|
ฝรั่ง
หน้า: 2/3
ปลูกฝรั่งไต้หวันแบบประณีตในไทย
มีเกษตรกรไทยเป็นจำนวนมากยังไม่ทราบว่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2513 ทางไต้หวันได้มีการ นำฝรั่งจากประเทศไทยซึ่งมีขนาดผลใหญ่ เนื้อแน่นและกรอบไปปลูกได้ผลผลิตเป็นที่ชื่นชอบของคนไต้หวันในขณะนั้น เวลาผ่าน ไปไต้หวันได้มีการพัฒนาสายพันธุ์ฝรั่งเรื่อยมาโดยเน้นความกรอบอร่อยของเนื้อ, มีเมล็ด น้อยและนิ่ม ในช่วงเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาเริ่มมีเกษตรกรไทยนำพันธุ์ฝรั่งจากไต้หวันมาปลูกจนประสบผลสำเร็จในบ้านเราและที่รู้จักกันดีคือ พันธุ์เจินจู ซึ่งมีเมล็ดนิ่มและรสชาติอร่อย เริ่มมีเกษตรกรไทยขหยายพื้นที่ปลูกกันมากขึ้นในขณะนี้
ความจริงแล้ว “ฝรั่ง” จัดเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารสูงมากชนิดหนึ่งและจัดเป็นผลไม้ที่ปลูกง่ายและสร้างรายได้เร็ว ปลูกไปเพียงไม่กี่เดือนก็เริ่มให้ผลผลิตนับเป็นไม้ผลที่ให้ผลตอบแทนเร็วมากชนิดหนึ่ง อีกทั้งผู้บริโภคหาซื้อบริโภคได้ในราคาที่ไม่สูงนัก แต่สิ่งหนึ่งที่เกษตรกรไทยที่ปลูกฝรั่งไม่ได้สนใจในเรื่องของความประณีต ในการจัดการสวน เช่น การห่อผลฝรั่งมีหลายสวนใช้เพียงถุงหิ้วพลาสติกธรรมดา, บางรายอาจจะใช้ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์และห่อทับด้วยถุงหิ้วพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง ฯลฯ
แต่ที่ไต้หวันไม่ว่าจะเป็นสวนเล็กหรือสวนใหญ่จะมีความประณีตในการห่อผลฝรั่งมาก เริ่มแรกจากการปลิดผลทิ้งบ้างให้เหลือกิ่งละไม่กี่ผล เมื่อผลมีขนาดใหญ่ใกล้เคียงกับส้มเขียวหวานจะใช้ตาข่ายโฟมห่อที่ผลก่อนเป็นลำดับแรกและห่อตามด้วยถุงพลาสติกบางใสและเหนียว สังเกตได้ว่าถุงพลาสติกที่เกษตรกรไต้หวันใช้จะบางมาก และสามารถมอง ทะลุเห็นผลภายในอย่างชัดเจนเพื่อสะดวกต่อการเก็บเกี่ยว
นอกจากฝรั่งพันธุ์เจินจู ที่ได้กล่าวมา แล้วในข้างต้น ปัจจุบันได้มีฝรั่งไต้หวันอีกสายพันธุ์หนึ่งที่ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร จ.พิจิตร ได้กิ่งพันธุ์จากไต้หวันมาปลูกที่ จ.พิจิตร เป็นกิ่งประเภทเสียบยอดมีรากแก้วจำนวน 2 ต้น (การขยายพันธุ์ฝรั่งในบ้านเราเกือบทั้งหมดจะใช้วิธีการตอนกิ่ง) และมีชื่อพันธุ์ที่ติดมากับต้นว่า “ฮ่องเต้” เริ่มปลูกฝรั่งตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2552 มาจนถึงขณะนี้เริ่มเห็นผลผลิตแล้วซึ่งได้พบความแตกต่างจากฝรั่งไต้หวันสายพันธุ์อื่น ๆ ที่ปลูกในบ้านเรา ตรงที่รูปทรงผลจะเป็นทรงกระบอกสี่เหลี่ยม เมื่อผลเจริญเติบโตเต็มที่มีน้ำหนักผลไม่ต่ำกว่า 500 กรัม เนื้อมีรสชาติหวาน กรอบ, เมล็ดน้อยมากและนิ่ม ที่สำคัญเป็นพันธุ์ที่ออกดอกและติดผลง่ายให้ผลผลิตดี
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาการพัฒนาสายพันธุ์ฝรั่งของเกษตรกรไทยส่วนใหญ่จะมุ่งเน้นในเรื่องของสายพันธุ์ที่ไม่มีเมล็ด ซึ่งหลายคนยังไม่ทราบว่าการปลูกฝรั่งไร้เมล็ดมักจะพบปัญหาในเรื่องของการติดผลซึ่งส่วนใหญ่ติดผลน้อยมากและรสชาติไม่อร่อยเท่าที่ควร ทำให้การพัฒนาการปลูกฝรั่งในประเทศไทยไม่ก้าวหน้าเท่าที่ควร.
ที่มา http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=568&contentID=46706
เกษตรกรเมืองชากังราว ผลิตฝรั่งแป้นสีทอง ส่งโรงงานแช่บ๊วย
คุณสมบัติที่ดีของฝรั่งพันธุ์แป้นสีทองนอกจากจะเป็นฝรั่งที่ให้ผลผลิตดกมากและใช้เพื่อการบริโภคสดแล้ว ยังเหมาะที่จะนำไปแปรรูปเป็น “ฝรั่งแช่บ๊วย”
ด้วยเป็นฝรั่งที่มีเนื้อมาก เมล็ดน้อยเมื่อนำมาแช่บ๊วยแล้วจะเข้าเนื้อได้ดีกว่าฝรั่งสายพันธุ์อื่น ๆ หลังจากแช่บ๊วยแล้วเนื้อฝรั่งยังคงสภาพความกรอบไม่เละ รสชาติอร่อย อย่างกรณีของ คุณน้ำหวาน แก่นแก้ว บ้านเลขที่ 54 หมู่ 19 ต.เทพนคร อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ปลูกฝรั่งแป้นสีทองมานาน 8 ปีจากที่เคยขายให้พ่อค้าเพื่อนำไปขายเพื่อการบริโภคสดจะได้ราคาดีช่วงที่ตลาดขาดแคลนฝรั่งเท่านั้น ช่วงที่ฝรั่งออกสู่ตลาดมาก ๆ มักจะถูกกดราคา แต่การส่งขายยังโรงงานแช่บ๊วยจะได้ราคาคงที่ตลอด ราคาขายถูก-แพงขึ้นกับขนาดของผลฝรั่งเท่านั้น ปัจจุบันคุณน้ำหวานเป็นหัวหน้ากลุ่มฯมีสมาชิกปลูกฝรั่งแป้นสีทองในเนื้อที่รวมกันประมาณ 100 ไร่เศษ
สำหรับพื้นที่ปลูกฝรั่งแป้นสีทองของ คุณน้ำหวานจะปลูกในพื้นที่ 7 ไร่ ใช้ระยะปลูก 6x5 เมตร พื้นที่ 1 ไร่ปลูกได้ประมาณ 50-60 ต้น หลังจากปลูกไปได้เพียง 8 เดือน ฝรั่งก็จะเริ่มให้ผลผลิตรุ่นแรก คุณน้ำหวานบอกว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการปลูกฝรั่งให้ประสบความสำเร็จคือจะต้องมีแหล่งน้ำสำรองพอเพียงตลอดทั้งปีโดยเฉพาะในช่วงฤดูแล้ง ในเรื่องของการดูแลรักษาคุณน้ำหวานและสมาชิกในกลุ่มจะเน้นการผลิตฝรั่งแบบชีวภาพ ใช้สารเคมีบ้างแต่ใช้ในปริมาณที่น้อยถึงแม้จะพบร่องรอยการทำลายของแมลงบ้างทางโรงงานจะรับซื้อทั้งหมด โดยโรงงานแช่บ๊วยจะรับซื้อฝรั่งแป้นสีทองโดยแบ่งออกเป็น 2 เกรด คือ ผลขนาดใหญ่ มีน้ำหนักเฉลี่ย 2 ผลต่อกิโลกรัมจะ รับซื้อในราคากิโลกรัมละ 6 บาท ผลขนาดเล็กน้ำหนักผลเฉลี่ย 3 ผลต่อกิโลกรัม ราคา 4 บาทต่อกิโลกรัม ส่วน ผลที่มีตำหนิจากโรคและแมลงแต่แผลไม่ลึกจะรับซื้อในราคากิโลกรัมละ 4 บาทเช่นกันไม่ว่าจะเป็นผลใหญ่หรือผลเล็ก หลังจากที่นำไปแช่บ๊วยแล้วเมื่อนำไปขายถึงผู้บริโภคราคาผลใหญ่จะสูงถึงผลละ 25 บาท
ในการปลูกฝรั่งแป้นสีทองในพื้นที่ 7 ไร่ของคุณน้ำหวานจะใช้แรงงานเพียง 2 คนเท่านั้นโดยเฉพาะในช่วงห่อผลจะให้ค่าจ้างในการห่อเป็น 2 แบบ คือ แบบแรกค่าแรงห่อแบบแพ็ก ๆ ละ 40 บาท (1 แพ็กมีถุงห่อ 400-450 ใบ) วันหนึ่งถ้าคนห่อผลมีความชำนาญจะห่อได้ถึง 4-5 แพ็ก จะได้ค่าจ้าง 160-200 บาทต่อวัน แบบที่สองคิดเป็นการห่อรายวันเป็นเงิน 150 บาท ซึ่งจะห่อผลได้ประมาณ 4 แพ็ก
ทุกวันนี้ที่บ้านของคุณน้ำหวานจะเป็นที่รวบรวมผลผลิตฝรั่งแป้นสีทอง และจะต้องทำการคัดเกรดก่อนที่จะส่งเข้าโรงงานและจะต้องส่งให้เสร็จภายใน 2 วัน หลังจากที่เก็บเกี่ยวฝรั่งมา การปลูกฝรั่งแป้นสีทองส่งเข้าโรงงานแช่บ๊วยมีข้อดีที่เกษตรกรขายได้ราคาคงที่ตลอดทั้งปี.
ที่มา: เดลินิวส์ 02/10/2550
2. ฝรั่งพันธุ์ใหม่ รับประทานผลสด
อาจารย์จากคณะเกษตร กำแพง แสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) ศึกษาวิจัยปรับปรุงพันธุ์ฝรั่งจนได้ฝรั่งพันธุ์ใหม่ 2 สายพันธุ์ ที่มีความแตกต่างจากฝรั่งพันธุ์เดิมที่มีอยู่ในประเทศไทย และมีคุณสมบัติเด่นที่สามารถช่วยเกษตรกรเพิ่มรายได้ในตลาดขายผลฝรั่งสด ด้วยรสชาติที่อร่อย หวาน กรอบ ไม่เหมือนใคร และสายพันธุ์ที่เหมาะกับการค้าต้น ตอ ด้วยคุณสมบัติเด่นในการทนต่อไส้เดือนฝอยได้ดี
รศ.ดร.อุณารุจ บุญประกอบ อาจารย์ ประจำภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร กำแพงแสน ม.เกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ได้ศึกษาวิจัยโครงการปรับปรุงพันธุ์ฝรั่งมากว่า 10 ปี โดยมีนักปรับปรุงพันธุ์ร่วมในโครงการวิจัย คือ ดร.เกรียงศักดิ์ ไทยพงษ์ ซึ่งได้รวบรวมเชื้อพันธุกรรมฝรั่งจากในประเทศและต่างประเทศกว่า 100 พันธุ์ โดยได้ผสมพันธุ์และปลูกทดสอบลูกผสมกว่า 20,000 ต้น เพื่อทำการคัดเลือกหาพันธุ์ใหม่ที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการ และได้คัดเลือกลูกผสมขั้นสูงสำหรับเป็นพันธุ์รับประทานผลสดและแปรรูปแล้ว 26 รหัส และอีก 3 รหัส สำหรับใช้เป็นต้นตอ ปัจจุบันดำเนินการมาถึงขั้นทดสอบการผลิตเชิงพาณิชย์ โดยสามารถคัดเลือกฝรั่งพันธุ์ใหม่ได้ 2 รหัส ได้แก่ HORT-D1 และ HORT-R1 ซึ่งมีคุณสมบัติที่โดดเด่นเหมาะ ที่จะผลิตเป็นพันธุ์การค้าทั้งการส่งขายภาย ในและต่างประเทศ
ฝรั่งพันธุ์ใหม่ HORT-D1 ได้จากการรวบรวมเมล็ดผสมเปิดของฝรั่งพันธุ์แป้นยักษ์สีทองเมื่อปี 2542 และ ระหว่างปี 2545-2547 ได้ทำการคัดเลือกได้ 1 ต้น จากจำนวน 120 ต้น โดยพิจารณาจากการเจริญเติบโต ลักษณะทรงผล รสชาติ ความหวาน และได้ขยายพันธุ์ด้วยกิ่งตอนเพื่อ ทำการทดสอบคุณภาพด้านอื่น ๆ และวิเคราะห์คุณภาพผลทางเคมี เช่น ปริมาณกรด คุณค่าทางโภชนาการ เช่น วิตามินซี สารประกอบฟีโนลิค ตลอดจนประเมินความทนทานต่อโรคผลเน่า พบว่าฝรั่งพันธุ์ HORT-D1 มีการเจริญเติบโตที่ดี ทรง ต้นเป็นพุ่มแจ้ รสชาติหวาน 8-10 บริกซ์ เนื้อแน่น ละเอียด กรอบ รสชาติอร่อย มาก และมีวิตามินซีสูง ซึ่งฝรั่งสายพันธุ์ HORT-D1 นี้ เหมาะสำหรับเป็นพันธุ์รับประทานผลสด
ส่วนฝรั่งสายพันธุ์ HORT-R1 เป็นฝรั่งต้นตอ ที่มีคุณสมบัติเด่นในการทนทานต่อไส้เดือนฝอยรากปม ซึ่ง HORT-R1 ได้ทำการคัดเลือกเมื่อปี 2542 โดย รวบรวมเมล็ดพันธุ์ฝรั่งจากเกาะโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ในปี 2545 ได้ทำการประเมินการเจริญเติบโตและคุณภาพผล โดยสามารถคัดเลือกได้ 1 ต้น ซึ่งพบว่ามีการเจริญเติบโตดี แต่ผลมีขนาดเล็กและรสชาติไม่อร่อย จึงไม่เหมาะในการรับประทานผลสด ในระหว่างปี 2545-2547 มีการประเมินความทนทานดินเค็ม และปี 2547 จนถึงปัจจุบันได้ประเมินความทนทานไส้ เดือนฝอยรากปม โดย รศ.สมชาย สุขะกูล จากภาควิชาโรคพืช คณะเกษตร มก. ได้ทำการทดสอบพบว่า มีความทนทานต่อดินเค็มสูงและทนทานต่อไส้เดือนฝอยรากปมได้ดี (ทั้งในสภาพโรงเรือนทดลองและพื้นที่แพร่ระบาด) จึงเหมาะที่จะใช้เป็นพันธุ์ต้นตอมากกว่ารับประทานผลสด
สำหรับฝรั่งพันธุ์ HORT-D1, HORT-R1 และลูกผสมขั้นสูงอื่น ๆ จะทำการทดสอบศักยภาพการผลิตเชิงพาณิชย์ในเขตพื้นที่การผลิตฝรั่งหลัก ๆ ของประเทศ ทดสอบความเข้ากันได้กับพันธุ์ HORT-R1 และใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์เพื่อสร้างฝรั่งพันธุ์ใหม่ต่อไป สำหรับฝรั่งพันธุ์ HORT-R1 อยู่ระหว่างทำการทดสอบความเข้ากันได้กับพันธุ์ HORT-D1 และพันธุ์การค้าอื่น ๆ และได้ใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์เพื่อสร้างฝรั่งต้นตอที่ทนทานไส้เดือนฝอยรากปมมาก ยิ่งขึ้น
สำหรับเกษตรกรที่สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ รศ.ดร.อุณารุจ บุญประกอบ ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน.
ฝรั่งไร้เมล็ด หรือฝรั่งสาลี่ทอง
ลักษณะเด่นของฝรั่งไรเม็ด
ฝรั่งไร้เมล็ดหรือฝรั่งสาลี่ทองเป็นฝรั่งที่มีผิวสวยสีเหลืองทอง ผลใหญ่ รสชาติหวานกรอบ อมเปรี้ยวเล็กน้อยและให้ผลดก แต่ที่เป็นจุดสนใจมากคือ ไม่มีเมล็ด ดังนั้นจึงรับประทานได้ทั้งผล ในขณะที่ฝรั่งทั่วไป ซึ่งมีเมล็ดจะรับประทานเนื้อไปเพียงครึ่งเดียว หรือถ้านำไปปั่นให้ผู้สูงอายุก็ไม่ต้องแยกเมล็ดออก และการรับประทานฝรั่งที่มีเมล็ดจึงควรระวังเพราะเมล็ดฝรั่งแข็งบางครั้งอาจเป็นอันตรายต่อฟันได้ อายุการเก็บเกี่ยวฝรั่งไร้เมล็ดตั้งแต่ออกดอกถึงเก็บเกี่ยวประมาณ ๕ เดือน
การเลือกที่จะทำสวนฝรั่ง ฝรั่งเป็นไม้ที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี
เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ผลชนิดอื่น ๆ ดังนั้นฝรั่งจึงสามารถปลูกได้ในดินเกือบทุกสภาพ และทุกภาคของประเทศไทย ชาวสวนนิยมพูดเสมอว่าดินที่ดีเอาไว้ปลูก ส้ม เงาะ ทุเรียน ตรงไหนดินไม่ดีไว้ปลูกฝรั่ง ฝรั่งไร้เมล็ดก็ยังสามารถปลูกได้แม้ดินที่เป็นกรด (pH ต่ำกว่า ๔.๕) และดินที่เป็นด่างอ่อน ๆ ( pH ประมาณ ๗.๕ )การเตรียมพื้นที่ปลูก แปลงปลูกที่จะต้องมีการยกร่องคือพื้นที่ที่เป็นต่ำ ดินเหนียวระบายน้ำยาก ต้องยกเป็นสันร่องสูง เพื่อไม่ให้ดินแฉะจนเกินไป พื้นที่ที่อยู่ใกล้แม่น้ำลำคลอง ส่วนกลางปลูกฝรั่งในที่ดอนนั้น การเตรียมพื้นที่ก็ไม่ยุ่งยากมากนัก คือ ถ้ามีวัชพืชมากก็ทำการไถพรวน ไถดะหนึ่งรอบเพื่อกำจัดหญ้า ถ้าปลูกพืชในแปลงมาก่อนและพืชเคยแสดงอาการขาดแคลเซี่ยมหรือ แมกนีเซียม ควรหว่านแคลเซี่ยมคาร์บอร์เนตหรือ หินปูนบด ปูนมาลร์ ปูนขาว ปูนโดโลไมท์ หรือพวกยิบซั่ม
การปลุกและการดูแลรักษา
ฝรั่งไร้เมล็ด การปลูกและการดูแลเหมือนฝรั่งทั่ว ๆ ไป ระยะปลูก ๓ x ๔ หรือ ๔ x ๔ พื้นที่ ๑ ไร่ ปลูกได้ประมาณ ๑๐๐ ต้น ปลูกได้ทั้งที่ลุ่มและที่ดอน ที่ลุ่มควรยกร่องน้ำ ส่วนที่ดอนปลูกแบบสภาพไร่ได้
ฝรั่งจัดเป็นไม้ผลไม้ที่ทนน้ำท่วมขังได้โดยไม่ตายและทนแล้งได้พอสมควร แต่อย่างไรก็ตามฝรั่งยังต้องการดินที่มีอิทรีย์วัตถุสูง คือ ชอบปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก เพราะจะได้ผลที่ใหญ่และรสชาติดี ดังนั้นเกษตรกรได้เตรียมหลุมปลูกที่ดีแล้ว ฝรั่งจะเจริญเติบโตช่วงปีแรกเร็วมาก
พบเกษตรกรบางรายใช้วิธีทำปุ๋ยหมักลงไปในหลุมก่อนปลูกอย่างน้อย ๓ เดือน โดยการขุดหลุมกว้างคูณยาวขนาด ๕๐ x ๕๐ ซม. แล้วนำปุ๋ยคอก เช่น ขี้วัว ขี้ไก่ ขี้เป็ด ก็ได้จะใหม่หรือเก่าก็สามารถใช้ได้ ประมาณ ๑ ปี หาเศษพืช เช่น กากถั่ว, เศษฟาง, หญ้าแห้ง ใส่ลงไปด้วยโดยโรยรอบ ๆ ปากหลุม แล้วใช้จอบฟันลงไปให้เต็มหลุมทิ้วไว้อย่างน้อย ๓ เดือน แล้วนำกิ่งพันธุ์มาปลูก ก่อนปลูกควรแน่ใจว่าปุ๋ยที่มหักสลายตัวแล้ว ไม่เกิดความร้อน โดยการทดลองเอามือคุ้ยดินผสมในหลุม ถ้ามีสีดำและไม่มีความร้อน ก็สามารถนำกิ่งพันธุ์ลงปลูกได้เลย วิธีนี้หลังจากปลูกประมาณ ๖ เดือน ฝรั่งจะโตเต็มที่พร้อมที่จะให้ผลผลิตได้ หากไม่สามารถทำตามวิธีดังกล่าวได้แนะนำให้ขุดหลุมขนาด ๓๐ x ๓๐ ซม. แล้วหาซื้อปุ๋ยหมักที่มีขายทั่วไป ใส่ผสมลงไป อาจใส่ปุ๋ยเคมีประมาณ ๑ ช้อนแกง รองก้นหลุมแล้วกลบดินทับอย่างน้อยหนึ่งฝ่ามืออย่าให้ปุ๋ยสัมผัสกับรากโดยตรง หลังจากปลูกควรปักไม้ยึดลำต้น รดน้ำให้ชุ่ม
การดูแลรักษาในช่วง ๖ เดือนแรก
การให้น้ำควรดน้ำให้สม่ำเสมอเพราะฝรั่งชอบน้ำแต่ไม่ชอบแฉะในระยะ ๖ เดือนแรก หากไม่มีฝนควรรดน้ำวันละ ๒ ครั้ง เช้า-เย็น โดยมากในสวนแบบยกร่องมักจะรดน้ำวันละครั้ง เมื่อต้นโตแล้วการรดน้ำก็เว้นระยะได้ ๖ เดือน แรกให้น้ำประมาณสัปดาห์ละไม่เกิน ๔ ปี ต่อต้น
ในฤดูแล้ง ระยะที่ใกล้ออกดอก ไม่ควรให้น้ำมากเพราะการให้น้ำมากเกินไปในระยะออกดอกจะไปชลอการออกดอกและติดผล ส่วนระบบการให้น้ำในเกษตรกรที่มีสวนขนาดใหญ่ สวนฝรั่งที่ปลูกในดอนอาจจะมีการให้น้ำระบบมินิสปริงเกอร์ ฝรั่งที่ปลูกในที่ลุ่มก็อาจจะใช้วิธีการรดน้ำระหว่างร่อง ควรพรวนดินเดือนละ ๒ ครั้ง เพื่อกำจัดวัชพืช หรืออาจจะใช้ สารกำจัดวัชพืชก็ได้
การให้น้ำ
ควรรดน้ำให้สม่ำเสมอเพราะฝรั่งชอบน้ำแต่ไม่ชอบแฉะในระยะ ๖ เดือนแรก หากไม่มีฝนควรรดน้ำวันละ ๒ ครั้ง เช้า-เย็น โดยมากในสวนแบบยกร่องมักจะรดน้ำวันละครั้ง เมื่อต้นโตแล้วการรดน้ำก็เว้นระยะได้ ระยะ ๖ เดือนแรกให้น้ำประมาณ สัปดาห์ะไม่เกิน ๔ ปีป ต่อต้น ในฤดูแล้ง ระยะที่ใกล้ออกดอกไม่ควรให้น้ำมากเพราะการให้น้ำมากเกินไปในระยะ ออกดอก จะไปชลอการออกดอกและติดผล ส่วนระบบการให้น้ำเกษตรกรที่มีสวนขนาดใหญ่ สวนฝรั่งที่ปลูกในที่ดอนอาจจะ มีการ ให้น้ำระบบมินิสปริงเกอร ์ ฝรั่งที่ปลูกในที่ลุ่มก็อาจจะใช้วิธีการรดน้ำระหว่างร่อง ควรพรวนดินเดือนละ ๒ ครั้ง เพื่อกำจัดวัชพืช หรืออาจจะใช้ สารกำจัดวัชพืชก็ได้
การใส่ปุ๋ย
นอกจากการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอแล้วการใส่ปุ๋ยก็เป็นปัจจัยที่สำคัญในการทำสวนฝรั่ง ดังนั้นเกษตรกรควรมีการให้ปุ๋ยแก่ฝรั่ง ควรเน้นปุ๋ยคอกเป็นหลักเพราะจะช่วยเรื่องความหวาน เช่น ขี้ค้างคาว ขี้หมู ขี้วัว ขี้ควาย เป็นต้น ใส่เป็นประจำทุกเดือน อัตราต้นฝรั่งอายุ ๑ ปีขึ้นไปใส่ต้นละ ๒ กำมือ ส่วนฝรั่งที่อายุต่ำกว่า ๑ ปี ใส่อัตราต้นละ ๑ กำมือ ปุ๋ยเคมีทั้งทางเดินและทางใบควรให้เสริมด้วย โดยทางดินควรใช้สูตรที่มีตัวหน้าสูง เช่น สูตร ๓๒-๑๐-๑๐, ๒๕-๗-๗ ผสมกับปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น สูตร ๑๕-๑๕-๑๕ หรือ ๑๖-๑๖-๑๖ ให้ทุก ๒ เดือน โดยให้ต้นละ ๑-๒ ช้อนแกง และค่อย ๆ เพิ่มอัตรามากขึ้นตามขนาดและอายุของฝรั่ง สำหรับปุ๋ยที่ให้ทางใบนั้น ควรให้พวกฮอร์โมนและอาหารเสริมไปด้วย สำหรับปุ๋ยทางใบ ใช้สูตร ๓๐-๒๐-๑๐, ๒๐-๒๐-๒๐ จะช่วยเร่งการเจริญเติบโตทั้งกิ่งก้าน และช่วงที่มีการเจริญเติบโตนี้ควรเด็ดยอดทิ้งเพื่อให้มีการแตกยอดมากขึ้น เช่นเดียวกับการโน้มกิ่งจะทำให้กิ่งที่แตกยอดและออกดอกตามมาด้วย วัน เวลาใส่ปุ๋ยเป้นเรื่องสำคัญมากเพราะมีผลต่อการควบคุมการเกิดดอกออกผล
ข้อแนะนำที่ทุกประเทศมีความสอดคล้องกันคือ
การใส่ปุ๋ยก่อนการออกดอกจะช่วยกระตุ้นให้เกิดกิ่งใหม่ยอดใหม่เท่ากับเป็นการกระตุ้นให้ออกดอกนั่นเอง เพราะยอดที่แตกใหม่จากกิ่งที่อายุหนึ่งปีขึ้นไปจะมีดอกตามออกมาด้วยเสมอ อย่างไรก็ตามหากให้ปุ๋ยมากเกินไปในระยะที่จะออกดอกอาจมีผลให้การออกดอกล่าช้าไปได้
ฝรั่งไร้เมล็ดจะมีผลขนาดใหญ่ น้ำหนักต่อผลขนาดใหญ่ถึง ๑.๓ กิโลกรัม ดังนั้นควรมีการเด็ดลูกทิ้งเพื่อลูกจะได้เจริญเติบโตได้ดี ควรเด็ดให้เหลือต้นละประมาณ ๑๐๐ ผลต่อปี
การดัดแต่งและการตัดแต่ง
การดัดแต่งต้นฝรั่งมักเป็นเรื่องของสวนฝรั่งขนาดใหญ่มากกว่าสวนขนาดเล็ก ก่อนที่จะดัดแต่งต้องพิจารณาก่อนว่าจะเก็บเกี่ยวฝรั่งโดยวิธีใดเพื่อจะดัดแต่งให้เหมาะสมกับการเก็บเกี่ยว วัตถุประสงค์การตัดแต่งฝรั่งกินสดคือ การรักษาขนาดผลให้ใหญ่อยู่เสมอเพราะฝรั่งเมื่อกิ่งแก่ ผลจะเล้กลง ดังนั้นจึงต้องให้มีกิ่งอายุ ๑-๓ ปี เพื่อผลิตดอกออกผลเสมอโดยใช้วิธีการสางกิ่งออกทุกๆ ๒-๓ ปี โดยตัดยอดหรือตัดกิ่งข้างพอประมาณกิ่งใหม่ก็จะแตกออกมา จำนวนผลต่อต้นจะน้อยลงแต่ขนาดผลจะใหญ่ขึ้น
การขยายพันธ์
การขยายพันธุ์ฝรั่งที่ปฏิบัติกันมีหลายวิธีด้วยกันเช่นติดตา ทาบกิ่ง ตอน กิ่งตัดชำ และชำกอ แล้วแต่ความเหมาะสมและวัตถุประสงค์แต่ละคน
การขยายพันธุ์โดยการตอนเป็นวิธีที่ง่าย หากตอนในฤดูฝนเลือกกิ่งที่มีสีเขียวปนน้ำตาล (อายุ ๓ - ๔ เดือน) ใช้เวลา ๒๕-๓๕ วันก็ออกราก การชำก็ง่าย ตายน้อยไม่เกิน ๕ เปอร์เซ็นต์ การชำควรชำถุงหรือกระถางขนาด ๘ x ๑๐ นิ้วเพียง ๒ เดือน ก็สามารถนำลงปลูกในแปลงได้
การตัดชำ ชาวสวนนิยมปลูกด้วยกิ่งตัดชำเพราะราคากิ่งและโตไว การชำต้องชำในสภาพที่มีการพ่นน้ำเป็นฝอยละเอียด เปิด-ปิด เป็นระยะๆ ก็จะออกรากได้พอใช้ ถ้าใช้ฮอร์โมน ช่วยจะออกรากร้อยละ ๗๕ -๙๐ เปอร์เซ็นต์
การชำกอ
วิธีการคือ เลือกต้นแม่พันธุ์กิ่งตอนอายุ ๓-๕ ปี ตัดยอดให้เหลือตอเกือบชิดดินแล้วปล่อยแตกกอตากนั้นควั่นกิ่งแล้วทารอบรอยควั่นด้วย IBA ผสมกับ ลาโนลิน เอาดินกลบเหนือรอยควั่น เมื่อรากออกจึงแยกลงการถางหรือถุงชำ
การติดตา
การติดตาต้นตอนนั้นน่าจะใช้พันธุ์อะไรก้ได้ เพราะต้นตอไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่ ควรเลือกพันธุ์ที่มีเมล็ดโตมาเป็นต้นตอ เมื่อกล้าโตมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑ เซนติเมตร ที่ระดับ ๒๐-๒๕ เซนติเมตรเหนือพื้นดินก็ใช้ติดตาได้ส่วนกิ่งตานั้นก่อนนำไปใช้ ๑๐-๑๔ วัน ควรริดใบออกเพื่อเร่งให้ตาเต่งและควรเลือกกิ่งที่เปลือกกล่อนหมดแล้วเพื่อให้ผลดีที่สุดควรติดตาแบบเพทซ์
ส่วนการทาบกิ่งฝรั่งในกรณีที่ต้องการระบบรากลึกแข็งแรง ต้องปลูกจากต้นติดตาหรือทาบกิ่ง
ผลผลิต
ฝรั่งไร้เมล็ดเป็นไม้ผลที่ให้ผลผลิตเร็วอายุ ๕-๗ เดือน หลังจากปลูกก็สามารถให้ผลผลิตได้แล้วเหมือนกับฝรั่งอื่น ๆ ทั่วไป อายุการเก็บเกี่ยวใช้เวลาตั้งแต่ออกดอกถึงเก็บเกี่ยวใช้ระยะเวลาประมาณ ๕ เดือน
ดูในรูปแบบเต็ม: ฝรั่งไร้เมล็ด หรือฝรั่งสาลี่ทอง
pancola.com/bbs/archiver/?tid-2548.html -
การจะทำฝรั่งดอง
สิ่งแรกที่ต้องนำมาพิจารณาคือ วัตถุดิบควรมีอยู่ในท้องถิ่นอย่างเพียงพอ หากต้องนำไปจากที่ห่างไกล จะเป็นการเพิ่มต้นทุนการผลิตให้สูงขึ้นโดยไม่จำเป็น ฝรั่งดอง นำฝรั่งสดที่ล้างสะอาดแล้วจำนวน 5 กิโลกรัม ผึ่งลมให้สะเด็ดน้ำ ต้มน้ำ 6 ลิตร เกลือ 700 กรัม จนน้ำเดือดกวนให้เกลือละลายดี เติมน้ำส้มสายชู 280 ซีซี. ทิ้งไว้ให้เย็น ล้างโหลปากกว้างสำหรับบรรจุให้สะอาด คว่ำทิ้งไว้จนแห้ง ใส่ผลฝรั่งที่ผึ่งไว้ ลงในโหลเทน้ำเกลือลงให้ท่วมผลฝรั่ง ใช้ถุงพลาสติกขนาดเล็กกว่าปากโหลใส่น้ำมัดด้วยยางหนังสติ๊ก วางทับผลฝรั่งให้จมลงในน้ำเกลือ ่และปิดปากภาชนะด้วยผ้าพลาสติกอีกชั้นหนึ่ง ดองไว้นาน 3-5 วัน ก็ใช้ได้ กล้วยกวน นำกล้วยน้ำหนัก 1 กิโลกรัม ที่งอมเต็มที่ ปอกเปลือกทิ้งไป ขยำเนื้อกล้วยกับน้ำตาลหม้อครึ่งกิโลกรัม พร้อมแป้งข้าวเจ้าอีก 3 ถ้วย ให้เข้ากันดี ใส่ลงในกระทะทองเหลืองหรือภาชนะอื่นที่มีอยู่ นำขึ้นตั้งบนเตาไฟ กวนให้เหนียว แล้วยกลงตั้งทิ้งไว้ให้เย็น ตักใส่โหลหรือห่อเข้าแบบพิมพ์ก่อนนำใส่ถาด สำหรับรับประทานหรือส่งขาย มะกอกแช่อิ่ม เตรียมผลมะกอกน้ำ 4 ถ้วยตวง ล้างให้สะอาด ต้มน้ำในภาชนะปริมาณ 8 ถ้วยตวง บนเตาไฟ เติมเกลือ 1 ถ้วยตวง พอเดือดปล่อยไว้จนน้ำอุ่น นำมะกอกที่ผึ่งไว้ใส่ลงภาชนะสะอาด เทน้ำเกลือลงให้ท่วมปิดทับด้วยใบตองแล้วทับด้วยถุงพลาสติกใส่น้ำอีกครั้งหนึ่ง ดองไว้ 2-3 วัน จึงนำขึ้นผึ่งให้สะเด็ดน้ำ เคี่ยวน้ำตาล 2.5 ถ้วย ใส่น้ำสะอาด 4-6 ถ้วยตวง เคี่ยวให้เดือด กรองด้วยผ้าขาวบาง เคี่ยวต่ออีก 5 นาที แล้วยกลงทิ้งไว้ให้อุ่นใส่มะกอกลงในขวดโหลและเทน้ำเชื่อมลงให้ท่วมมะกอก แช่ไว้ 8-12 ชั่วโมง เทน้ำเชื่อมออกจากภาชนะ นำขึ้นอุ่นบนเตาไฟอีก ตั้งทิ้งให้เย็น เทลงน้ำเชื่อมลงที่ผลมะกอกทำซ้ำ 3 ครั้ง จนอิ่มตัว เป็นอันสำเร็จตามความต้องการ ข้อควรพิจารณาในการเตรียมผลไม้ก่อนแช่อิ่ม ควรเลือกผลไม้สุกพอดี ไม่ช้ำ ไม่เน่า และไม่มีรอยแผล นำมาล้างให้สะอาด ผลไม้บางชนิดต้องปอกเปลือกออก หรือหั่นเป็นชิ้น ขีดที่ผิว ทำแฉก แทงตามผิว บีบน้ำ นำเมล็ดออก นำลงแช่น้ำปูนใสเป็นเวลา 30-60 นาที นำขึ้นผึ่งให้สะเด็ดน้ำ ผลไม้รสเปรี้ยว ควรแช่น้ำเกลือเพื่อลดความเปรี้ยว ผลไม้ที่มีรสขม ต้องต้มและเปลี่ยนน้ำหลายครั้ง บางชนิดต้องต้มหรือลวกก่อน บางชนิดต้องลวกให้สุกก่อนแช่อิ่ม การต้มผลไม้จนลอยขึ้นผิวน้ำ ตักขึ้นแช่ในน้ำเย็นทันที แล้วนำขึ้นผึ่งให้สะเด็ดน้ำ จะช่วยทำให้ผลมีสีสวยขึ้น
http://siweb.dss.go.th/qa/search/search_description.asp?QA_ID=488
ฝรั่งไร้เมล็ด หรือฝรั่งสาลี่ทอง
ลักษณะเด่นของฝรั่งไรเม็ด
ฝรั่งไร้เมล็ดหรือฝรั่งสาลี่ทองเป็นฝรั่งที่มีผิวสวยสีเหลืองทอง ผลใหญ่ รสชาติหวานกรอบ อมเปรี้ยวเล็กน้อยและให้ผลดก แต่ที่เป็นจุดสนใจมากคือ ไม่มีเมล็ด ดังนั้นจึงรับประทานได้ทั้งผล ในขณะที่ฝรั่งทั่วไป ซึ่งมีเมล็ดจะรับประทานเนื้อไปเพียงครึ่งเดียว หรือถ้านำไปปั่นให้ผู้สูงอายุก็ไม่ต้องแยกเมล็ดออก และการรับประทานฝรั่งที่มีเมล็ดจึงควรระวังเพราะเมล็ดฝรั่งแข็งบางครั้งอาจเป็นอันตรายต่อฟันได้ อายุการเก็บเกี่ยวฝรั่งไร้เมล็ดตั้งแต่ออกดอกถึงเก็บเกี่ยวประมาณ ๕ เดือน
การเลือกที่จะทำสวนฝรั่ง ฝรั่งเป็นไม้ที่ทนทานต่อสภาพแวดล้อมได้ดี
เมื่อเปรียบเทียบกับไม้ผลชนิดอื่น ๆ ดังนั้นฝรั่งจึงสามารถปลูกได้ในดินเกือบทุกสภาพ และทุกภาคของประเทศไทย ชาวสวนนิยมพูดเสมอว่าดินที่ดีเอาไว้ปลูก ส้ม เงาะ ทุเรียน ตรงไหนดินไม่ดีไว้ปลูกฝรั่ง ฝรั่งไร้เมล็ดก็ยังสามารถปลูกได้แม้ดินที่เป็นกรด (pH ต่ำกว่า ๔.๕) และดินที่เป็นด่างอ่อน ๆ (pH ประมาณ ๗.๕ )การเตรียมพื้นที่ปลูก แปลงปลูกที่จะต้องมีการยกร่องคือพื้นที่ที่เป็นต่ำ ดินเหนียวระบายน้ำยาก ต้องยกเป็นสันร่องสูง เพื่อไม่ให้ดินแฉะจนเกินไป พื้นที่ที่อยู่ใกล้แม่น้ำลำคลอง ส่วนกลางปลูกฝรั่งในที่ดอนนั้น การเตรียมพื้นที่ก็ไม่ยุ่งยากมากนัก คือ ถ้ามีวัชพืชมากก็ทำการไถพรวน ไถดะหนึ่งรอบเพื่อกำจัดหญ้า ถ้าปลูกพืชในแปลงมาก่อนและพืชเคยแสดงอาการขาดแคลเซี่ยมหรือ แมกนีเซียม ควรหว่านแคลเซี่ยม คาร์บอร์เนตหรือ หินปูนบด ปูนมาลร์ ปูนขาว ปูนโดโลไมท์ หรือพวกยิบซั่ม
การปลุกและการดูแลรักษา
ฝรั่งไร้เมล็ด การปลูกและการดูแลเหมือนฝรั่งทั่ว ๆ ไป ระยะปลูก ๓ x ๔ หรือ ๔ x ๔ พื้นที่ ๑ ไร่ ปลูกได้ประมาณ ๑๐๐ ต้น ปลูกได้ทั้งที่ลุ่มและที่ดอน ที่ลุ่มควรยกร่องน้ำ ส่วนที่ดอนปลูกแบบสภาพไร่ได้
ฝรั่งจัดเป็นไม้ผลไม้ที่ทนน้ำท่วมขังได้โดยไม่ตายและทนแล้งได้พอสมควร แต่อย่างไรก็ตามฝรั่งยังต้องการดินที่มีอิทรีย์วัตถุสูง คือ ชอบปุ๋ยคอกปุ๋ยหมัก เพราะจะได้ผลที่ใหญ่และรสชาติดี ดังนั้นเกษตรกรได้เตรียมหลุมปลูกที่ดีแล้ว ฝรั่งจะเจริญเติบโตช่วงปีแรกเร็วมาก
พบเกษตรกรบางรายใช้วิธีทำปุ๋ยหมักลงไปในหลุมก่อนปลูกอย่างน้อย ๓ เดือน โดยการขุดหลุมกว้างคูณยาวขนาด ๕๐ x ๕๐ ซม. แล้วนำปุ๋ยคอก เช่น ขี้วัว ขี้ไก่ ขี้เป็ด ก็ได้จะใหม่หรือเก่าก็สามารถใช้ได้ ประมาณ ๑ ปี หาเศษพืช เช่น กากถั่ว, เศษฟาง, หญ้าแห้ง ใส่ลงไปด้วยโดยโรยรอบ ๆ ปากหลุม แล้วใช้จอบฟันลงไปให้เต็มหลุมทิ้วไว้อย่างน้อย ๓ เดือน แล้วนำกิ่งพันธุ์มาปลูก ก่อนปลูกควรแน่ใจว่าปุ๋ยที่มหักสลายตัวแล้ว ไม่เกิดความร้อน โดยการทดลองเอามือคุ้ยดินผสมในหลุม ถ้ามีสีดำและไม่มีความร้อน ก็สามารถนำกิ่งพันธุ์ลงปลูกได้เลย วิธีนี้หลังจากปลูกประมาณ ๖ เดือน ฝรั่งจะโตเต็มที่พร้อมที่จะให้ผลผลิตได้ หากไม่สามารถทำตามวิธีดังกล่าวได้แนะนำให้ขุดหลุมขนาด ๓๐ x ๓๐ ซม. แล้วหาซื้อปุ๋ยหมักที่มีขายทั่วไป ใส่ผสมลงไป อาจใส่ปุ๋ยเคมีประมาณ ๑ ช้อนแกง รองก้นหลุมแล้วกลบดินทับอย่างน้อยหนึ่งฝ่ามืออย่าให้ปุ๋ยสัมผัสกับรากโดยตรง หลังจากปลูกควรปักไม้ยึดลำต้น รดน้ำให้ชุ่ม
การดูแลรักษาในช่วง ๖ เดือนแรก
การให้น้ำควรดน้ำให้สม่ำเสมอเพราะฝรั่งชอบน้ำแต่ไม่ชอบแฉะในระยะ ๖ เดือนแรก หากไม่มีฝนควรรดน้ำวันละ ๒ ครั้ง เช้า-เย็น โดยมากในสวนแบบยกร่องมักจะรดน้ำวันละครั้ง เมื่อต้นโตแล้วการรดน้ำก็เว้นระยะได้ ๖ เดือน แรกให้น้ำประมาณสัปดาห์ละไม่เกิน ๔ ปี ต่อต้น
ในฤดูแล้ง ระยะที่ใกล้ออกดอก ไม่ควรให้น้ำมากเพราะการให้น้ำมากเกินไปในระยะออกดอกจะไปชลอการออกดอกและติดผล ส่วนระบบการให้น้ำในเกษตรกรที่มีสวนขนาดใหญ่ สวนฝรั่งที่ปลูกในดอนอาจจะมีการให้น้ำระบบมินิสปริงเกอร์ ฝรั่งที่ปลูกในที่ลุ่มก็อาจจะใช้วิธีการรดน้ำระหว่างร่อง ควรพรวนดินเดือนละ ๒ ครั้ง เพื่อกำจัดวัชพืช หรืออาจจะใช้ สารกำจัดวัชพืชก็ได้
การให้น้ำ
ควรรดน้ำให้สม่ำเสมอเพราะฝรั่งชอบน้ำแต่ไม่ชอบแฉะในระยะ ๖ เดือนแรก หากไม่มีฝนควรรดน้ำวันละ ๒ ครั้ง เช้า-เย็น โดยมากในสวนแบบยกร่องมักจะรดน้ำวันละครั้ง เมื่อต้นโตแล้วการรดน้ำก็เว้นระยะได้ ระยะ ๖ เดือนแรกให้น้ำประมาณ สัปดาห์ะไม่เกิน ๔ ปีป ต่อต้น ในฤดูแล้ง ระยะที่ใกล้ออกดอกไม่ควรให้น้ำมากเพราะการให้น้ำมากเกินไปในระยะ ออกดอก จะไปชลอการออกดอกและติดผล ส่วนระบบการให้น้ำเกษตรกรที่มีสวนขนาดใหญ่ สวนฝรั่งที่ปลูกในที่ดอนอาจจะ มีการ ให้น้ำระบบมินิสปริงเกอร ์ ฝรั่งที่ปลูกในที่ลุ่มก็อาจจะใช้วิธีการรดน้ำระหว่างร่อง ควรพรวนดินเดือนละ ๒ ครั้ง เพื่อกำจัดวัชพืช หรืออาจจะใช้ สารกำจัดวัชพืชก็ได้
การใส่ปุ๋ย
นอกจากการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอแล้วการใส่ปุ๋ยก็เป็นปัจจัยที่สำคัญในการทำสวนฝรั่ง ดังนั้นเกษตรกรควรมีการให้ปุ๋ยแก่ฝรั่ง ควรเน้นปุ๋ยคอกเป็นหลักเพราะจะช่วยเรื่องความหวาน เช่น ขี้ค้างคาว ขี้หมู ขี้วัว ขี้ควาย เป็นต้น ใส่เป็นประจำทุกเดือน อัตราต้นฝรั่งอายุ ๑ ปีขึ้นไปใส่ต้นละ ๒ กำมือ ส่วนฝรั่งที่อายุต่ำกว่า ๑ ปี ใส่อัตราต้นละ ๑ กำมือ ปุ๋ยเคมีทั้งทางเดินและทางใบควรให้เสริมด้วย โดยทางดินควรใช้สูตรที่มีตัวหน้าสูง เช่น สูตร ๓๒-๑๐-๑๐ , ๒๕-๗-๗ ผสมกับปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น สูตร ๑๕-๑๕-๑๕ หรือ ๑๖-๑๖-๑๖ ให้ทุก ๒ เดือน โดยให้ต้นละ ๑-๒ ช้อนแกง และค่อย ๆ เพิ่มอัตรามากขึ้นตามขนาดและอายุของฝรั่ง สำหรับปุ๋ยที่ให้ทางใบนั้น ควรให้พวกฮอร์โมนและอาหารเสริมไปด้วย สำหรับปุ๋ยทางใบ ใช้สูตร ๓๐-๒๐-๑๐, ๒๐-๒๐-๒๐ จะช่วยเร่งการเจริญเติบโตทั้งกิ่งก้าน และช่วงที่มีการเจริญเติบโตนี้ควรเด็ดยอดทิ้งเพื่อให้มีการแตกยอดมากขึ้น เช่นเดียวกับการโน้มกิ่งจะทำให้กิ่งที่แตกยอดและออกดอกตามมาด้วย วัน เวลาใส่ปุ๋ยเป้นเรื่องสำคัญมากเพราะมีผลต่อการควบคุมการเกิดดอกออกผล
ข้อแนะนำที่ทุกประเทศมีความสอดคล้องกันคือ
การใส่ปุ๋ยก่อนการออกดอกจะช่วยกระตุ้นให้เกิดกิ่งใหม่ยอดใหม่เท่ากับเป็นการกระตุ้นให้ออกดอกนั่นเอง เพราะยอดที่แตกใหม่จากกิ่งที่อายุหนึ่งปีขึ้นไปจะมีดอกตามออกมาด้วยเสมอ อย่างไรก็ตามหากให้ปุ๋ยมากเกินไปในระยะที่จะออกดอกอาจมีผลให้การออกดอกล่าช้าไปได้
ฝรั่งไร้เมล็ดจะมีผลขนาดใหญ่ น้ำหนักต่อผลขนาดใหญ่ถึง ๑.๓ กิโลกรัม ดังนั้นควรมีการเด็ดลูกทิ้งเพื่อลูกจะได้เจริญเติบโตได้ดี ควรเด็ดให้เหลือต้นละประมาณ ๑๐๐ ผลต่อปี
การดัดแต่งและการตัดแต่ง
การดัดแต่งต้นฝรั่งมักเป็นเรื่องของสวนฝรั่งขนาดใหญ่มากกว่าสวนขนาดเล็ก ก่อนที่จะดัดแต่งต้องพิจารณาก่อนว่าจะเก็บเกี่ยวฝรั่งโดยวิธีใดเพื่อจะดัดแต่งให้เหมาะสมกับการเก็บเกี่ยว วัตถุประสงค์การตัดแต่งฝรั่งกินสดคือ การรักษาขนาดผลให้ใหญ่อยู่เสมอเพราะฝรั่งเมื่อกิ่งแก่ ผลจะเล้กลง ดังนั้นจึงต้องให้มีกิ่งอายุ ๑-๓ ปี เพื่อผลิตดอกออกผลเสมอโดยใช้วิธีการสางกิ่งออกทุกๆ ๒-๓ ปี โดยตัดยอดหรือตัดกิ่งข้างพอประมาณกิ่งใหม่ก็จะแตกออกมา จำนวนผลต่อต้นจะน้อยลงแต่ขนาดผลจะใหญ่ขึ้น
การขยายพันธ์
การขยายพันธุ์ฝรั่งที่ปฏิบัติกันมีหลายวิธีด้วยกันเช่นติดตา ทาบกิ่ง ตอน กิ่งตัดชำ และชำกอ แล้วแต่ความเหมาะสมและวัตถุประสงค์แต่ละคน
การขยายพันธุ์โดยการตอนเป็นวิธีที่ง่าย หากตอนในฤดูฝนเลือกกิ่งที่มีสีเขียวปนน้ำตาล (อายุ ๓-๔ เดือน) ใช้เวลา ๒๕-๓๕ วันก็ออกราก การชำก็ง่าย ตายน้อยไม่เกิน ๕ เปอร์เซ็นต์ การชำควรชำถุงหรือกระถางขนาด ๘ x ๑๐ นิ้วเพียง ๒ เดือน ก็สามารถนำลงปลูกในแปลงได้
การตัดชำ ชาวสวนนิยมปลูกด้วยกิ่งตัดชำเพราะราคากิ่งและโตไว การชำต้องชำในสภาพที่มีการพ่นน้ำเป็นฝอยละเอียด เปิด-ปิด เป็นระยะๆ ก็จะออกรากได้พอใช้ ถ้าใช้ฮอร์โมน ช่วยจะออกรากร้อยละ ๗๕-๙๐ เปอร์เซ็นต์
การชำกอ
วิธีการคือ เลือกต้นแม่พันธุ์กิ่งตอนอายุ ๓-๕ ปี ตัดยอดให้เหลือตอเกือบชิดดินแล้วปล่อยแตกกอตากนั้นควั่นกิ่งแล้วทารอบรอยควั่นด้วย IBA ผสมกับ ลาโนลิน เอาดินกลบเหนือรอยควั่น เมื่อรากออกจึงแยกลงการถางหรือถุงชำ
การติดตา
การติดตาต้นตอนนั้นน่าจะใช้พันธุ์อะไรก้ได้ เพราะต้นตอไม่ใช่เรื่องสำคัญแต่ ควรเลือกพันธุ์ที่มีเมล็ดโตมาเป็นต้นตอ เมื่อกล้าโตมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ ๑ เซนติเมตร ที่ระดับ ๒๐ -๒๕ เซนติเมตรเหนือพื้นดินก็ใช้ติดตาได้ส่วนกิ่งตานั้นก่อนนำไปใช้ ๑๐-๑๔ วัน ควรริดใบออกเพื่อเร่งให้ตาเต่งและควรเลือกกิ่งที่เปลือกกล่อนหมดแล้วเพื่อให้ผลดีที่สุดควรติดตาแบบเพทซ์
ส่วนการทาบกิ่งฝรั่งในกรณีที่ต้องการระบบรากลึกแข็งแรง ต้องปลูกจากต้นติดตาหรือทาบกิ่ง
ผลผลิต
ฝรั่งไร้เมล็ดเป็นไม้ผลที่ให้ผลผลิตเร็วอายุ ๕-๗ เดือน หลังจากปลูกก็สามารถให้ผลผลิตได้แล้วเหมือนกับฝรั่งอื่น ๆ ทั่วไป อายุการเก็บเกี่ยวใช้เวลาตั้งแต่ออกดอกถึงเก็บเกี่ยวใช้ระยะเวลาประมาณ ๕ เดือน
http://pancola.com/bbs/archiver/?tid-2548.html
หน้าก่อน (1/3) - หน้าถัดไป (3/3)
|
|