-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 198 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

ข่าวทั่วไป19





ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ

ปีนี้ใครๆ ก็บอกว่าเป็นปีทองภาคเกษตรไทย โดยเฉพาะ "ข้าว"เนื่องจากผลผลิตและสต๊อกข้าวโลกลดลงจากปี 2552 ขณะที่ความต้องการข้าวในตลาดโลกมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งประเทศผู้ส่งออกสำคัญๆ เช่นอินเดีย ประสบภาวะแห้งแล้งผลผลิตได้รับความเสียหายนอกจากไม่ส่งออกแล้ว วงการค้าข้าวต่างเฝ้าจับตาอินเดียอย่างใกล้ชิดว่าปีนี้จะนำเข้าข้าวหรือไม่  รวมทั้งประเทศผู้นำเข้าบางประเทศประสบปัญหาภัยธรรมชาติต้องนำเข้าข้าวเพิ่มขึ้น เช่น ฟิลิปปินส์ อิหร่าน และแอฟริกาใต้ ดังนั้นคาดว่าราคาข้าวปีนี้น่าจะปรับสูงขึ้นจากปี 2552 แต่ไม่เท่าปี 2551

ทิศทางราคาข้าวตั้งแต่ต้นปีอยู่ในช่วงขาขึ้นมาโดยตลอด แต่จู่ๆ ผ่านกลางเดือนกุมภาพันธ์มาไม่กี่วัน ราคาข้าวของไทยกลับดิ่งหัวทิ่ม ข้าวเปลือกเหลือตันละ 7,000-8,000 บาท ข้าวสารเหลือกระสอบละ 1,450-1,500 บาท ด้วยสาเหตุจากรัฐบาลเปิดประมูลขายข้าวในสต๊อกเป็นปริมาณ 500,000 ตัน ช่วงวันที่ 22-23 กุมภาพันธ์ ต่อมาได้มีการยกเลิกราคาเริ่มดีดกลับขึ้นแต่ยังอยู่ในเกณฑ์ต่ำ จนชาวนาหลายพื้นที่เดินขบวนประท้วง และรัฐบาลใช้มาตรการตั้งโต๊ะรับซื้อ ทิศทางราคาข้าวหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรจึงยังต้องเฝ้าจับตาอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยนำโดยนางสาวกอบสุข เอี่ยมสุรีย์ นายกสมาคม พร้อมด้วยนายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์ และพ่อค้าข้าวที่ร่วมเดินทางครั้งนี้กว่า 30 คน อาทิ เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ จากบริษัท อุทัยโปรดิวส์ฯ ผู้ส่งออกข้าวหอมมะลิรายใหญ่  เป็นต้น ได้เดินทางสำรวจผลผลิตข้าวพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างและภาคกลาง ระหว่างวันที่ 25-26 กุมภาพันธ์

กิจกรรมสำคัญระหว่างสำรวจผลผลิตข้าว ได้แก่การประชุมแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกันกับผู้ประกอบการโรงสีในพื้นที่ ส่วนราชการสำคัญๆ เช่น พาณิชย์จังหวัด เกษตรจังหวัดในพื้นที่ เยี่ยมชมกิจการตลาดกลางข้าวเปลือก กิจการโรงสี จังหวัดสุพรรณบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี นนทบุรี ปทุมธานี อยุธยา ลพบุรี ชัยนาท สระบุรี พิษณุโลก นครสวรรค์ อุทัยธานี กำแพงเพชร พิจิตร เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุตรดิตถ์ น่าน

สำหรับผลสำรวจข้าวพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง ประจำปี 2553 พบว่าสถานการณ์การผลิตข้าวนาปี 2552/2553 ผลผลิตต่อไร่ลดลงจากปีที่แล้ว เนื่องจากการระบาดค่อนข้างรุนแรงของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ในจังหวัดต่างๆ อาทิ กำแพงเพชร พิษณุโลก พิจิตร นครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี สิงห์บุรี และอ่างทอง จึงทำให้คาดว่าผลผลิตข้าวเปลือกนาปี 2552/53 ทั้งประเทศจะมี 22.972 ล้านตันข้าวเปลือกลดลงจากปีที่แล้ว 0.263 ล้านตันข้าวเปลือก ส่วนนาปรังประเมินว่าจะลดลง 30% หรือราว 1 ล้านตัน จะได้ผลผลิตรวมราว 8.3 ล้านตัน 

จากผลผลิตข้าวที่ลดลงดังกล่าวน่าจะทำให้ราคาข้าวขยับสูงขึ้น  นายมนัส ห้วยหงษ์ทอง นายกสมาคมโรงสีข้าวจังหวัดสุพรรณบุรี กล่าวว่าพอมีข่าวรัฐบาลจะเปิดระบายข้าว ผู้ส่งออกกดราคาซื้อข้าวจากโรงสี จึงทำให้โรงสีต้องซื้อข้าวจากชาวนาในราคาที่ลดลง 

ด้านนางสาวกอบสุข กล่าวว่า สาเหตุที่ทำให้ผู้ส่งออกไม่ซื้อข้าวนั้น มาจากกูรูหลายๆ คนชี้ว่าปีนี้จะเป็นปีทองของข้าวไทย ดังนั้นช่วงต้นปีผู้ส่งออก และโรงสีจึงซื้อข้าวเก็บในสต๊อกกันเป็นจำนวนมาก หากรวมสต๊อกของผู้ส่งออกรวมกันแล้วน่าจะมีประมาณ 700,000-800,000 ตัน ซึ่งถ้าหากว่าผลผลิตข้าวนาปรังปี 2553 จะลดลง 30% หรือราวประมาณ 1 ล้านตันข้าวเปลือก และบางจังหวัดประสบภัยแล้งนั้นผลผลิตที่ลดลงจึงไม่น่ากระทบปริมาณการส่งออก
ส่วนสต๊อกผู้ส่งออกจะหมดเมื่อไรขึ้นอยู่กับออร์เดอร์กลับมาเร็วแค่ไหน ถ้ามาเร็ว ก็ระบายได้เร็ว แต่ประมาณ 1 เดือนหรือ 2 เดือน ก็เต็มที่แล้ว เพราะถ้านานกว่านี้โรงสีก็อยู่ไม่ได้ถ้าเราไม่ซื้อ เพราะโดยปกติผู้ส่งออกก็จะมีกลุ่มโรงสีที่ซื้อขายเป็นประจำก็เหมือนกับโรงสีกับชาวนา จึงอยากจะบอกว่าโรงสีไม่ต้องบ่น เพราะเราอยู่บนเรือลำเดียวกัน โรงสีก็ต้องพยายามช่วยชาวนา ผู้ส่งออกก็เช่นเดียวกันเรามีกลุ่มโรงสี พยายามป้อนเขาบ้างเพื่อให้เขาได้มีงานทำ

นางสาวกอบสุข ประเมินว่าราคาข้าวคาดว่าไม่น่าจะตกต่ำไปกว่านี้ อาจจะทรงอยู่ เช่นยกตัวอย่างฟิลิปปินส์จะซื้ออีก 1 ล้านตันแม้ว่า ไทยจะไม่ได้เป็นผู้ขายก็ตามจะมีผลที่จะดึงราคาข้าวขยับขึ้นได้   สำหรับยอดส่งออกไตรมาสแรก 1 ล้านกว่าตัน ถือว่าอยู่ในเป้า แต่ขณะนี้เริ่มชะลอตัว ดังนั้นจะต้องติดตามออร์เดอร์ว่ากลับมาเยอะ หรือว่ากลับแบบแผ่วๆ
"ขณะนี้ราคาข้าวไทยแข่งขันในตลาดโลกไม่ได้ ราคาสูงเกินไป อีกทั้งคู่แข่งขันอย่างเวียดนามได้ลดค่าเงินดองยิ่งทำให้ราคาถูกลงไปอีก หนำซ้ำยังจับมือกับกัมพูชานำข้าวกัมพูชามาขายแข่งอีก ไม่นับรวมประเทศผู้ซื้อตอนนี้มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหลังจากที่ซื้อข้าวไทยในราคาที่สูงเกินไปหันไปใช้ธัญพืชอื่นมารับประทานทดแทน อย่างข้าวสาลี ขณะนี้ประมาณตันละ 190 ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่อย่างไรก็ตามผู้ส่งออกมั่นใจว่ารัฐบาลเดินมาถูกทางแล้วที่ใช้การประกันรายได้เกษตรกรแทนการรับจำนำเหมือนในอดีต

ที่มา  :  ฐานเศรษฐกิจ









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-04-23 (1028 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©