-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 416 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

ข่าวเกษตร40





องอาจ ตัณฑวณิช ชมรมการจัดการทรัพยากรเกษตร www.ongart04@yahoo.com

ดอกหน้าวัว ที่ไร่แผ่นดินทอง

ดอกหน้าวัว เป็นไม้ตัดดอกที่เป็นที่นิยมในการนำมาใช้ประโยชน์มานานแล้ว แต่ความรู้เกี่ยวกับการปลูกมักจะไม่ค่อยมีการเปิดเผยกันมากนัก เกษตรกรส่วนใหญ่มีความรู้สึกว่า ต้นหน้าวัวปลูกยาก จึงมักถูกละเลยไปปลูกดอกไม้อย่างอื่นแย่งตลาดกันจนวุ่นวาย ความคิดการทำเกษตรแบบเฮโลสาระพา ใครปลูกอะไรได้ก็พากันปลูก น่าจะเปลี่ยนไปได้แล้ว ผมชอบใจสโลแกนของสวนการเกษตรแห่งหนึ่ง ใช้คำว่า ใครทำได้ เราไม่ทำ มีความหมายว่า ถ้าเกษตรกรคนอื่นทำได้ปลูกได้ ก็จะมีคนทำสิ่งนั้นมากๆ ผลผลิตออกมาก็ล้นตลาด เราก็จะไม่ทำเหมือนที่เขาทำ

จุดเริ่มต้นในการทำสวนหน้าวัว

จากงานรับเหมาก่อสร้างที่ คุณชัยวัฒน์ เชิญสวัสดิ์ เริ่มเบื่อหน่าย จึงหันมามองงานด้านเกษตร เนื่องจากเห็นว่าเป็นงานอิสระและมีที่ดินจำนวน 6 ไร่ ในบ้านหนองตะโกวา อำเภอปากช่อง พื้นที่ว่างหลังบ้านยังไม่ได้ทำอะไร พอดีมีเจ้าหน้าที่ของบริษัทยักษ์ใหญ่เกี่ยวกับทางด้านงานเกษตรมาแนะนำให้ปลูกหน้าวัว โดยมีเงื่อนไขว่า บริษัทจะรับซื้อดอกหน้าวัวที่ตัดทั้งหมด พร้อมให้คำแนะนำเรื่องปุ๋ย-ยา วิธีการปลูกเลี้ยง การดูแลรักษา แบบครบวงจร และยังรับสร้างโรงเรือนสำหรับปลูกเลี้ยงให้ด้วย แต่เงินทุนทั้งหมดเป็นของเจ้าของ คุณชัยวัฒน์จึงตัดสินใจปลูกเลี้ยงหน้าวัว ในพื้นที่ 1 ไร่ หลังบ้านก่อน โดยในคราวนั้นใช้งบประมาณในการก่อสร้างโรงเรือนและต้นพันธุ์ไปเกือบ 3 ล้านบาท จากการปลูกเลี้ยงตามคำแนะนำของบริษัท โดยก่อนหน้านั้นได้นำน้ำบาดาลที่จะใช้ในการปลูกหน้าวัวไปตรวจด้วย และบริษัทยืนยันว่าน้ำสามารถใช้ได้กับดอกหน้าวัว

หลังจากการปลูกเลี้ยงไประยะหนึ่งก็เกิดปัญหา 2 ประการ คือ น้ำบาดาลที่ใช้ไม่เหมาะกับต้นหน้าวัว เพราะมีหินปูนมาก ซึ่งจะเกาะหน้าใบจะขาวโพลนไปหมด จึงต้องแก้ปัญหาด้วยการติดระบบกรองน้ำไปจำนวนประมาณ 300,000 บาท ปัญหาที่เกิดตอนหลังอีกคือ เกิดโรคระบาดทั่วทั้งแปลง เจ้าหน้าที่ของบริษัทมาดูก็แจ้งกับคุณชัยวัฒน์ว่า ไม่เคยเจอโรคแบบนี้ ตอนหลังโทร.ไปกลับบอกอยู่ต่างจังหวัดบ้าง ให้รออีก 2 สัปดาห์ บ้าง จนดอกหน้าวัวตายไปเกือบหมดทั้งแปลง จนคุณชัยวัฒน์ต้องทำลายต้นหน้าวัวที่เป็นต้นพันธุ์ของบริษัททั้งหมดเพื่อป้องกันโรคระบาด จากนั้นได้ติดต่อพันธุ์ใหม่เข้ามา และได้ขอความรู้จากหน่วยราชการต่างๆ เรื่องโรค ทำให้พ้นวิกฤติไปได้ หลังจากนั้น ก็ไม่เคยได้รับการติดต่อจากบริษัทดังกล่าวอีกเลย คุณชัยวัฒน์ กล่าวย้ำว่า อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับเกษตรกรทั้งหลาย อย่าเห็นว่าบริษัทมีชื่อเสียงจะมีความรับผิดชอบเสมอไป

ประสบการณ์สอนให้เราเรียนรู้ได้ด้วยตัวเอง
คุณอารยา เชิญสวัสดิ์ คู่ชีวิตคุณชัยวัฒน์เป็นเรี่ยวแรงคนสำคัญที่ให้ทั้งกำลังใจและช่วยงานในการปลูกเลี้ยงอย่างเอาใจใส่ จึงทำให้รอดพ้นจากความล้มเหลวในการปลูกหน้าวัว จนกลายเป็นผู้มีความรู้ทางด้านนี้เป็นอย่างมาก จนมีคณะจากส่วนราชการหลายหน่วยงานมาเยี่ยมชมกันไม่ขาดสาย ความรู้ที่ได้จากประสบการณ์ที่ทั้งคู่เรียนรู้ด้วยตัวเอง พร้อมที่จะถ่ายทอดให้แก่เกษตรกรผู้มีความสนใจอย่างไม่ปิดปัง เพราะเห็นว่าเกษตรกรบ้านเรามีความรู้น้อยและมีความซื่อสัตย์ จึงมักจะโดนเอาเปรียบจากคนที่เห็นแก่ตัวที่อาศัยข้อจำกัดของเกษตรกรแสวงหาผลประโยชน์

โรงเรือนที่เหมาะกับการปลูกดอกหน้าวัว
จากโรงเรือนของบริษัทที่ทำให้ไร่ละล้านกว่าบาท คุณชัยวัฒน์มาปรับใช้วัสดุที่ถูกกว่า เหลือแค่ 200,000 กว่าบาทเท่านั้น ซึ่งราคาแตกต่างกันค่อนข้างมาก วัสดุมีการเปลี่ยนจากเสาเหล็กมาเป็นเสาปูน ความสูงจากพื้นถึงหลังคาซาแรน 3 เมตร ส่วนซาแรนใช้ 80 เปอร์เซ็นต์ เพื่อพรางแสง หลังคาของโรงเรือนไม่จำเป็นจะต้องสร้างแบบกันฝน แต่ถ้าทำซาแรน 2 ชั้น ไว้ใช้ในหน้าร้อนจะเป็นการดี บริเวณรอบโรงเรือนใช้ซาแรนปิดให้หมด เพื่อควบคุมความชื้นของแปลงปลูกและสามารถป้องกันแมลงได้มากพอสมควร นานครั้งแมลงจึงจะระบาดในแปลง ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้ยาฆ่าแมลงมากนัก เป็นการลดค่าใช้จ่ายและถนอมสุขภาพของเกษตรกรอีกด้วย ความชื้นที่เหมาะสมของแปลงปลูก คือ 50-80 ส่วนแปลงปลูกจะมีความกว้าง 1.2 เมตร ความยาวได้ตามที่ต้องการ ทางเดินในแปลงเว้นไว้ 80 เซนติเมตร

ต้นที่ปลูกจะห่างกัน 30 เซนติเมตร เพราะฉะนั้นแถวหนึ่งจะปลูกได้ 4 ต้น ใต้แปลงปลูกจะปูแผ่นพลาสติคดำ แล้วค่อยวางวัสดุปลูก โดยจะเป็นถ่านที่มีก้อนขนาดเล็กหน่อยตามขนาดต้น แล้วค่อยใส่ไปเรื่อยๆ เมื่อต้นมีขนาดใหญ่และรากโพล่พ้นเครื่องปลูก เมื่อสามารถให้ผลผลิตแล้วเครื่องปลูกจะหนาประมาณ 10 เซนติเมตร รอบๆ แปลงจะใช้ซาแรนล้อมตลอด สูงประมาณ 50 เซนติเมตร พร้อมติดตั้งท่อ พีอี ทั้ง 2 ฝั่ง ของแปลง สูงขึ้นมาประมาณ 30 เซนติเมตร โดยใช้หัวสปริงเกลอร์ฉีดพ่นเข้าในแปลง

น้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเลี้ยง
คุณอารยา หรือ คุณเล็ก บอกว่า น้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญในการผลิตดอกหน้าวัวให้สวยสมบูรณ์ มีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของตลาด จึงควรนำน้ำที่จะใช้รดไปตรวจสอบก่อนที่จะตัดสินใจปลูก น้ำที่ใช้ควรเป็นกรดอ่อนๆ ค่า พีเอช อยู่ประมาณ 5.5-6 แต่น้ำที่ปากช่องเป็นน้ำที่มีค่า พีเอช สูงถึง 7.5 ทำให้ต้องใช้กรดไนตริกช่วยปรับค่า พีเอช ปริมาณที่ใช้คือ กรดไนตริก 1 ลิตร ต่อน้ำ 18,000 ลิตร และทางไร่ได้เครื่องกรองน้ำที่มีประสิทธิภาพในการกรองน้ำหินปูนได้ดี เราจึงเห็นน้ำในอ่างที่เก็บไว้ของคุณเล็กสะอาดใสเหมือนน้ำที่ใช้ในสระว่ายน้ำเลย การรดน้ำทำเพียงวันละ 1 ครั้ง ตอนเช้า

การจัดการดูแลแปลงปลูก
ในพื้นที่ 3 ไร่ ของไร่แผ่นดินทอง ใช้คนงานดูแลเพียงครอบครัวเดียว มีสามีกับภรรยา ส่วนคุณชัยวัฒน์และคุณอารยาก็ช่วยดูแล ซึ่งจำนวนคน 4 คน สามารถดูแลได้ถึง 5 ไร่ ในอนาคตคุณชัยวัฒน์กล่าวว่า จะขยายพื้นที่ปลูกดอกหน้าวัวให้ครบในพื้นที่ที่เหลืออยู่จนครบ 5 ไร่ เนื่องจากปัจจุบันนี้ ดอกหน้าวัวที่ตัดไม่พอส่งลูกค้า คุณชัยวัฒน์จึงตัดส่งเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ที่นำไปจำหน่ายต่อให้กับร้านดอกไม้รายย่อยอีกทีหนึ่ง การดูแลแปลงปลูกไม่ได้ยุ่งยากมาก มีเพียงการรดน้ำ ซึ่งใช้ระบบสปริงเกลอร์แทนการเดินรด จึงไม่เสียเวลา ได้มีเวลาที่เหลือเดินดูแปลงว่ามีโรคหรือแมลงศัตรูพืชคุกคามหรือไม่ และใน 1 สัปดาห์จะยุ่งอยู่ก็วันที่ตัดดอกเพื่อนำไปส่งให้ลูกค้าเท่านั้น การปลูกเลี้ยงดอกหน้าวัวเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการอาชีพเสริม ปลูกไว้หลังบ้าน เพราะใช้แรงงานน้อย ควบคุมดูแลได้ง่าย งานทางด้านการเกษตรเหมาะสำหรับคนใจรักเท่านั้น อย่าได้คิดแบบอุตสาหกรรม 1 บวก 1 เท่ากับ 2 เพราะเมื่อคิดว่าทำ 1 ไร่ ได้กำไร 20,000 ทำ 10 ไร่ กำไร 200,000 เดี๋ยวจะพานไม่เหลือสักหมื่น เนื่องจากการดูแลเอาใจใส่ของเจ้าของกับลูกจ้างแตกต่างกันมาก อย่าไว้ใจเด็ดขาด มิฉะนั้นจะต้องเสียของรัก (เงิน) เป็นแน่แท้ เดี๋ยวนี้แรงงานค่อนข้างหายาก เกษตรต้องเน้นการพึ่งพาแรงงานของตนเองและคนในครอบครัว ถ้างานใดใช้เครื่องทุ่นแรงได้ สมควรใช้ ถึงแม้ว่าจะเป็นการลงทุนสูง แต่จะประหยัดการใช้แรงงาน แต่อย่างไรก็ตาม ควรคิดให้รอบคอบก่อนการลงทุน ดูตลาดก่อนทำการเกษตร เกษตรกรเก่งๆ สามารถควบคุมการผลิตได้ แต่ไม่สามารถควบคุมกลไกทางการตลาดได้เพราะฉะนั้นศึกษาเรื่องตลาดให้ดีก่อนปลูก

ใช้ต้นพันธุ์แท้ที่มีคุณภาพ
ต้นพันธุ์ดอกหน้าวัวที่ใช้ส่วนใหญ่จะเป็นพันธุ์ที่นำเข้ามาจากฮอลแลนด์และได้คัดพันธุ์ที่สามารถปลูกเลี้ยงได้ดีในเมืองไทย และสีดอกเป็นที่ต้องการของตลาด ปัจจุบัน ไร่แผ่นดินทอง ได้ผลิตต้นกล้าดอกหน้าวัวเอง เพื่อใช้ในการปลูกตัดดอกและส่วนหนึ่งจำหน่ายให้แก่เกษตรกรและผู้สนใจทั่วไป ในการนำต้นพันธุ์ไปปลูกเลี้ยงสำหรับเกษตรกรมือใหม่ คุณเล็กแนะนำให้ใช้ต้นพันธุ์ที่มีขนาดใหญ่ ที่มีความสูงประมาณ 10 เซนติเมตร ขึ้นไป ซึ่งจะต้องปลูกลงแปลงอีกประมาณ 8 เดือน จึงจะได้ผลผลิตดอกแรก จนกระทั่ง 2 ปี ผลผลิตจะสูงสุด และจะเก็บผลผลิตได้จนถึง 7 ปี จึงจะใช้วิธีล้มต้นเพื่อให้แตกต้นใหม่ หรือตัดต้นเพื่อให้แตกต้นใหม่ ในพื้นที่ 1 ไร่ ใช้ต้นพันธุ์จำนวน 10,000 ต้น เมื่อครบ 2 ปี ที่ผลิตเต็มที่ จะให้ดอกได้ 6 ดอก ต่อปี ไม่ใช่ 8 ดอก ตามที่บริษัทเชิญชวนให้ปลูก

ปัจจุบัน ไร่แผ่นดินทอง มีแปลงดอกหน้าวัวในพื้นที่ 3 ไร่ พื้นที่ 1.5 ไร่ ดอกหน้าวัวสามารถให้ผลผลิตแล้ว ส่วนอีกครึ่งหนึ่งเป็นต้นที่มีขนาดเล็กอยู่ การตัดดอกของดอกหน้าวัวเพื่อจำหน่ายจะทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เฉลี่ยสัปดาห์ละ 1,000 ดอก ในพื้นที่ไร่ครึ่ง หรือต้นพันธุ์ 15,000 ต้น

การตลาดที่สดใส
ดอกหน้าวัว ของไร่แผ่นดินทอง จะจำหน่ายไปทางภาคอีสานทั้งหมด ผลผลิตของไร่ทั้งหมด ยังไม่เพียงพอสำหรับการจำหน่าย ปกติดอกหน้าวัวสีแดงมักจะนำไปทำพวงหรีด ซึ่งจะใช้ดอกที่มีขนาดเล็กและกลาง ส่วนดอกขนาดใหญ่มักจะใช้ประดับตามสถานที่ต่างๆ เช่น โรงแรม ดอกที่ตัดจะต้องบานได้ระยะหนึ่งจึงจะตัดได้ ถ้าตัดในระยะดอกอ่อนเกินไป ก็จะใช้งานได้ไม่ทน วิธีสังเกตว่าดอกหน้าวัวบานได้ทีถึงระยะตัดแล้ว คือ ให้สังเกตปลีดอกซึ่งจะต้องเปลี่ยนสีถึง 1 ใน 4 ของความยาวของปลีดอกคุณภาพเช่นนี้จะปักแจกันไว้ได้นาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ด้วย จะมีตั้งแต่ 10 วัน จนถึง 21 วัน เลยทีเดียว สีที่ตลาดต้องการ จะเป็น สีแดง สีเขียว สีชมพู และสีขาว

ขนาดของดอกหน้าวัว และราคาที่จำหน่าย (โดยประมาณ)

เกรด ขนาดดอก ราคา

SS 6 x 8 .......4

SS 8 x 10......8

M 10 x 12.....10

L 12 x 14......14

XL 14 x 16....18

จัมโบ้ 16 x 18.5 ...... 23

การจัดการหลังการตัดดอก คุณเล็กจะจัดดอกหน้าวัวเป็นเกรดๆ รวมกันกำละ 10 ดอก แล้วนำสำลีที่แช่น้ำหมาดๆ หุ้มปลายก้านทั้งกำ แล้วจึงนำมาบรรจุกล่องอีกที ส่วนร้านค้าที่อยู่ไม่ไกลมาก จะไม่ต้องใช้ลำลีชุบน้ำหุ้ม ส่วนดอกแต่ละดอกจะต้องนำถุงพสาติคมาสวมไว้ทุกดอก เพื่อไม่ให้มีการเสียดสีจนดอกมีตำหนิ การรักษาคุณภาพของดอกสำคัญต่อลูกค้ามาก เพราะเมื่อสินค้าถึงมือลูกค้าตามจำนวนก็จริง แต่ของเสียมีจำนวนมาก เราก็จะเสียลูกค้า

คุณชัยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้ายว่า เกษตรกรที่มีพื้นที่และทุนของตัวเอง สามารถสร้างสรรค์กิจการทางด้านการเกษตรที่ยั่งยืนให้เป็นการเกษตรของตัวเองได้ตามศักยภาพที่มี ด้วยพื้นฐานความคิดที่มีการแสวงหาความรู้ด้วยตัวเองได้ โดยพึ่งพาผู้อื่นให้น้อยลง เรียนรู้จากประสบการณ์งานที่ทำ ก็จะประสบความสำเร็จ (เหมือนงานของไร่แผ่นดินทอง-อันนี้ผู้เขียนกล่าวเอง) ติดต่อสอบถามข้อสงสัยเกี่ยวกับการปลูกดอกหน้าวัว ติดต่อ คุณเล็ก โทร. (085) 413-0391




ที่มา  :  เทคโนโลยีชาวบ้าน









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-04-23 (2491 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©