-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 455 บุคคลทั่วไป และ 1 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

ข่าวแวดวงเกษตร24





กนกวรรณ แซ่หล่อ

เคปกูซเบอรี่ ผลไม้ดีเพื่อสุขภาพ หนึ่งในผลิตผลโครงการหลวง

คุณนิคม วงศ์นันตา นักวิชาการเกษตร ฝ่ายพัฒนาเกษตรที่สูง มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ได้ศึกษาค้นคว้าและทดลองปลูกเกี่ยวกับ ?เคปกูซเบอรี่? หรือ ?โทงเทงฝรั่ง? ในมูลนิธิโครงการหลวง ซึ่งปลูกในสภาพโรงเรือนพบว่า ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ ทำให้เคปกูซเบอรี่เป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ ถือเป็นทางเลือกใหม่ให้กับผู้บริโภค

ทุกวันนี้ผู้คนทั่วไปตื่นตัวหันมาสนใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น โดยให้ความสำคัญถึงคุณค่าและประโยชน์จากอาหารเพื่อป้องกันหรือบรรเทาโรคภัยไข้เจ็บ แทนการใช้ยารักษาโรคอย่างพร่ำเพรื่อ เหมือนคำพูดที่ว่า ?...ให้กินอาหารเป็นยา ดีกว่ากินยาเป็นอาหาร...? นั่นหมายถึง อย่ารับประทานยามากมายเกินไปจนกลายเป็นอาหาร แต่ควรรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และสามารถแทนยาป้องกันรักษาโรคได้นั่นเอง นอกจากนั้น ท่านคงต้องได้ยินได้พบเห็นบ่อยๆ กับคำว่า ?...สุขภาพดี ไม่มีขาย...? แต่สำหรับวันนี้อยากบอกกับท่านว่า ?...ผลไม้เพื่อสุขภาพดี มีขายแล้ว...?

เคปกูซเบอรี่ (cape gooseberry) เป็นผลไม้ที่มีคุณค่า อุดมไปด้วยวิตามินซี ที่มีคุณสมบัติป้องกันไข้หวัด (2009) ภูมิแพ้ วิตามินเอ ป้องกันอาการตาบอดในที่มืด ทำให้สายตาดี ผิวพรรณสวย ผมสวยดกดำ เคปกูซเบอรี่อยู่ในจีนัส (Genus) Physalis และในตระกูล (Family) Solanaceae พวกตระกูลเดียวกับพริก มะเขือ มะเขือเทศ มันฝรั่ง ยาสูบ พิทูเนีย บางครั้งเรียก Strawberry tomato, Husk tomato และ Ground Cherry มีถิ่นกำเนิดในอเมริกาใต้แถบประเทศเปรู ชิลี จึงมีชื่อวิทยาศาสตร์ตามภูมิศาสตร์กำเนิดว่า Physalis Peruviana L. คนไทยเรียกว่า ?โทงเทงฝรั่ง?

เคปกูซเบอรี่ เป็นหนึ่งในผลผลิตจากงานส่งเสริมและพัฒนาไม้ผลขนาดเล็ก มูลนิธิโครงการหลวงที่ชาวเขาปลูกเป็นการค้าบนพื้นที่สูง เพื่อเป็นพืชทดแทนฝิ่นในการสร้างรายได้ การปลูกต้องเพาะเมล็ดประมาณ 1 เดือนก่อน แล้วจึงย้ายกล้าปลูก ใช้ระยะ 1.5x1.5 หรือ 2x2 เมตร ลักษณะโดยทั่วไป เป็นพืชประเภทเนื้อไม้นิ่ม ข้ามปี แต่นิยมปลูกปีเดียว ลำต้นสูง 0.90-1.8 เมตร กิ่งก้านแผ่กระจายออกเป็นพุ่มสีค่อนข้างม่วง ใบอ่อนนุ่ม รูปหัวใจ ยาวประมาณ 6-15 เซนติเมตร ตาดอกเกิดขึ้นตรงข้อกิ่ง ดอกสีเหลืองเข้ม มีจุดสีน้ำตาลม่วง 5 จุด ที่โคนดอก กลีบเลี้ยงมี 5 กลีบ หลังกลีบดอกร่วง กลีบเลี้ยงสีเขียวจะหุ้มผลไว้ จากนั้น 70-80 วัน กลีบเลี้ยงเปลี่ยนเป็นสีฟางข้าว ผลข้างในมีสีเหลืองทองจึงเก็บเกี่ยวได้ ผลเคปกูซเบอรี่มีลักษณะกลมเกลี้ยง ผิวเรียบเป็นมัน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1-2 นิ้ว เนื้อผลนุ่มฉ่ำแทรกด้วยเมล็ดสีเหลืองรสหวานอมเปรี้ยวนิดๆ คล้ายสับปะรดผสมมะเขือเทศ หรือมะเขือเทศผสมองุ่น แต่มีกลิ่นหอมน่ารับประทานมากกว่า การใช้ประโยชน์ทางอาหาร เช่น แยม ซอส พายน์ พุดดิ้งกวน ไอศครีม รับประทานเป็นสลัดผลไม้ น้ำปั่น จุ่มน้ำผึ้ง จุ่มผลด้วยช็อกโกแลต

ประโยชน์ในทางการแพทย์ของสตรอเบอรี่ดอย
ในทางการแพทย์จากอดีตนั้นพบว่า ส่วนต่างๆ ของสตรอเบอรี่ดอย (Wild Strawberry) ทั้งประเภท Fvirginiana สามารถใช้เป็นประโยชน์ในการป้องกันรักษาโรคต่างๆ ได้ เช่น รากที่มีความฝาดใช้ในรักษาอาการท้องร่วง และใบแปรรูปเป็นชาชงดื่มรักษาโรคบิด เป็นต้น

จากข้อมูลกระทรวงสาธารณสุขของประเทศไทยในปัจจุบันรายงานว่า โรคมะเร็ง เป็นสาเหตุทำให้คนไทยเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 มาโดยตลอด 8 ปีที่ผ่านมา คาดว่าในปี พ.ศ. 2551 จะมีผู้ป่วยจากโรคมะเร็งมากถึง 120,000 ราย และพบว่ามีผู้ป่วยที่มีอายุน้อยลงกว่า 40 ปี ในปริมาณที่สูงขึ้น การรับประทานผักและผลไม้สดรวมทั้งผลิตภัณฑ์ที่ได้จากผักและผลไม้พบว่า มีผลต่อการต้านทานของโรคเรื้อรังบางชนิดได้ เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคมะเร็งบางชนิด จากผลของการค้นพบในทางการแพทย์ยุคปัจจุบันนี้ นับว่าการค้นพบสารที่ต้านออกซิเจนไปรวมตัวกับสารอื่นแล้วทำลายตัวมันเอง หรือเรียกว่า สาร Antioxidants นั้น เป็นการค้นพบที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะเหตุว่าสารขจัดอนุมูลอิสระพวกนี้จะเป็นสารที่ทำให้ระบบทำงานได้ดีขึ้น อันเป็นการเสริมสร้างชีวิตให้มีคุณภาพและพลังกายเกิดความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น จึงทำให้คนเราไม่เกิดความเจ็บป่วยได้ง่าย มีผลกระทบให้ระบบภายในของร่างกายทำงานได้ดีขึ้น อันเป็นการเสริมสร้างชีวิตให้มีคุณภาพและพลังกายให้เกิดความสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น ผลสตรอเบอรี่สดถูกพบว่าเป็นแหล่งธรรมชาติที่ดีของสารต่อต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) ซึ่งประกอบไปด้วยวิตามินซี สาร anthocyanins, flavonoids และ phenolic acids ในปริมาณที่สูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นๆ มีรายงานการวิจัยที่พบว่า anthocyanins สามารถลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง ประเภท HT-29 และ HCT-116 ในคนเราได้ และหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์เนื้องอกได้อย่างชัดเจน โดยทั่วไประดับและปริมาณของสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่สกัดได้จากผลสตรอเบอรี่จะผันแปรไปตามประเภทของสายพันธุ์ ซึ่งปรากฏจากความเป็นจริงของผลการวิจัยว่า สตรอเบอรี่พันธุ์ลูกผสม (F.x ananassa Duch.) ที่ได้จากการผสมพันธุ์ใหม่ๆ โดยผู้บริโภคนิยมและผลิตเป็นการค้าทั่วโลก จะมีปริมาณสารต่อต้านอนุมูลอิสระน้อยกว่าสตรอเบอรี่พันธุ์ดั้งเดิม หรือสตรอเบอรี่ดอย (wild strawberry) อย่างชัดเจน นอกจากนี้ สตรอเบอรี่ลูกผสม เช่น พันธุ์ ?Allstar? ก็ยังพบว่ามีปริมาณของสารต่อต้านอนุมูลอิสระน้อยกว่า พันธุ์ ?Ovation? ทั้งๆ ที่เป็นพันธุ์ลูกผสมประเภทเดียวกัน

การวิจัยที่เป็นข้อมูลสำคัญและใหม่ล่าสุด โดย Wang และ Lewer ในปี 2007 และ Wang กับคณะในปีเดียวกันที่ห้องทดลองทางด้านไม้ผล ของ U.S. Department of Agriculture ได้ค้นพบว่า สารสกัดจากผลสตรอเบอรี่สดพันธุ์ดั้งเดิม ประเภท F. virginiana สามารถหยุดยั้งการขยายตัวของเยื่อบุเซลล์มะเร็งปอด (A549) ของมนุษย์ได้มากถึง 34% ซึ่งมากกว่าสารสกัดจากผลสตรอเบอรี่สายพันธุ์พื้นเมือง (F. chiloensis) และพันธุ์ลูกผสมที่เกิดขึ้นใหม่ (F. X ananassa Duch.) ที่สามารถหยุดยั้งได้เพียง 26 และ 25% ตามลำดับ (นัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ P < 0.0001) นอกจากนี้ ยังรายงานว่า สารสกัดจากผลสตรอเบอรี่ของ F. virginiana มีกิจกรรมของเอ็นไซม์ของสารต่อต้านอนุมูลอิสระมากกว่าในส่วนของสตรอเบอรี่ทั้งสองประเภทข้างต้นที่นำมาเปรียบเทียบกันอย่างมีนัยสำคัญ

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายพัฒนาเกษตรที่สูง สำนักวิจัยและส่งเสริมวิชาการการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้ โทร. (053) 875-108

รับประทาน เคปกูซเบอรี่ เพื่อสุขภาพที่ดีแล้ว...ท่านยังได้ช่วยชาวเขา ช่วยชาวเรา ช่วยชาวโลก...



ที่มา  :  เทคโนโลยีชาวบ้าน









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-04-23 (1388 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©