาวัสดุแห้งให้ ฉีดพรมน้ำเพื่อชดเชยน้ำที่ระเหยไป
     
2.นําถุงที่บรรจุวัสดุเพาะทั้งหมดเข้าหม้อนึ่งพาสเจอร์ไรซ์นึ่งฆ่าเชื้อที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส นาน4 ชั่วโมง(หลังจากผสมวัสดุเพาะเสร็จ ต องบรรจุลงถุงและนึ่งฆ่าเชื้อภายใน 24 ชั่วโมง) 
     
3.นําถุงที่ฆ่าเชื้อแล้วพักไว้ในห้องตอเชื้อที่สะอาด(ทิ้งไว้ให้เย็นใช้เวลานาน 1 วัน) 
     
4.นําหัวเชื้อข้าวฟางเห็ดนกยูง ถ่ายลงในถุงวัสดุเพาะแก้วลงถุงวัสดุเพาะให้  เมล็ดข้าวฟ างกระจายก้อนนําก้อนเห็ดบ่มไว้ในโรงบ่มปล่อยให้เชื้อเดินเต็มถุงใช้เวลา 30-60 วัน
     
5.หลังจากที่เชื้อเดินเต็มถุงแล้วปล่อยให้เส้นใยรัดตัวประมาณ1 เดือน
     
6.เปิดปากถุงพลาสติกออกโดยพับปากถุงให้เหลือประมาณ 1–2 เซนติเมตรกลับด้วยดินร่วนปนทราย
      
7. ให้ความชื้นโดยรดน้ำเช้า กลางวันและเย็น
      
8. ระยะเวลาประมาณ 1 เดือนหลังจากกลบดินเห็ดเริ่มให้ผลผลิต



 

ความสำคัญของเห็ดนกยูง

เห็ดนกยูงจากธรรมชาติมาพัฒนาให้เป็นเห็ดที่สามารถเพาะเลี้ยงได้ เพื่อให้เกิดเป็น  สาธารณะประโยชน์แก่เกษตรกร นําไปเป็นอาชีพเสริมเพิ่มรายได้สู่ท้องถิ่นมากขึ้นโดยในการศึกษา  ได้ศึกษาการเพาะเห็ดนกยูงทั้งแบบถุงพลาสติก และแบบขึ้นชั้นเพาะในห้องปฏิบัติการซึ่งจากผลการศึกษาสามารถพัฒนาสายพันธุ์รูปแบบเพาะเลี้ยง 

ขยายพันธุ์ และปรับปรุงสูตรให้มีความเหมาะสมกับการเพาะเห็ดนกยูงซึ่งพร้อมที่จะถ่ายทอดสู่เกษตรกร และผู้ที่สนใจ ดังนั้นศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ จึงร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ในการพัฒนารูปแบบที่เหมาะสมในการถ่ายทอดเทคโนยีการเพาะเลี้ยงเห็ดนกยูงแก่ ชุมชน โดยพัฒนารูปแบบการเพาะเป็นแบบขึ้นชั้นเพาะในโรงเรือนเพาะเลี้ยง ซึ่งได้ผลผลิตในปริมาณที่สามารถเพาะเลี้ยงในเชิงพาณิชย์ได้ การศึกษาและถ่ายทอดการเพาะเลี้ยงเห็ดนกยูงที่เหมาะสมกับชุมชน
          
ไบโอเทคได้ชูประเด็นเห็ดรา ที่นำมาพัฒนาเป็นยารักษามะเร็ง โดยนายสาธิต ไทยทัตกุล อุปนายกสมาคมวิจัยและเพาะเห็ดแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เมืองไทยมีเห็ดหลากหลายพันธุ์ ซึ่งถือเป็นอาหารที่มีประโยชน์มาก รวมคุณสมบัติของสารอาหารจากพืชและสัตว์ไว้ด้วยกัน ทั้งนี้ มีการสรุปแล้วว่าเห็ดไม่ใช่พืชและไม่ใช่สัตว์ มีพันธุกรรมเฉพาะตัวที่แตกต่างออกไป มีชื่อเรียกว่า "ฟันใจคิงด้อม (FUNGI)" เช่น เห็ดนกยูง



ข้อควรระวัง !
อย่าเก็บเห็ดที่มีลักษณะคล้ายเห็ดนกยูงที่เกิดตามธรรมชาติมารับประทาน เนื่องจากเห็ดนกยูงมีลักษณะที่คล้ายกับเห็ดหัวกรวดครีบเขียวอ่อน หรือเห็ดกระโดงตีนต่ำ ดอกเห็ดเมื่อยังอ่อนเป็นก้อนกลม จากนั้นจะบานออกเป็นร่มสีน้ำตาล แตกออกเป็นเกล็ดรูปสี่เหลี่ยมกระจายออกไปถึงกลางหมวก ครีบสีขาว เมื่อแก่จัดจะเป็นสีเทาอมเขียวหม่น ก้านรูปทรงกระบอกสีขาว ขึ้นตามสนามหญ้าและทุ่งนา เห็ดชนิดนี้มีพิษไม่ร้ายแรงนัก ผู้ที่รับประทานเข้าไปจะมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หน้ามืดตาลาย ใจสั่น และอ่อนเพลีย ถ้าเป็นเด็กอาจเสียชีวิตได้ถ้ารับประทานมาก
       
มีเห็ดอีกมากชนิดที่มีพิษ เป็นอันตรายเมื่อรับประทานเข้าไป ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยจึงควรเลือกกินเฉพาะเห็ดที่รูจักดีเท่านั้น โดยเฉพาะเห็ดป่าสมควรหลีกเลี่ยงโดยเด็ดขาด



เเหล่งที่มา


http://rde.biotec.or.th/rdedocs/Proposal/243PP/AbstractTh.doc

http://knowledge.biotec.or.th/doc_upload/2003528123721.pdf

http://www.nn.nstda.or.th/front_office/upload/File/proposal-pr%20_unbudget_.pdf.

http://www.most.go.th

http://www.technoinhome.com/vspcite/front/board/show.php?tbl=tblwb03&gid=20&id=325&PHPSESSID=a309c99291dc0ca25efdcf054d566f53









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-04-23 (1524 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©