ปราชญ์ชาวบ้านผู้เรียนรู้จากการปฏิบัติจริงรวมตัวตั้งโรงเรียนชาวนาถ่ายทอดความรู้ หวังกู้วิกฤตด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มอบเป็นวิทยาทานให้กับเยาวชนและชาวบ้านสนใจเรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติ
โดย...สิทธิพจน์ เกบุ้ย
มีปราชญ์ชาวบ้านหลายร้อยคนในสังคมไทย ที่เสนอหลักคิด วิธีการทำงาน เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับชุมชนและสังคม ผ่านกระบวนการการปฏิบัติตลอดชีวิต จากลองผิดลองถูก เช่นเดียวกับ นายจักรภฤต บรรเจิดกิจ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 48 หมู่ 2 บ้านน้อย ต.สายคำโห้ อ.เมือง จ.พิจิตร ผู้ซึ่งทางราชการยกย่องให้เป็นปราชญ์ชาวบ้าน เนื่องจากเป็นผู้ที่รอบรู้และตระหนักถึงสภาวะความต้องการอาหารของมนุษย์ ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีความต้องการมากขึ้น
อีกทั้ง ภาวะโลกร้อนที่เกิดจากภาคอุตสาหกรรมทำให้เกิดความแปรปรวน ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาล เกิดพายุ เกิดน้ำท่วม เกิดภูเขาไฟระเบิด และอีกมากมายจากภัยธรรมชาติ ซึ่งล้วนเป็นการลงโทษมนุษย์โดยธรรมชาติ ดังนั้น จึงอยากทำให้ในอนาคตประเทศชาติใดมีอากาศบริสุทธิ์ มีน้ำดื่มสะอาด และเป็นผู้ผลิตพืชผลอาหารเลี้ยงชาวโลกได้ก็จะได้เป็นมหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่มากกว่าการมีอาวุธนิวเคลียร์ ดังนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงให้แนวทางพสกนิกรปวงชนชาวไทยที่ทำอาชีพการเกษตร ให้เข้าสู่การทำไร่นาสวนผสมสู่ระบบเศรษฐกิจพอเพียง และให้เรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติเพื่อขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
นางบุปผา อุ้ยเอ้ง เกษตรและสหกรณ์จ.พิจิตร บอกว่า เกษตรแสะสหกรณ์จึงเล็งเห็นความสำคัญในเรื่องดังกล่าว จึงได้เรียกปราชญ์ชาวบ้านที่ล้วนเป็นชาวนา ชาวสวน ชาวไร่ และมีความรู้จากการปฏิบัติจริงให้มารวมตัวกัน เพื่อถ่ายทอดความรู้จากประสบการณ์จากรุ่นสู่รุ่น จึงได้ตั้งศูนย์เรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติเพื่อขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ขึ้นที่บ้านพักกลางทุ่งนาของเกษตรกรที่เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ตั้งอยู่ที่ 48 หมู่ 2 ต.สายคำโห้ อ.เมือง จ.พิจิตร
ทั้งเกษตรกรและสหกรณ์จ.พิจิตร ได้ให้งบสนับสนุนเป็นการปรับปรุงอาคารหลังคามุงแฝก เพื่อใช้เป็นที่เรียนรู้ 80,000 บาท และให้งบประมาณในการจัดฝึกอบรมชาวบ้านและเยาวชนตลอดจนพี่น้องเกษตรกร อีก 9 รุ่น เป็นจำนวนเงิน 900,000 บาท โดยตั้งเป้าอบรมมาตั้งแต่เดือนมกราคม 2553 ไปจนถึง สิ้นเดือน พฤษภาคม 2553 อบรมรุ่นละ 40 คน เป็นเวลา 4 วัน 3 คืน ซึ่งมีผู้เรียนรู้วิชาต่าง ๆ จากปราชญ์ชาวบ้านไปแล้วเกือบ 300 คน
"หลักสูตรที่เปิดอบรมถ่ายทอดความรู้จากปราชญ์ชาวบ้านสู่ชาวบ้านที่เป็นชาวไร่ ชาวนา ประกอบด้วย ฐานเรียนรู้ปลุกจิตสำนึกคนรู้รักษ์แม่พระธรณี แม่พระโพสพ แม่พระคงคา แม่พระพาย แม่พระเพลิง"
นางบุปผา กล่าว
อีกทั้งยังเปิดสอนหลักสูตรการเลี้ยงไก่ชนที่มีลุงสมควร สมเคราะห์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่ 45/1 หมู่ 2 ต.สายคำโห้ อ.เมือง จ.พิจิตร ซึ่งในอดีตเป็นนักพนันและเซียนไก่ชนตัวยง เป็นมือให้น้ำไก่ตามบ่อนไก่ต่าง ๆ มาแล้วหลายร้อยสังเวียน พออายุมากขึ้นก็แขวนนวมจากการพนันมาเพาะเลี้ยงไก่ชนขาย มีตั้งแต่ราคาหลักร้อยถึงหลักหมื่น เป็นผู้ถ่ายทอด
นอกจากนี้ นางบังอร สีดา อายุ 50 ปี เกษตรกรปราชญ์ชาวบ้าน จากหมู่ 2 ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร ที่ทำไร่นาสวนผสมและปลูกผักปลอดสารพิษขาย ประสบความสำเร็จจากการใช้น้ำส้มควันไม้ก็มาสอนวิชาคนเอาถ่าน คือ การเผาถ่านเพื่อสกัดเอาน้ำสมควันไม้ไปฉีดพ่นเป็นสารป้องกันแมลง และได้ถ่านไปเป็นพลังงานเชื้อเพลิง
อีกทั้ง นางสุวิมล ปานประสิทธิ์ อายุ 48 ปี เรียนจบจากวิทยาลัยเกษตรพิจิตร แล้วก็ไปใช้ชีวิตชาวนา 100 เปอร์เซ็นต์ ที่บ้านเกิด หมู่ 2 ต.ย่านยาว อ.เมืองพิจิตร ก็มาถ่ายทอดกรรมวิธีการใช้ปุ๋ยน้ำสกัดจากมูลสัตว์ที่ทำง่าย ๆ แต่ได้ประโยชน์แร่ธาตุอาหารแก่พืช ลดการซื้อสารยูเรีย ซึ่งเป็นธาตุอาหารจำเป็นต่อพืช
เ
ช่นเดียวกับ นายคำสิงห์ ชัยมุต อายุ 55 ปี ปราชญ์ชาวบ้าน จากหมู่ 2 ต.หนองโสน อ.สามง่าม จ.พิจิตร ก็มาสอนและถ่ายทอดความรู้เรื่อง การใช้สมุนไพร ในการกำจัดแมลงและศัตรูพืช เพื่อให้ผลผลิตออกมาเป็นพืชปลอดสารพิษ
นอกจากนี้ นางสาวทัศนีย์ เลี่ยมแจง อายุ 27 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ต.ย่านยาว อ.เมือง จ.พิจิตร ผู้ซึ่งเป็น ปราชญ์ชาวบ้านในการเลี้ยงหมูหลุม โดยหลักธรรมชาติหมูโตเร็วถ่ายมูลออกมาไม่เหม็น และสามารถนำมูลสุกรไปใช้เป็นปุ๋ยในไร่นาได้
นอกจากนี้ คุณลุงณรงค์ น้อยตา อายุ 60 ปี อดีตข้าราชการบำนาญเคยเป็นครูโรงเรียนจุฬาภรณ์ พิษณุโลก แต่ใจรักการเกษตรและได้เป็นปราชญ์ชาวบ้าน นอกเหนือจากวุฒิปริญญาตรี คือ รู้ลึก รู้จริง ทำจริง เรื่องการเลี้ยงกบทั้งในบ่อธรรมชาติ บ่อปูน เลี้ยงกบคอนโดในยางรถยนต์ ลองผิดลองถูกจนสามารถถ่ายทอดความรู้สู่พี่น้องเกษตรกรได้ ก็มาร่วมเป็นทีมปราชญ์ชาวบ้านแบ่งปันความรู้สู่ชุมชนคนภูธร
จากความเข้มแข็งของปราชญ์ชาวบ้านผนวกกับความเสียสละจึงได้เกิดศูนย์เรียนรู้กสิกรรมธรรมชาติเพื่อขับเคลื่อนปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำรัสของในหลวงที่ทรงพระราชทานไว้ว่า “ไม่มีความยากจนในหมู่คนขยัน” จึงบังเกิดขึ้น
ดังนั้น ถ้าพี่น้องเกษตรกรสนใจจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ดูงาน สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 086-4616239 , 081-0415883 ซึ่งศูนย์แห่งนี้มีวิชาการทำน้ำส้มควันไม้ การทำน้ำหมักสมุนไพรไล่แมลง และการทำฮอร์โมนน้ำชีวภาพ การขยายเชื้อจุลินทรีย์เห็ดโคนป่า การคัดเมล็ดพันธุ์ข้าว การทำปุ๋ยหมักเติมอากาศ การทำน้ำยาซักผ้า ล้างจาน สบู่แบบเอนกประสงค์ รวมถึง การเลี้ยงไก่พื้นเมือง เลี้ยงกบ เลี้ยงปลาดุก เลี้ยงไส้เดือน
โดยปราชญ์ชาวบ้านจะเป็นผู้ถ่ายทอด ให้กับผู้ที่สนใจจะเรียนรู้เพื่อนำไปพัฒนาอาชีพการเกษตร ให้ประเทศไทยเป็นครัวโลกผู้ผลิตอาหารเลี้ยงชาวโลกต่อไปอีกด้วย
ที่มา : โพสต์ทูเดย์