-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 607 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

ข่าวเกษตร36





ปรัชญา รัศมีธรรมวงศ์

มะเขือยักษ์  "หยกภูพาน"  พืชพรรณดี มีคุณค่า น่าปลูก


ไปเดินชมงาน เกษตรมหัศจรรย์ วันเทคโนโลยีชาวบ้าน ครั้งที่ 2 บริเวณ ชั้น 4 เอ็มซีซี ฮอลล์ ที่เดอะมอลล์ บางแค ที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆ นี้ ไปสะดุดตากับมะเขือยักษ์ และพันธุ์พืชหลายชนิดที่น่าสนใจ จึงเดินตรงเข้าไปขอข้อมูลเพิ่มเติมทันที จากเจ้าของสวนคือ คุณพิทักษ์ และ คุณสุรางค์ ท้วมอยู่ อยู่บ้านเลขที่ 42/2 หมู่ที่ 1 ตำบลทับผึ้ง อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย 64120

คุณพิทักษ์ เล่าว่า มะเขือยักษ์ชนิดนี้เรียกว่า ?หยกภูพาน? เป็นผลงานการค้นคว้าทดลองของนักวิชาการเกษตรจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร ลักษณะเด่นของมะเขือยักษ์หยกภูพาน คือ มีผลขนาดใหญ่มาก มากกว่ามะเขือทั่วไป ประมาณ 4-5 เท่าตัว มีน้ำหนักโดยเฉลี่ยต่อผล ประมาณ 800-1,500 กรัม สามารถนำไปประกอบอาหารรับประทานได้ทั้งประเภททอด ผัด ต้ม แกง เป็นต้น

มะเขือยักษ์ ?หยกภูพาน? สามารถรับประทานได้ทั้งผลดิบเช่นเดียวกับมะเขือทั่วไป แถมรสชาติก็ไม่แตกต่างกัน มีคุณค่าทางอาหาร เพราะมีไฟเบอร์ เส้นใยอาหาร และแคลเซียมสูง ช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี และยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ซึ่งปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งบางชนิดอีกด้วย เรียกว่ากินอร่อยแล้วยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย

นอกจากนี้ ยังมีมะเขืออีกชนิดที่น่าสนใจ คือ มะเขือพวงไร้หนาม ?แม่โจ้นิมิต 1? เป็นมะเขือพวงพันธุ์ใหม่ ลักษณะเด่นคือ ไม่มีหนามที่ลำต้นและใบ ทำให้สะดวกต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิต ผลสามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนู ผลอ่อนสามารถรับประทานในลักษณะผักสด หรือนำมาลวกเพื่อรับประทานแกล้มกับน้ำพริกได้ เมล็ดในผลสด มีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ ช่วยลดน้ำตาลในกระแสเลือด ลดความดันโลหิต ช่วยขับเสมหะ และช่วยในการเจริญอาหาร มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย มีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด สามารถขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ด

มะเขือเทศ ?สวีทเชอร์รี่ 154? เป็นมะเขือเทศอีกสายพันธุ์หนึ่งที่นิยมรับประทานผลสด มีรสชาติหวาน มีกลิ่นหอม เนื้อในผลแน่น กรอบ มีวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี และสารเบต้าแคโรทีนสูงมากเมื่อเทียบกับผักชนิดอื่น และมีฤทธิ์ต่อต้านการเกิดเซลล์มะเร็งทุกชนิด รวมทั้งมีสารแอนโทไซยานิน ช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง ความจำดี ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสายตาและต้อกระจกในผู้สูงอายุ พบสารไลโคปีนจำนวนมากในผลมะเขือเทศ และลดการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชาย มีสารวิตามินเอช่วยสมานผิว ลดความมันบนใบหน้า และลดจุดด่างดำ ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใสขึ้น สามารถขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ด

กระเจี๊ยบเขียว เป็นพันธุ์พืชผักพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่งที่เรารู้จักคุ้นเป็นอย่างดี แต่ภายในงานมีการแสดง ผักกระเจี๊ยบเขียว พันธุ์แดงพิเศษ ที่แตกต่างจากสายพันธุ์อื่นๆ ก็คือ มีลักษณะลำต้น ใบ และฝัก จะเป็นสีแดงเข้มทั้งหมด ชาวญี่ปุ่นนิยมนำผักกระเจี๊ยบไปปรุงเป็นอาหารว่าง รับประทานเป็นเครื่องดื่ม และใช้ทำข้าวปั้นห่อสาหร่าย เพราะมีคุณค่าทางอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต บำรุงสมอง ช่วยชะลอความชรา ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของโรคความจำเสื่อม ลดอาการโรคกระเพาะอาหาร และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้อีกด้วย

กลับมาเข้าเรื่อง ความเป็นมาของผู้ปลูก คุณสุรางค์ เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เดิมมีอาชีพรับซื้อใบยาสูบ แต่ประสบปัญหาขาดทุนไปหลายล้านบาท ปัญหาความกดดันด้านหนี้สิน ทำให้ต้องขยันและอดทนมากขึ้น โดยหันมาเพาะกล้าไม้ขาย ในราคาไม่แพงมากนัก ทางสวนเน้นขายทั้งคุณภาพและปริมาณทำให้กิจการพออยู่ได้

คุณสุรางค์ ยังบอกอีกว่า ในอดีตเคยประกอบอาชีพเพาะปลูกมาแล้วหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นกล้วยไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพิ่งจะมาลงตัวในอาชีพขยายพันธุ์กล้าไม้ขายนี้แหละ โดยเฉพาะการขยายพันธุ์พืชผักสวนครัว เช่น พริก มะกรูด มะนาว และพืชผักประเภทต่างๆ

คุณสุรางค์ เล่าว่า เราเริ่มต้นลงทุนทีละเล็กทีละน้อย ค่อยลงทุนไปเรื่อยๆ อย่างอดทน การเพาะกล้าไม้เริ่มจากซื้อต้นแม่พ่อพันธุ์มาปลูกก่อน จึงค่อยๆ ขยายพันธุ์ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดพืชผักสวนครัวมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จากสิบเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นต้น การปลูกชวนชม กว่าจะได้รับผลตอบแทน ต้องใช้ระยะเวลาปลูกดูแลนาน 1 ปี ขึ้นไป แต่การเพาะกล้าพืชผักสวนครัว ใช้ระยะเวลาสั้นกว่า ไม่เกิน 60 วัน ก็สามารถหาเงินเข้ากระเป๋าได้แล้ว เรียกว่าผลตอบแทนมันเร็วกว่ากันแยะ แถมใช้เงินลงทุนน้อย

สำหรับมะเขือยักษ์ ?หยกภูพาน? คุณสุรางค์ได้สายพันธุ์ด้วยความบังเอิญ ในช่วงที่นำสินค้าออกไปจำหน่าย ปรากฏว่าเพื่อนข้างๆ ร้านค้า ได้นำมะเขือยักษ์ ?หยกภูพาน? มาผ่าให้ลูกค้าดู แล้วจะนำเมล็ดไปทิ้ง เราเห็นเข้าก็ขอไปเพาะขยายพันธุ์ต่อ ปรากฏว่าเราขยายพันธุ์ได้สำเร็จ ขายต้นมะเขือยักษ์ ?หยกภูพาน? ได้ต้นละ 50 บาท หลังจากนั้น เราก็เพาะขยายพันธุ์ออกมาจำหน่ายเรื่อยๆ ปรากฏว่า มะเขือยักษ์ขายดี มีกำไร ตลอด 1 ปี ที่ผ่านมา สำหรับมะเขือยักษ์ หากเป็นกระถางเล็ก ความสูงประมาณ 15 เซนติเมตร ขึ้นไป ราคาขายส่งอยู่ที่ต้นละ 20 บาท ขายปลีก 3 ต้น ราคา 100 บาท มะเขือพวงไร้หนามราคา 20 บาท/ต้น ถ้าต้นใหญ่ 50 บาท/ต้น เป็นราคาขายส่งที่พ่อค้าแม่มารับซื้อถึงสวน

ภายหลังจากประสบความสำเร็จกับการผลิตกล้ามะเขือยักษ์ ?หยกภูพาน? แล้ว คุณสุรางค์วางแผนงานในอนาคตว่า ทางสวน จะขยายพันธุ์พืชผักที่กินได้ต่อไป โดยแบ่งการเพาะขยายพันธุ์พืชออกเป็นรุ่นๆ ปัจจุบัน ทางสวนมีพื้นที่เพาะกล้าไม้ประมาณ 1 ไร่เศษ มีการเพาะขยายพันธุ์พืชผักเต็มพื้นที่ ได้แก่ โหระพา กะเพรา พริก มะเขือพวงไร้หนาม มะเขือเทศ ?สวีทเชอร์รี่ 154? และกระเจี๊ยบเขียวพันธุ์แดงพิเศษ เป็นต้น

การเพาะปลูกมะเขือโดยทั่วไป มักจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคและแมลง แต่คุณสุรางค์มีเทคนิคการปลูกและดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้ไร้ปัญหาโรคและแมลง คุณสุรางค์บอกว่า ครอบครัวของเรายึดอาชีพปลูกขยายพันธุ์พืชมาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อแม่แล้ว โดยมีเคล็ดลับการปลูกที่น่าสนใจคือ เลือกใช้ดินจืดมาเพาะเม็ด ใช้ดินจืดอย่างเดียว ไม่มีวัสดุอื่นๆ เข้ามาผสมในดินอย่างเด็ดขาด หากเป็นเมล็ดพันธุ์พืชใหม่ ก่อนปลูก ไม่ต้องนำไปแช่น้ำ หากเป็นเมล็ดพันธุ์เก่า อายุตั้งแต่ 6 เดือน ขึ้นไป จึงค่อยนำเมล็ดพันธุ์ไปแช่น้ำ นาน 1 ชั่วโมง เพื่อช่วยเมล็ดพันธุ์ขยายตัวของเปลือกได้ง่ายขึ้น

การเพาะเมล็ดพันธุ์พืชผักโดยทั่วไป นิยมใช้ถาดหลุม ขนาด 104 หลุม โดยเริ่มจากคัดเลือกเมล็ดพันธุ์คุณภาพดี มาหยอดลงในถาดหลุม เพื่อเพาะกล้า นาน 30 วัน หลังจากนั้นจึงค่อยย้ายต้นกล้าจากถาดหลุมลงถุงดำเพื่อเพาะชำต่อไปอีก 30 วัน จึงค่อยนำต้นกล้ามาปลูกในกระถางเพื่อรอจำหน่าย ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดใช้ระยะเวลาปลูกและดูแลประมาณ 60 วัน เพียงเท่านี้ก็สามารถขายทำกำไรเข้ากระเป๋าได้เป็นจำนวนมาก

หลังจากนำต้นกล้าปลูกในกระถางดินแล้ว ก็สามารถบำรุงต้นได้อย่างเต็มที่ โดยใส่ดินผสมปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมี ด้านการดูแลเรื่องโรคและแมลง จะฉีดสารเคมีเพื่อป้องกันปัญหาเชื้อราและแมลง ทุกๆ 15 วัน/ครั้ง ระยะที่พืชผักผลิดอกออกผล จะใช้ระยะเวลาปลูกประมาณ 120 วัน ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ต้องดูแลรดน้ำตลอดทั้งช่วงเช้าและเย็น และเติมปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16 บำรุงต้น ทุกๆ 10-15 วัน/ครั้ง สำหรับพันธุ์ไม้ที่ติดดอกออกผลถือเป็นช่วงที่ดีมาก เพราะลูกค้าจะมีโอกาสเห็นผลผลิตที่แท้จริง ทำให้ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้ง่าย เรียกว่า ขายดีมีกำไรแน่นอน

ด้านการตลาด ส่วนใหญ่ทางสวนจะเปิดการขายที่สวน โดยมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อถึงบ้าน รวมทั้งส่งไปขายที่ อำเภอ จังหวัด และเปิดขายส่งตามศูนย์เศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น คุณสุรางค์ กล่าวแนะนำผู้ที่สนใจประกอบอาชีพนี้ ควรลงทุนอย่างพอเพียง ค่อยเป็นค่อยไป อย่าลงทุนมาก เพราะหากขายไม่ออก ก็จะเสี่ยงหมดตัวได้ การทำอาชีพการเกษตรที่สำคัญต้องมีใจสู้ ขยัน อดทน จึงจะประสบความสำเร็จ คุณสุรางค์ว่าอย่างนั้น

หากผู้อ่านท่านใด สนใจอยากรับสินค้าจากคุณสุรางค์ไปจำหน่าย ก็สามารถเข้ามาเยี่ยมชมและติดต่อสั่งซื้อที่สวนได้ทุกวัน คุณสุรางค์พร้อมให้บริการในราคาพิเศษ หากซื้อกล้าไม้ในปริมาณมาก ตั้งแต่ 10,000-20,000 บาท คุณสุรางค์ ยินดีจัดส่งสินค้าให้ฟรี สนใจเมล็ดพันธุ์และต้นกล้าไม้ สามารถติดต่อได้โดยตรง ที่ คุณไก่ โทร. (083) 877-3827 และ คุณแดง โทร. (080) 285-6919 รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน



ที่มา  :  เทคโนโลยีชาวบ้าน









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-04-23 (1693 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©