ธ.ก.ส.เตรียม 4.2 แสนล้าน อัดฉีดภาคชนบท
ธ.ก.ส.โชว์ผลงานปี 52 จ่ายสินเชื่อสนับสนุนภาคชนบทไปกว่า 600,000 ล้านบาทขณะที่ยอดเงินฝากเพิ่มเป็น 640,000 ล้านบาท เผยปี 53 ตั้งเป้าจ่ายสินเชื่อ 420,000 ล้านบาท เงินฝากเพิ่มอีก 20,000 ล้านบาท..
เมื่อวันที่ 28 เม.ย. นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของ ธ.ก.ส. ในปีบัญชี 2552 (1 เม.ย. 52-31 มี.ค. 53) สามารถจ่ายสินเชื่อเพื่อสนับสนุนภาคเศรษฐกิจในชนบท เป็นเงิน 404,199 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 323,000 ล้านบาท หรือ 25.14% โดยสินเชื่อที่จ่ายไปประกอบด้วย การจ่ายสินเชื่อตามปกติของ ธ.ก.ส. ให้กับเกษตรกรลูกค้า รายคน 199,923 ล้านบาท สถาบันเกษตรกร 46,001 ล้านบาท สินเชื่อสนับสนุนการสร้างงานในชนบท 55,159 ล้านบาท สินเชื่อเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุม ชน 24,683 ล้านบาท และสินเชื่อสนับสนุนงานตามนโยบายรัฐบาล เช่น การยกระดับราคาผลผลิตทางการเกษตร จำนวน 78,433 ล้านบาท โดยมียอดสินเชื่อคงเหลือ 635,350 ล้านบาท และมียอดหนี้ค้างชำระ 38,013 ล้านบาท คิดเป็น 8% ของสินเชื่อคงเหลือเฉพาะภาคการเกษตร โดยมีกำไรสุทธิ 7,448 ล้านบาท
ด้านเงินฝาก ธ.ก.ส. รับเงินฝากเพิ่มขึ้น 56,729 ล้านบาท ทำให้มียอดเงินฝากรวมเป็นเงิน 642,599 ล้านบาท ส่งผลให้ฐานะทางการเงินด้านสินทรัพย์เพิ่มเป็น 764,571 ล้านบา โดยในปีบัญชี 2552 ธ.ก.ส. ได้ดำเนินภารกิจสำคัญตามนโยบายของรัฐบาลค่อนข้างมาก เช่นโครงการประกันรายได้เกษตรกรปีการผลิต 2552/53 ใน 3 พืชหลัก คือ ข้าว ข้าว โพด เลี้ยงสัตว์ และมันสำปะหลัง ซึ่งมีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 4,069,189 ราย และได้โอนเงินส่วนต่างไปให้เกษตรกรแล้ว 35,369 ล้านบาท โครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินนอกระบบได้เปิดรับลงทะเบียน และกรมบัญชีกลางได้คัดแยกเกษตรกรที่มีหนี้นอกระบบมาให้ดำเนินการ 608,384 ราย มูลหนี้ 64,536 ล้านบาท
ในจำนวนนี้ ธ.ก.ส. ได้ดำเนินการโอนหนี้นอกระบบมาไว้ที่ ธ.ก.ส. เมื่อวันที่ 31 มี.ค. 53 จำนวน 15,321 ราย จำนวนเงิน 1,013 ล้านบาท โครงการฟื้นฟูและพักหนี้เกษตรกรรายย่อยและยากจนซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องมีเกษตรกรเข้าร่วมโครงการ 304,639 ราย ในจำนวนนี้สมัครเข้าร่วมโครงการอบรมฟื้นฟู 206,709 ราย โดย ธ.ก.ส.ได้ดำเนินการพัฒนาทั้งในเรื่องการอบรมสัจธรรมชีวิตเพื่อลดละเลิก อบายมุข การให้ความรู้เพื่อลดต้นทุนการผลิต ลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนและการทำอาชีพเสริมเพิ่มรายได้ ซึ่งผลการดำเนินงานมีเกษตรกรที่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตามวัตถุประสงค์ของโครงการ 170,245 ราย หรือคิดเป็น 82.36% และการจ่ายสินเชื่อโครงการ Fast track 25,000 ล้านบาท เป็นต้น
สำหรับปีบัญชี 2553 (31 มี.ค. 53-1 เม.ย. 54) ได้กำหนดเป้าหมายการสนับสนุนสินเชื่อภาคชนบท และการสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจ 420,000 ล้านบาท แบ่งเป็นสินเชื่อเพื่อผลิตพืชเศรษฐกิจหลัก 140,000 ล้านบาท พืชพลังงานทดแทน 45,500 ล้านบาท สินเชื่อปศุสัตว์และประมง 44,500 ล้านบาท สินเชื่อสนับสนุนธุรกิจสถาบันเกษตร กร 52,000 ล้านบาท สินเชื่อสนับสนุนการสร้างงานในชนบท 68,000 ล้านบาท สินเชื่อเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจชุมชน 30,000 ล้านบาท และสินเชื่อสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล 40,000 ล้านบาท พร้อมวางเป้าหมายการบริหารจัดการคุณภาพหนี้ตามศักยภาพของเกษตรกร โดยรักษาหนี้ค้างชำระไม่เกิน 7.5% นอกจากนั้นจะดำเนินการจัดทำฐานข้อมูลลูกค้ารายคน เพื่อใช้ในการบริหารงานสินเชื่ออย่างมีประสิทธิภาพ โดยจัดทำโครงการนำร่องระบบฐานข้อมูล GIS เป็นแห่งแรก ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี.
ที่มา : ไทยรัฐ
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.