ภูมิปัญญาชาวบ้านและเทคโนโลยีท้องถิ่น
ภูมิปัญญาชาวบ้านและเทคโนโลยีท้องถิ่น หมายถึง ความรู้ของชาวบ้านที่เรียนรู้มาจาก พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ญาติพี่น้องหรือผู้มีความรู้ในหมู่บ้านในท้องถิ่นต่าง ๆ แล้วมาประยุกต์หรือหรับใช้ หรือผสมผสานความรู้เก่ากับความรู้ใหม่ที่ได้รับมาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
สำหรับวิธีการถ่ายทอดภูมิปัญญาและเทคโนโลยีนั้น พ่อ แม่ บรรพบุรุษหรือผู้มีความรู้ใช้วิธีสอน โดยการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง แล้วให้ลูกหลานเลียนแบบในการทำจากตัวอย่าง ทั้งนี้ก็โดยอาศัยศักยภาพและภูมิปัญญาของบรรพบุรุษที่มีอยู่แล้วมาพัฒนาปรับปรุงให้เกิดประโยชน์ในการดำรงชีวิต ที่สอดคล้องกับธรรมชาติและวิถีชีวิตของตนเอง ภูมิปัญญาและเทคโนโลยีท้องถิ่นที่ปรากฏในวิถีชีวิตของชาวบ้านนี้ สืบเนื่องมาจากองค์ประกอบในการดำรงชีวิตพื้นฐานที่จำเป็นหลายประการ เป็นต้นว่า อาหาร การกิน การประกอบอาหาร การถนอมอาหาร การรักษาโรคภัยไข้เจ็บจากยาสมุนไพรและความเชื่อทางศาสนา ขนบธรรมเนียมประเพณีศิลปกรรมการสร้างสิ่งสวยงามตลอดจนการถักทอ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องจักสาน โดยใช้ไม้ไผ่ เถาวัลย์ ใบไม้ ใบตอง ที่มีอยู่ในท้องถิ่นและที่อยู่อาศัย
การทำมาหากิน
เนื่องจากสภาพทางภูมิศาสตร์ที่ตั้งของจังหวัดนครพนม เป็นที่ดินปนทราย มีที่ราบลุ่มตามบริเวณห้วยหนองคลองบึงบ้างและอยู่ในเขตลมมรสุม ฤดูฝน ฝนจึงตกชุก เหมาะแก่การทำนา ทำไร่ ในห้วยหนอง คลองบึง มีปลาธรรมชาติชุกชุม (แต่ขณะนี้สัตว์ที่เป็นอาหารมีน้อยลงทุกที ต้องเลี้ยงกบ เลี้ยงปลา ขายเป็นอาชีพ)
การทำเกษตรกรรม ทำนา ทำไร่
สำหรับการทำนา ทำไร่นี้อาศัยที่ พ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย เคยทำมาเช่นไร ก็ทำตามมาอย่างนั้น เช่น การทำไร่ ต้องเตรียมที่ถางต้นไม้ตัดต้นไม้ลง ทิ้งต้นไม้ให้แห้งตาย แล้วใช้ไฟเผาเพื่อให้เตียน เถ้าถ่านก็จะได้เป็นปุ๋ยของต้นข้าว การทำนาก็ทำเหมือนบรรพบุรุษเคยทำมาที่ฉลาดหน่อยก็คือ การเลี้ยงสัตว์ วัว ควาย ควบคู่กับการทำนาก่อนจะถึงฤดูทำนา คือ ราว ๆ เดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม ก็เอาวัว ควาย ผูกเป็นคอกในไร่นา ไร่ละ 3-4 วัน และก็ย้ายไปไร่อื่น ทำให้ปุ๋ยกระจายไปสู่ที่ต่าง ๆ โดยปริยาย
การทำนา นอกจากปัญหาภัยแล้งและปัญหาน้ำท่วมแล้วยังมีปัญหา ปูกัดต้นข้าวนาที่อยู่ในที่ลุ่มหรือมีหนองน้ำ ชาวบ้านก็หาวิธีกำจัดปู ซึ่งเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านเช่นกัน โดยเขาเอาปี๊บน้ำมันก๊าดที่ใช้แล้วเปิดปากออกเอาไปฝังไว้ตรงที่มีปูกัด โดยฝังให้ปากปี๊ปเสมอกับพื้นดินแล้วเอาเหยื่อคือ ปลาดิบ หรือ ไส้เดือนสับ ๆ วางไว้ในปี๊ป เมื่อปูลงไปกินแล้วจะขึ้นไม่ได้ภูมิปัญญาด้านอื่น ๆ เช่น การทำเครื่องดัก นก หนู ที่จะมาทำลายข้าวก็มีมากมาย
การทำไร่ ขึ้นแรกชาวบ้านก็ต้องตัดต้นไม้ ถางหญ้าให้เตียนแล้วกองไว้เป็นกองทิ้งตากแดดไว้จนแห้งแล้วเอาไฟมาเผาปราบที่ให้เตียน จึงเริ่มปลูกข้าวโดยเอาไม้กลม ๆ หรือใช้ด้ามเสียมก็ได้ กระทุ้งลงไปในดินเอาเมล็ดข้าวใส่ลงไปเพื่อให้ทำเร็วขึ้นชาวบ้านก็ใช้ไม้เฮี้ย มาทำเป็นกระบอกตามความยาวของปล้องไม้ ยาวประมาณ 40 ซม. ให้มีข้อไว้ 1 ข้อ ภายในกระบอกก็เอาเมล็ดพันธุ์ข้าวใส่ เมื่อหยอดข้าวลงหลุมแล้ว ก็เอากระบอกไม้เฮี้ยนั้นแหละ กระทุ้งดินกลบหลุมที่มีเมล็ดข้าวอยู่เรียกว่า หน่ำข้าว
เทคโนโลยีชาวบ้านเกี่ยวกับการทำไร่ ชาวบ้านได้คิดประดิษฐ์เครื่องมือหยอดพันธุ์ข้าวลงในดิน โดยกระแทกเครื่องมือลงในดิน แล้วเมล็ดพันธุ์ข้าวจะไหลลงในหลุมเองทำให้การปลูกข้าวเร็วขึ้น เครื่องมือหยอดเมล็ดพืชดังกล่าวนี้ เป็นผลงานผลิตจากภูมิปัญญาของชาวบ้านที่คิดนำวัสดุเหลือใช้ ที่มีในท้องถิ่นมาดัดแปลงเป็นเครื่องมือ ใช้ในการทำไร่อย่างได้ผลนอกจากนั้นยังมีวิธีการนำเครื่องมือบางชนิด ไปดัดแปลงให้ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่างก็มี
หงษ์ประดิษฐ์
หงษ์ประดิษฐ์ เป็นชื่อผลงานสร้างสรรค์ค์ของ นายหงษ์ ไชยสุร ที่ใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านผลิตชิ้นงานเพื่อใช้สอยในชีวิตประจำวัน ซึ่งผลงานที่ นายหงษ์ ไชยสุระ ได้ผลิตขึ้นนั้นถือว่าเป็นชิ้นงาน ต้นแบบ ได้เนื่องจากเป็นผลงานที่สร้างจากวัสดุเหลือใช้และวัสดุที่มีในท้องถิ่นแทบทั้งสิ้น แม้ว่าการผลิตชิ้นงานแต่ละอย่างจะไม่มีงบประมาณสนับสนุน เขาก็ประยุกต์ดัดแปลงประดิษฐ์ขึ้นจนสำเร็จ สามารถใช้ได้ผลดี เป็นที่ยอมรับของชาวบ้านและส่วนราชการทั่วไป
นายหงษ์ ไชยสุระ เป็นบุตรของ นายไพร - นางวงศ์ ไชยสุระ เกิดเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2487 ณ บ้านเลขที่ 19 หมู่ 8 ต.โพนทอง อ.บ้านแพง จังหวัดนครพนม
การศึกษา
จบการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 3 ที่โรงเรียนมัธยมบ้านแพง ปัจจุบันโรงเรียนแห่งนี้ยุบไปแล้ว แต่อาคารเรียนจะยังคงสภาพปรากฏให้เห็นอยู่ (บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอบ้านแพง) ขณะเรียนชั้นมัธยมปีที่ 3 นั้น มี นายหนูปอน ศิริผลา เป็นครูใหญ่ เมื่อเรียนจบมัธยมปีที่ 3 แล้วก็ออกมาช่วยพ่อแม่ทำนาระยะหนึ่ง เพราะยากจนไม่มีทุนเรียนต่อ ด้วยความตั้งใจอยากเรียนต่อ จึงไปหา นายเลี่ยน โกษาแสง ซึ่งเป็นครูคนหนึ่งที่เขาเคารพนับถือมาก นายเลี่ยน โกษาแสง ได้ให้ข้อคิดแก่เขาว่าสังคมในอนาคต วิชาการด้านอิเล็กทรอนิกส์จะมีบทบาทต่อสังคมมาก ควรจะไปเรียนหรือหาความรู้ด้านนี้จะดีที่สุด นายเลี่ยน โกษาแสง จึงพาไปฝากให้ฝึกงานที่ร้านซ่อมโทรทัศน์ที่จังหวัดสกลนคร ด้วยความเอาใจใส่ ใฝ่รู้ใฝ่เรียน จึงเข้าใจได้รวดเร็ว ภายหลังได้เป็นหัวหน้าช่าง ต่อมาย้ายไปทำงานการช่างที่จังหวัดอุดรธานี รับซ่อมเครื่องกระจายเสียง วิทยุ โทรทัศน์ จนอายุได้ 21 ปี จึงกลับบ้าน เพื่อเข้ารับการเกณฑ์ทหารและได้สมรสในเวลาต่อมา
มูลเหตุที่ทำให้เป็นนักคิดค้นและประดิษฐ์ผลงาน ในขณะที่เป็นช่างทำงานประจำที่ร้านซ่อมเครื่องอิเล็กทรอนิกส์อยู่นั้น เขาครุ่นคิดอยู่เสมอว่า การยึดอาชีพเป็นช่างประจำร้านไปเรื่อย ๆ จะไม่มีโอกาสร่ำรวยคงเป็นเพียงลูกจ้างเขาไปตลอด ถ้าหากกลับไปเป็นช่างอิสระที่บ้านเกิดก็คงจะลำบากมากขึ้น เนื่องจากเป็นหมู่บ้านชนบทห่างไกลความเจริญ การไปหาซื้อวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ไม่สะดวก แต่ก็มีความคิดไปอีกมุมมองหนึ่งว่า ที่ดินทำกินทางการเกษตรที่บ้านเกิด ตำบลโพนทอง อำเภอบ้านแพงนั้น ก็มีมากพอที่จะไปเริ่มต้นบุกเบิกทำกินได้ จึงตัดสินใจลาออกจากการทำงานเป็นช่างซ่อมกลับมาบ้านเกิดซึ่งขณะนั้นก็สมรสแล้ว จึงได้ลงมือเริ่มบุกเบิกทำนา ทำสวน ซึ่งต้องอาศัยลำแข้งหนึ่งสมองและสองมือน้อย ๆ ของตัวเองทุ่มเทให้งานทางการเกษตร เริ่มจากขุดบ่อน้ำ ทำสวนสับปะรด และทำนา จากกิจกรรมหลายขั้นตอน ในการทำนาและทำสวนนี้เอง ซึ่งเขาเห็นว่าเป็นภาระหนักและยุ่งยากมาก แต่ชาวนาชาวสวนในชนบท ส่วนใหญ่ก็ต้องทนทุกข์ต่อสู้ตามชะตากรรมเรื่อยมาเราจึงคิดว่าถ้าหากใช้ความรู้ทางด้านอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียนมา คิดประดิษฐ์เครื่องทุ่นแรงในการทำนาทำสวนได้ก็คงจะดี และเป็นการท้าทายความสามารถของตนเองด้วย หากสำเร็จก็จะขยายผลไปช่วยเพื่อนชาวนา ชาวสวนผู้ยากจนในท้องถิ่นให้ลดความลำบากในการประกอบอาชีพลงไปได้บ้าง
ผลงานที่ประดิษฐ์
รถยนต์ หงษ์ประดิษฐ์ ใช้เครื่องเรือหางยาว ประกอบติดตั้งกับรถเข็นปรับปรุงให้เป็นรถยนต์ มีเกียร์ ใช้บรรทุกขนของ ใบยาสูบ ได้เหมือนรถยนต์ทั่วไป มีความเร็ว 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
เครื่องหยอดเมล็ดพืช จากวัสดุเหลือใช้ คือ แป๊ปน้ำ กระป๋องน้ำมันเครื่อง ลวด สปริง ใช้หยอด เมล็ดข้าว มะละกอ ข้าวโพด หรือเมล็ดพันธุ์อื่น ๆ ได้
เครื่องตัดหญ้าจากเครื่องเรือหางยาว ใช้ตัดหญ้าในสวน ใช้สะดวก ประหยัด ปลอดภัย
คิดเครื่องกลผ่อนแรง ใช้ขนดินจากการขุดบ่อน้ำที่ลึก ด้วยรอกและคันบังคับดึงดินขึ้นจากก้นบ่อ สู่ปากบ่อ โดยให้บุ้งกี๋โยกไปเทดินไกลจากปากบ่อเอง
ผลงานที่กำลังคิดค้นและหวังจะให้สำเร็จในอนาคต มีความมุ่งมั่นและพยายามคิดประดิษฐ์เครื่องดำนา จากภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยใช้วัสดุเหลือใช้ หาง่ายในท้องถิ่น เน้นการประหยัด สะดวก ปลอดภัย และคุ้มค่า
ปัญหาอุปสรรคในการทำงาน
ไม่มีเวลาคิดและประดิษฐ์ผลงานอย่างต่อเนื่อง
ขาดงบประมาณสนับสนุนจากองค์กรต่าง ๆ
ข้อคิดหรือคติในการทำงาน ยึดถือตามแนวความคิดของเอดิสันที่ว่า ผลงานจะสำเร็จได้ต้องลงมือทำก่อน 90 เปอร์เซ็นต์ เมื่อตัดสินใจลงมือทำแล้วแม้จะยากจนเงินทองเพราะการประดิษฐ์ก็ยอม
www.sawasdeenakhonphanom.com/knowledge.php?...
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.