เครื่องตรวจหานมบูด
นมกล่อง ยู.เอช.ที ก็มีโอกาสปนเปื้อนจุลินทรีย์จนเน่าเสียก่อนกำหนดได้เหมือนกัน แต่ครั้นจะให้ผู้ผลิตเปิดทุกกล่อง เพื่อตรวจสอบคุณภาพน้ำนมในกล่องก่อนวางตลาดก็ไม่ได้ เป็นโจทย์ให้นักวิจัยกำแพงแสนคิดค้นเครื่องตรวจหาความผิดปกติของนม ยู.เอช.ที. โดยไม่ต้องเปิดกล่อง ช่วยลดความสูญเสียในภาคอุตสาหกรรมนม ให้ผลแม่นยำเทียบเท่าเครื่องนำเข้า แต่ราคาถูกกว่าหลายเท่า
"เครื่องตรวจสอบความผิดปกติของนม ยู.เอช.ที. หรือผลิตภัณฑ์อาหารเหลวบรรจุกล่องโดยไม่ทำลายแบบรายงานผลตรง" พัฒนาขึ้นโดย ผศ.ดร.สุวรรณ หอมหวล และคณะ จากภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ กำแพงแสน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน เพื่อแก้ปัญหาการตรวจสอบคุณภาพนม ยู.เอช.ที. หลังบรรจุกล่อง และทดแทนการนำเข้าเครื่องมือชนิดเดียวกันจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาสูงมาก
ดร.ณัฐดนัย ตัณฑวิรุฬห์ หนึ่งในทีมวิจัย กล่าวว่า การผลิตนมกล่อง ยู.เอช.ที. จะใช้ความร้อนสูงเพื่อทำลายเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรค และบรรจุน้ำนมลงในกล่องด้วยกระบวนการที่ปลอดเชื้อ ทำให้เก็บรักษาไว้ได้นานหลายเดือน โดยหลังจากบรรจุนมลงกล่องแล้ว จะมีการสุ่มตรวจคุณภาพน้ำนมในกล่องอีกทีหนึ่งทุกๆ 10-20 นาที โดยนำมาเพาะเชื้อ ก่อนนำออกจำหน่าย
แม้จะมีการควบคุมและระมัดระวังอย่างดีแล้ว แต่ก็มีโอกาสผิดพลาดและทำให้เชื้อจุลินทรีย์ปนเปื้อนในน้ำนมเกินกว่ามาตรฐานได้ เช่น พนักงานผู้ผลิต, เครื่องจักร หรือกล่องบรรจุไม่สะอาดเพียงพอ และเมื่อสุ่มตรวจพบว่านมกล่องไหนมีเชื้อจุลินทรีย์เกิดมาตรฐาน นมที่ผลิตในช่วงเวลาใกล้เคียงกันก็จะไม่สามารถปล่อยออกสู่ตลาดได้ ซึ่งในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นนมคุณภาพดีอยู่ แต่ผู้ผลิตไม่สามารถเปิดทุกกล่องเพื่อคัดแยกนมดีและนมเสียออกจากกันได้ จึงเกิดความสูญเสียอย่างมาก
"ปัจจุบันอุตสาหกรรมนม ยู.เอช.ที. ขนาดใหญ่ มักใช้เครื่องตรวจสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์นมยูเอชทีที่เรียกว่า อิเล็กเทสเตอร์ (Electester) ช่วยในการตรวจสอบและคัดแยกนมดีออกจากนมเสียโดยไม่ต้องเปิดกล่อง ซึ่งเครื่องมือดังกล่าวต้องนำเข้าจากต่างประเทศ และมีราคาสูงถึงเครื่องละประมาณ 3 ล้านบาท" ดร.ณัฐดนัย เผย
ทีมวิจัยอาศัยหลักการคล้ายกับเครื่องอิเล็กเทสเตอร์ พัฒนาโปรแกรมและเครื่องมือตรวจสอบความผิดปกติของนม ยู.เอช.ที. โดยวัดการสั่นสะเทือนของของเหลวภายในกล่อง โดยไม่ต้องเปิดกล่อง และมีความแม่นยำ 100% เช่นเดียวกับเครื่องมือนำเข้า แต่ผลิตจากวัสดุที่หาได้ในประเทศ และมีราคาเพียงเครื่องละ 400,000 บาท เท่านั้น สำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมนม ยู.เอช.ที. ในประเทศไทย เพื่อลดการสูญเสียผลิตภัณฑ์นมหลังบรรจุกล่อง และสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค
"โดยทั่วไปนม ยู.เอช.ที ที่เสียเนื่องจากเชื้อจุลินทรีย์มักมีลักษณะทางกายภาพเปลี่ยนแปลงไป เช่น ข้นมากขึ้น จับตัวเป็นก้อน หรือแยกตกตะกอนชัดเจน ทำให้มีความหนืดและการไหลของเหลวแตกต่างไปจากนมที่มีคุณภาพดีอยู่ ซึ่งสามารถตรวจสอบความผิดปกตินี้ได้โดยการสั่นหรือเขย่า นมดีและนมเสียจะตอบสนองต่อการสั่นต่างกัน เมื่อประมวลสัญญาณการสั่นออกมาจะให้ค่าแตกต่างกันชัดเจน ทำให้แยกนมดีออกจากนมเสียหรือนมที่มีแนวโน้มจะเสียได้" ดร.ณัฐดนัย อธิบายแก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTVผู้จัดการออนไลน์
ทั้งนี้ ทีมวิจัยเริ่มพัฒนาเครื่องตรวจสอบความผิดปกติของนม ยู.เอช.ที. โดยไม่เปิดกล่อง ตั้งแต่ปี 43 และเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี 50 โดยได้ยื่นจดสิทธิบัตรแล้ว โดยประสิทธิภาพของเครื่องสามารถตรวจวิเคราะห์ได้ 700-1,200 กล่องต่อชั่วโมง หรือราว 3-4 วินาทีต่อกล่อง ซึ่งช้ากว่าเครื่องมือของต่างประเทศเล็กน้อย และสามารถประยุกต์ใช้กับอาหารเหลวชนิดอื่นที่บรรจุกล่องขนาดต่างๆ ได้ด้วย
ปัจจุบันทีมวิจัยได้ผลิตเครื่องมือดังกล่าวให้กับโรงงานผลิตนมขององค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย จำนวน 2 เครื่อง และ โรงงานผลิตนมของบริษัท เชียงใหม่เฟรชมิลล์ จำกัด จำนวน 2 เครื่อง และอยู่ระหว่างการทดสอบการใช้งานตรวจสอบคุณภาพน้ำนมถั่วเหลืองบรรจุกล่องร่วมกับเอกชนผู้ผลิตน้ำนมถั่วเหลืองบรรจุกล่อง
ที่มา : ม.เกษตร กำแพงแสน
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.