-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 474 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

มะกอกฝรั่ง







ที่มา : http://www.suphattraland.com/index.php?mo=10&art=265610



               มะกอกฝรั่ง

      ลักษณะทางธรรมชาติ

    * เป็นไม้ผลยืนต้นขนาดใหญ่อาจสูงถึง 10 ม.(เท่าสันจั่วหลังคาบ้านสองชั้น) ได้ อายุหลายสิบปี ขนาดผลโต ออกดอกติดผลเป็นพวงขนาดใหญ่ที่ปลายกิ่ง ปลูกได้ในทุกภาค ทุกพื้นที่ และทุกฤดูกาล ออกดอกติดผลได้ตั้งแต่ต้นยังเล็ก (อายุต้น 6 เดือน ความสูง ½-1 ม.หรือรากเริ่มเจริญ) แล้วจะออกดอกติดผลเรื่อยไปตลอดปีแบบไม่มีฤดูกาล ช่วงที่ต้นยังเล็กและเตี้ยเรียกว่า มะกอกเตี้ย ซึ่งขนาดผลจะเล็กและรสชาติยังไม่ดีนัก ต่อเมื่ออายุต้นมากขึ้นหรือต้นใหญ่ขึ้นเรียกว่า มะกอกฝรั่ง  ซึ่งขนาดผลจะโตกว่ามะกอกเตี้ยถึงเท่าตัวและรสชาติก็ดีกว่าด้วย  ช่วงที่เป็นมะกอกเตี้ยไว้ผลแต่น้อย (ช่อละ 1-2 ผล) แล้วบำรุงให้ถูกต้องเต็มที่ครบวงจรอย่างสม่ำเสมอขนาดผลและรสชาติก็จะเทียบเท่ามะกอกฝรั่งได้เช่นกัน 
              
    * เจริญเติบโตดีในดินร่วนปนทราย สภาพดินที่มีความชื้นน้อยๆจะออกดอกติดผลดี สภาพดินเปียกชื้นแฉะ ดินเหนียวอุ้มน้ำจะเกิดอาการใบเหลืองร่วง ไม่ออกดอกติดผลแล้วตายไปในที่สุด

    * ต้นโตให้ผลผลิตแล้วเมื่อแตกยอดใหม่จะมีดอกออกตามมาที่ปลายยอดเสมอ ออกดอกติดผลตลอดปีแบบไม่มีรุ่น เป็นดอกสมบูรณ์เพศที่ผสมตัวเองหรือต่างดอกต่างต้นได้

    * เทคนิคบำรุงต้นให้สมบูรณ์อยู่เสมอควรให้ฮอร์โมนบำรุงราก 2-3 เดือน/ครั้งให้ไซโตคินนิน 1-2 เดือน/ครั้ง และการบำรุงต้นแบบให้มีสารอาหารกินตลอด 24 ชม.(ซากสัตว์ฝังโคนต้น)ต่อเนื่องหลายๆปีจะช่วยให้ต้นมีความสมบูรณ์ดีส่งผลให้ออกดอกติดผลดกตลอดปีแบบไม่มีรุ่นไดh
  
                
      สายพันธุ์
               
      ที่นิยมปลูก คือ  มะกอกเตี้ย(อายุต้น 3 ปี สูงไม่เกิน 2 ม.)และ มะกอกใหญ่(อายุต้น 3 ปี สูง 3-5 ม.)ทั้ง 2 สายพันธุ์ให้ผลผลิตเหมือนกัน
   
                 

      การขยายพันธุ์
               
      ตอน (ดีที่สุด). ชำ. เสียบยอด. เพาะเมล็ด (ไม่กลายพันธุ์/มีรากแก้วทำให้ได้ต้นสูงใหญ่)
                 

      ระยะปลูก
               
    - ระยะห่างปกติ  4 X 6 ม. หรือ  6 X 6  ม.
                
    - ระยะชิดพิเศษ  2 X 3 ม. หรือ  2 X 4  ม.
               

      เตรียมดินและอินทรีย์วัตถุ  
                
    - ใส่ปุ๋ยคอก (มูลวัวเนื้อ/นม + มูลไก่ไข่/เนื้อ/นกกระทา(แห้งเก่าข้ามปี) ปีละ 2 ครั้ง
  
  - ให้ยิบซั่มธรรมชาติ ปีละ 2 ครั้ง               
    - ให้กระดูกป่น ปีละ 1 ครั้ง  
               
    - คลุมโคนต้นด้วยเศษพืชแห้งหนาๆเต็มพื้นที่บริเวณทรงพุ่ม ล้ำออกไปถึงนอกเขตทรงพุ่ม
    - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิงหรือจุลินทรีย์ 1-2 เดือน/ครั้ง
                
      หมายเหตุ :
               
    - การฝังซากสัตว์ เช่น หอยเชอรี่  ปลาสด  เป็นชิ้นเท่าลูกมะนาวหรือบดละเอียด ที่ชายเขตทรงพุ่ม 4-5 หลุม/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม. ฝังปีเว้นปี เพื่อให้ต้นมีสารอาหารกินตลอด 24 ชม. ต่อเนื่องหลายๆ ปี จะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์สูงพร้อมต่อการบำรุงทุกขั้นตอน  
               
    - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ (ทางใบ-ทางราก) บ่อยเกินไปจะทำให้ต้นหยุดการเจริญเติบโต ไม่แตกใบอ่อน  ผลหยุดขยายขนาดแล้วกลายเป็นผลแก่ การให้ทางใบอาจเป็นแหล่งอาศัยและแพร่ระบาดของเชื้อราได้  
                
  
   - ฮอร์โมนธรรมชาติและฮอร์โมนวิทยาศาสตร์จะให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยก็ต่อเมื่อ ต้นมีสภาพความสมบูรณ์สูง                

      เตรียมต้น
               
      ตัดแต่งกิ่ง :
               
    - ตัดแต่งเพื่อการแตกยอดใหม่ให้ตัดกิ่งกระโดง กิ่งในทรงพุ่ม กิ่งคดงอ กิ่งชี้ลง  กิ่งไขว้ กิ่งหางหนู กิ่งเป็นโรค ทั้งนี้ภายในทรงพุ่มควรให้โปร่งจนแสงส่องผ่านลงไปถึงโคนต้นได้
    - ตัดทิ้งเพื่อไม่ให้แตกใหม่ป้องกันทรงพุ่มทึบเกินไปให้ตัดชิดลำกิ่งประธาน
    - ตัดยอดกิ่งประธาน (ผ่ากบาล) ณ ความสูงต้นตามต้องการ นอกจากช่วยทำให้แสงแดดผ่านจากยอดเข้าสู่ภายในทรงพุ่มได้อย่างทั่วถึงแล้วแสงแดดที่ร้อนยังช่วยกำจัดเชื้อราได้เป็นอย่างดี และเพื่อควบคุมขนาดความสูงทรงพุ่มอีกด้วย               
    - นิสัยการออกดอกของมะกอกฝรั่งไม่จำเป็นต้องกระทบหนาว แต่ถ้าตัดแต่งกิ่ง-เรียกใบอ่อนช่วงต้นหน้าฝน แล้วเข้าสู่ขั้นตอนการบำรุงต่อไปตามลำดับอย่างถูกต้องสม่ำเสมอจะทำให้ต้นมีความสมบูรณ์เต็มที่ดีกว่าการตัดแต่งกิ่งในช่วงอื่น
 
                
      ตัดแต่งราก :
               
    - ต้นอายุยังน้อยไม่ควรตัดแต่งราก แต่ถ้าต้องการสร้างรากใหม่ให้มีประสิทธิภาพในการหาอาหารดียิ่งขึ้นใช้วิธีล่อรากด้วยการพูนโคนต้นด้วยดิน 3 ส่วนกับอินทรีย์วัตถุ 1 ส่วน
    - ต้นอายุหลายปี ระบบรากเก่าและแก่มาก ให้พิจารณาตัดแต่งรากส่วนปลายออก 1 ใน 4 ด้วยการพรวนดินรอบทรงพุ่มลึก 10-15 ซม. หลังจากให้ฮอร์โมนบำรุงรากไปแล้วต้นจะแตกรากใหม่จำนวนมากขึ้นและมีประสิทธิภาพในการดูดซับสารอาหารได้ดีกว่าเดิม  



               
  ขั้นตอนการปฏิบัติบำรุงต่อมะกอกฝรั่ง        

    1.เรียกใบอ่อน + สะสมอาหาร + เปิดตาดอก
                
      ทางใบ :
               
    - ให้น้ำ 100 ล.+ ฮอร์โมนไข่ 100 ซีซี.+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. 2-3 รอบห่างกันรอบละ 5-7 วัน  ฉีดพ่นพอเปียกใบ
    - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน                
      ทางราก :
               
    - ให้น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24(1/2-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
   
 - ให้น้ำปกติ  ทุก 2-3 วัน               
      หมายเหตุ :
               
      ธรรมชาติของมะกอกฝรั่งจะออกดอกติดผลได้ทั้งที่ปลายยอดเหนือทรงพุ่ม และด้านข้างของทรงพุ่มจากยอดที่แตกใหม่เสมอ ดังนั้นหากต้องการให้ออกดอก ณ จุดใดของต้นก็ให้ตัดแต่งกิ่งนั้นเมื่อยอดอ่อนแทงออกมาจะมีดอกออกตามมาภายหลังโดยไม่ต้องเปิดตาดอกซ้ำอีกครั้ง
         
    2.บำรุงดอก
               
      ทางใบ :
               
    - ให้น้ำ 100 ล.+ 15-45-15(200 กรัม)หรือ 0-42-56(200 กรัม)สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ เอ็นเอเอ.25 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.ฉีดพ่นพอเปียกใบ 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน
    
    - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรช่วงค่ำ ทุก 2-3 วัน
      
ทางราก :                 
    - ให้น้ำพอหน้าดินชื้น
               
      หมายเหตุ :
                
    - ช่วงดอกตั้งแต่เริ่มแทงออกมาให้เห็น (ก้านดอกยาว 1-2 ซม.)หรือระยะดอกตูม บำรุงด้วยฮอร์โมน เอ็นเอเอ. 1-2 รอบจะช่วยบำรุงเกสรทั้งตัวผู้และตัวเมียให้สมบูรณ์พร้อมรับผสม การให้ฮอร์โมน เอ็นเอเอ. ต้องใช้อย่างระมัดระวัง เพราะถ้าให้เข้มข้นเกินไปจะเกิดความเสียหายต่อดอกและถ้าให้อ่อนเกินไปก็จะไม่ได้ผล
         
    - ช่วงดอกเริ่มแทงออกมาใหม่ๆ ให้แคลเซียม โบรอน.1 รอบ จะช่วยให้ดอกสมบูรณ์ผสมติดดี
               
    - ช่วงดอกตูมควรฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรให้บ่อยขึ้น เพื่อป้องกันกำจัดโรคและแมลงจนถึงช่วงดอกบาน
                
    - ช่วงดอกบานควรงดการฉีดพ่นทางใบโดยเฉาะช่วงกลางวัน (08.00-12.00 น.) เพราะอาจทำให้เกสรเปียกจนผสมไม่ติดได้ หากจำเป็นต้องฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพรให้ฉีดพ่นช่วงหลังค่ำ
               
    - ระยะดอกบานถ้าตรงกับช่วงฝนชุกเกสรจะเปียกชื้นทำให้ผสมไม่ติด แก้ไขโดยกะระยะเวลาบำรุงให้ดอกออกมาแล้วไม่ตรงกับช่วงฝนชุกเท่านั้น  แต่ถ้าดอกออกมาตรงกับช่วงแล้งอากาศร้อนมากเกสรจะฝ่อทำให้ผสมไม่ติดเช่นกัน แก้ไขโดยสร้างความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศและที่พื้นดิน ทั้งในแปลงปลูกและรอบๆแปลงปลูก...มาตรการบำรุงต้นและดอกให้สมบูรณ์อย่างแท้จริงอยู่เสมอสามารถช่วยลดความสูญเสียได้เป็นอย่างมาก 
     

    3.บำรุงผลเล็ก
               
      ทางใบ :
               
    - ให้น้ำ 100 ล.+ 21-7-14(200 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ ฮอร์โมนไข่ 25 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ  ทุก 7-10 วัน
               
    - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน
               
      ทางราก :
               
    - ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิด + 25-7-7(250-500 กรัม)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
    
- ให้น้ำตามปกติ  ทุก 2-3 วัน               
      หมายเหตุ :
                
    - เริ่มบำรุงเมื่อผลเท่าเมล็ดถั่วเขียว หรือหลังกลีบดอกร่วง 
       
        

    4.บำรุงผลกลาง
               
      ทางใบ :
                
      ให้น้ำ 100 ล.+ 21-7-14(200 กรัม)+ ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.
+ ไคโตซาน 100 ซีซี.+ แคลเซียม โบรอน 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ทุก 7-10 วัน ฉีดพ่นพอเปียกใบ
      ทางราก :               
    - ให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 21-7-14(250-500 กรัม)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม./เดือน
    
- ให้น้ำปกติ ทุก 2-3 วัน  
      หมายเหตุ :               
    - เริ่มบำรุงเมื่อเปลือกหุ้มเมล็ดเริ่มแข็ง (เข้าไคล) การที่จะรู้ว่าเมล็ดเริ่มเข้าไคลต้องสุ่มเก็บผลมาผ่าดูข้างใน
               
    - วัตถุประสงค์เพื่อขยายขนาดผลและลดขนาดเมล็ด (หยุดเมล็ด-สร้างเนื้อ) ทำให้เนื้อมากแต่เมล็ดลีบเล็ก
                
  
 - ถ้าต้นติดผลดกมากควรให้ฮอร์โมนน้ำดำ กับ แคลเซียม โบรอน 1-2 รอบ โดยแบ่งให้ตลอดระยะผลกลางจะช่วยให้ต้นไม่โทรมเนื่องจากรับภาระเลี้ยงผลมาก       

    5.บำรุงผลแก่
               
      ทางใบ :
               
    - ให้น้ำ 100 ล.+ 0-0-50(200 กรัม)หรือ 0-21-74(200 กรัม)สูตรใดสูตรหนึ่ง + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี.+ สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี.1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วันก่อนเก็บเกี่ยว ฉีดพ่นพอเปียกใบ
    - ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร  ทุก 2-3 วัน               
      ทางราก :
               
    - ให้ 13-13-21 หรือ 8-24-24(1/2-1 กก.)/ต้นทรงพุ่ม 3-5 ม.
   
 - งดน้ำเด็ดขาด               
      หมายเหตุ :
               
    - เริ่มให้ก่อนเก็บเกี่ยว 7-10 วัน 1-2 รอบห่างกันรอบละ 5-7 วัน
    - การให้ 13-13-21 เหมาะสำหรับที่มีผลรุ่นเดียวกันทั้งต้น  หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วต้นมักโทรมจึงต้องเร่งบำรุงฟื้นฟูความสมบูรณ์ของต้น (เรียกใบอ่อน) กลับคืนมาโดยเร็วแล้วเข้าสู่วงรอบการบำรุงใหม่                
    - การให้ 8-24-24 เหมาะสำหรับต้นที่มีผลหลายรุ่นในต้นเดียวกันหรือประเภททะวายทยอยออก แบบไม่มีรุ่นซึ่งหลังจากเก็บเกี่ยวผลแก่จัดไปแล้วต้นไม่โทรม  ใน 8-24-24 เป็นปุ๋ยประเภทสะสมอาหารเพื่อการออกดอก ซึ่งจะส่งผลให้กิ่งที่ยังไม่ออกดอกติดผลเกิดอาการอั้นแล้วออกดอกติดผลเป็นผลรุ่นใหม่ขึ้นมาอีกได้
   
                     







        **********************************









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2009-07-16 (10533 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©