ผู้ผลิตน้ำตาล สอนเชิงมวยพานิชย์
โรงงานน้ำตาล ตอกกลับพาณิชย์ ผู้ซื้อน้ำตาลผ่านพาณิชย์ไม่ยอมโอนเงินเข้ามา ทำให้รง.น้ำตาลไม่กล้าปล่อยน้ำตาลโควตา ก.พิเศษออก แนะพาณิชย์ต้องไปหาผู้ซื้อรายใหม่จากกลุ่มโมเดลเทรดที่ต้องการน้ำตาลจริงๆ จะช่วยเร่งระบายน้ำตาลค้างกระดานกว่า 700,000 กระสอบออกมาได้ ชี้ถ้าปล่อยให้น้ำตาลค้างกระดานนานแบบนี้มีแต่จะเสีย
แหล่งข่าวจากวงการน้ำตาลเปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ว่า เมื่อเร็วๆนี้กระทรวงพาณิชย์(พณ.)เรียกโรงงานน้ำตาลไปหารือว่า ถ้าไม่ดำเนินการปล่อยน้ำตาลให้ยี่ปั๊วหรือร้านค้าส่ง ทางกระทรวงพาณิชย์จะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ฝ่ายโรงงานน้ำตาลต่างให้ความเห็นว่า ขณะนี้ผู้ซื้อน้ำตาลโควตา ก.พิเศษที่ซื้อผ่านกระทรวงพาณิชย์ 11 ราย มีหลายรายไม่ยอมโอนเงินเข้ามายังโรงงานน้ำตาล ทำให้โรงงานไม่กล้าปล่อยน้ำตาลออกมา
ดังนั้นเมื่อผู้ซื้อ 11 รายไม่โอนเงินเข้ามา ทางกระทรวงพาณิชย์ก็ควรไปหาผู้ซื้อรายใหม่ที่มีความต้องการใช้น้ำตาลจริงๆ เข้ามาเป็นผู้ซื้อน้ำตาลดังกล่าวผ่านกระทรวงพาณิชย์แทนผู้ซื้อดังกล่าวที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มยี่ปั๊ว เนื่องจากขณะนี้มีผู้ใช้น้ำตาลจากกลุ่มโมเดลเทรดต้องการน้ำตาลโควตา ก.พิเศษเพิ่มขึ้นจากน้ำตาลโควตา ก.ปกติ อีกจำนวนมากจากกระทรวงพาณิชย์ เพราะขณะนี้จากการสำรวจผู้ค้าโมเดลเทรดบางแห่งเริ่มมีสต๊อกน้ำตาลในปริมาณจำกัด บางแห่งไม่มีน้ำตาลบางยี่ห้อวางอยู่ในชั้นวางสินค้าแล้วจึงอยากให้กระทรวงพาณิชย์ออกมาปลดล็อกตรงนี้เพื่อจะได้ระบายน้ำตาลออกมาสู่ตลาดได้
โดยขณะนี้มีปริมาณน้ำตาลโควตา ก.พิเศษที่ยังค้างกระดานอยู่และต้องการจะระบายออกมากว่า 700,000 กระสอบ จากที่มีปริมาณน้ำตาลโควตา ก.พิเศษอยู่ทั้งหมดจำนวน 806,000 กระสอบ ก่อนหน้านี้ได้มีการซื้อน้ำตาลผ่านกระทรวงพาณิชย์ออกไปแล้วกว่า 20,000 กระสอบ
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่าถ้าปล่อยให้น้ำตาลยังค้างกระดานนานแบบนี้มีแต่จะเกิดความเสียหาย เพราะขณะนี้ราคาน้ำตาลมีแต่จะถูกลงไปอีก ยิ่งจะทำให้โรงงานน้ำตาลเสียโอกาสไป เพราะ แทนที่จะขายน้ำตาลได้ในราคาที่สูงกว่านี้กลับถูกลงไปเรื่อยๆ โดยล่าสุดราคาน้ำตาลทรายดิบลงมาอยู่ที่14 เซ็นต์/ปอนด์แล้ว จากก่อนหน้านี้ราคาน้ำตาลทรายดิบในตลาดโลกที่ส่งมอบเดือนมีนาคม 2553 พุ่งไต่ระดับ 29 เซ็นต์/ปอนด์ ราคาน้ำตาลทรายขาวลงมายู่ที่ 450 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน จากที่เดือนมีนาคมราคาน้ำตาลส่งมอบยืนอยู่ที่ประมาณ 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ขณะเดียวกัน
หากกระทรวงพาณิชย์ยังไม่ปล่อยน้ำตาลไปสู่มือผู้บริโภค นานต่อเนื่อง ก็จะทำให้น้ำตาลตึงตัวต่อไปได้
ด้านแหล่งข่าวจากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.) กล่าวว่าปัญหาน้ำตาลโควตา ก.พิเศษที่ค้างกระดานอยู่ในขณะนี้ ถ้าโรงงานน้ำตาลหรือกระทรวงพาณิชย์เสนอให้กอน.พิจารณาการระบายน้ำตาลโควตา ก.พิเศษออกมา กอน.ก็สามารถนำเรื่องนี้กลับมาพิจารณาได้ หากนำกลับมาให้โรงงานเป็นผู้ขาย กอน.ก็ต้องเป็นผู้อนุมัติ ก่อน เนื่องจากตามมติเดิมได้ให้กระทรวงพาณิชย์ไปดำเนินการบริหารจัดการน้ำตาลโควตา ก.พิเศษเอง
ขณะนี้มีการคาดการณ์ว่าฤดูการผลิตอ้อยและน้ำตาลปี 2553/2554 จะกลับมามีปัญหาราคาอ้อยอีกครั้ง เนื่องจากราคาน้ำตาลในตลาดโลกกลับมามีแนวโน้มตกต่ำลงอีกหลังจากที่ก่อนหน้านั้นมีการคาดการณ์กันว่าทั่วโลกจะได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติในการปลูกอ้อยจะทำให้ได้รับความเสียหายหนัก ปริมาณอ้อยและน้ำตาลในตลาดโลกจะลดลง แต่จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงกลับพบว่าไม่ได้เสียหายมากอย่างที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่แรก ทำให้ราคาอ้อยที่เคยทะลุ 1,000 บาท/ตันยืนอยู่ได้เพียงระยะสั้นๆในฤดูการผลิตปี 2552/2553 เท่านั้นทำให้ภาระหนี้สินที่ยังชำระคืนไม่หมดอาจจะเป็นปัญหาผูกพันต่อเนื่องไปอีก
"ปีหน้ารัฐบาลอาจจะต้องลงมาดูแลชาวไร่อ้อยอีกครั้งในเรื่องการชดเชยเงินค่าอ้อยเพื่อให้คุ้มกับต้นทุนการผลิต"
นายประกิต ประทีปะเสน ประธานคณะกรรมการประสานงาน 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทรายกล่าวก่อนหน้านี้ว่า จากกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือโรงงานน้ำตาลช่วยเหลือแก้ปัญหาน้ำตาลทรายตึงตัว โดยขึ้นงวดน้ำตาลทรายภายในประเทศ (โควตา ก.) โควตาพิเศษ จำนวน 1 ล้านกระสอบ ให้กับยี่ปั๊ว /ซาปั๊ว 11 ราย เพื่อไปกระจายในตลาด นั้น ปรากฏว่า ที่ผ่านมายี่ปั๊ว/ซาปั๊วมาซื้อน้ำตาลโควตาพิเศษจากโรงงานยังไม่ถึง 1 แสนกระสอบ ซึ่งเป็นจำนวนน้อยและล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็นอย่างมาก
"ที่มีข่าวว่า โรงงานน้ำตาลไม่ยอมปล่อยน้ำตาลในส่วนนี้ออกนั้น อาจจะเป็นความเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะน้ำตาลทรายขาวนั้น มีหลายเกรด ส่วนที่โรงงานน้ำตาลทำสัญญาขายล่วงหน้าไปเกือบหมดแล้วนั้น เป็นน้ำตาลทรายขาวธรรมดา แต่ในส่วนที่ใช้บริโภคโดยทั่วไปนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เกรดนี้ สามารถใช้น้ำตาลทรายขาวในเกรดอื่นๆ ได้ เช่น Refine และทรายขาวธรรมดาเกรด 3 ก็ได้ ซึ่งแต่ละโรงงานก็ได้จัดสรรน้ำตาลดังกล่าวไว้แล้ว และเพื่อเป็นการแสดงเจตนาที่จะให้ความร่วมมือกับภาครัฐอย่างเต็มที่ หากยี่ปั๊ว/ซาปั๊วรายใดประสบปัญหาขอให้แจ้งมายังสมาคม จะได้ช่วยประสานกับโรงงานน้ำตาลนั้นๆ โดยตรง เพื่อให้สามารถกระจายน้ำตาลโควตาพิเศษเข้าสู่ตลาด และลดปัญหาการตึงตัวของน้ำตาลในตลาดตามที่กระทรวงพาณิชย์ต้องการ"
ที่มา : ฐานเศรษฐกิจ
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.