การทดสอบวิธีการผลิตมะนาวนอกฤดู
กับมะนาวพันธุ์แป้นที่ปลูกด้วยต้นตอ
คณะผู้ดำเนินงาน
หัวหน้าโครงการวิจัย
นายทวีศักดิ์ แสงอุดม สังกัด สถาบันวิจัยพืชสวน
หัวหน้าการทดลอง
นายวสันติ์ ผ่องสมบูรณ์ สังกัด ศูนย์วิจัยพืชสวนพิจิตร
ผู้ร่วมงาน(การทดลอง)
นายพินิจ เขียวพุ่มพวง สังกัด ศูนย์วิจัยพืชสวนพิจิตร
นายอนุรักษ์ สุขขารมย์ สังกัด ศูนย์วิจัยพืชสวนพิจิตร
นายสงคราม ธรรมจารีย์ สังกัด ศูนย์วิจัยพืชสวนพิจิตร
--------------------------------
บทคัดย่อ (Abstract)
ปัญหาการขาดแคลนมะนาวในฤดูแล้ง และต้นมะนาวไม่แข็งแรงยั่งยืนในแหล่งปลูกเป็นการค้าต่างๆ ทำให้เกษตรกรเสียโอกาส และมีรายได้น้อยไม่คุ้มค่าต่อการลงทุนเพื่อการผลิตมะนาวที่มีคุณภาพได้ตลอดปี การนำเทคโนโลยีของการผลิตมะนาวนอกฤดูมาศึกษาทดสอบกับมะนาวพันธุ์การค้าเมื่อปลูกด้วยการใช้ต้นตอ จึงเป็นแนวทางหนึ่งของการแก้ปัญหาดังกล่าว จึงทำการศึกษาทดสอบประสิทธิภาพของเทคนิคการควั่นและรัดกิ่งต้นด้วยเชือกร่วมกับการให้สารแพคโคลบิวทราโซลทางดินอัตรา 0.25 และ 0.50 กรัมเนื้อสารต่อความกว้างทรงพุ่ม 1 เมตร เปรียบเทียบกับวิธีการไม่บังคับการออกดอก(control) กับต้นมะนาวพันธุ์แป้นรำไพที่ปลูกด้วยต้นตอจำนวน 5 ชนิดได้แก่ มะนาวพวง มะขวิด rangpur lime ส้มtroyer และ ส้มvolkameriana เป็นต้น มีอายุ 3 – 4 ปี โดยมีมะนาวพันธุ์แป้นรำไพที่ปลูกด้วยกิ่งตอนอายุเท่ากันเป็นต้นเปรียบเทียบ เพื่อทราบความสามารถในการออกดอก และให้ผลผลิตได้ของมะนาวพันธุ์การค้าทั้งนอก และในฤดูกาลซึ่งทำการให้กรรมวิธีทดลองดังกล่าวกับต้นมะนาวทดลอง ในช่วงต้นเดือนกันยายน พ.ศ. 2548 และ พ.ศ.2549 ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 2 ปี ณ ศูนย์วิจัยพืชสวนพิจิตร อ.เมือง จ.พิจิตร ปรากฏว่า ต้นมะนาวพันธุ์แป้นรำไพทั้งที่เจริญบนต้นตอชนิดต่างๆ และที่ปลูกด้วยกิ่งตอนมีการตอบสนองต่อเทคนิคดังกล่าวไปในทำนองเดียวกัน สามารถออกดอกได้สูงขึ้นระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ.2548 และ พ.ศ.2549 (เฉลี่ย 89.0 – 99.8% และ 82.2 – 89.6% ตามลำดับ) และให้ผลผลิตนอกฤดูในระหว่างเดือนมีนาคม ถึงเมษายน พ.ศ.2549 และ พ.ศ.2550 ได้จำนวนเฉลี่ย 343.7 – 471.5 และ 336.8 – 622.5 ผลต่อต้นตามลำดับ นอกจากนี้ การออกดอกและให้ผลผลิตได้นอกฤดูดังกล่าวยังมีผลดีทำให้ต้นมะนาวมีความสามารถออกดอกและให้ผลผลิตได้ในฤดูกาลที่ตามมาลดลงอย่างมาก จึงช่วยลดปัญหาผลผลิตล้นตลาดในช่วงฤดูกาล การศึกษานี้จึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการนำเทคโนโลยีดังกล่าวไปศึกษาทดสอบ และ พัฒนาปรับใช้ของเกษตรกรในการวางแผนลงทุนการผลิตมะนาวนอกฤดูเป็นการค้าในแหล่งปลูกต่างๆของประเทศ ส่งเสริมการกระจายการผลิตมะนาวเป็นการค้าได้ตลอดปีมากยิ่งขึ้น
คำนำ
มะนาวนอกจากเป็นไม้ผลคู่ครัวไทยแล้วยังเป็นพืชที่มีศักยภาพในการแข่งขันเพื่อการส่งออกเมื่อพิจารณาถึงความต้องการของตลาดต่างประเทศ ได้แก่ สาธารณรัฐประชาชนจีน และญี่ปุ่น เป็นต้น ในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน มีรายงานข้อมูลการนำเข้าของมะนาวจากประเทศไทยในปี 2001 เป็นมูลค่า 101,093 เหรียญสหรัฐ ในขณะที่ปริมาณการนำเข้ามะนาวจากไต้หวัน และเวียดนาม มีมูลค่าเพียง 6,669 และ 387 เหรียญสหรัฐ ตามลำดับ(นิรนาม 2546) จึงเป็นแนวทางของการวางแผนการผลิตมะนาวเพื่อการส่งออกสู่ประเทศสาธารณรัฐจีน นอกจากนี้ยังมีรายงานจากสำนักงานที่ปรึกษาการเกษตรฯกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ได้สรุปข้อมูลปริมาณการนำเข้ามะนาวของประเทศญี่ปุ่นระหว่างปี 1995-2000 เฉลี่ยราว 2,105 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่า 941ล้านเยน ซึ่งถูกนำเข้าจากประเทศเม็กซิโก และสหรัฐอเมริกา จึงน่าจะเป็นตลาดใหม่ที่เป็นโอกาสของประเทศไทย
ผลผลิตมะนาวในแต่ละปี มีปริมาณมากน้อยไม่สม่ำเสมอและต่อเนื่อง ทำให้การผลิตยังไม่สอดคล้องกับด้านการตลาด ทั้งนี้เนื่องจากยังมีข้อจำกัดจากปัจจัยอิทธิพลสภาพภูมิอากาศแวดล้อมในฤดูกาลต่างๆ เป็นเหตุให้มีปริมาณผลผลิตจำนวนมากตามช่วงฤดูกาลในแต่ละปี ในขณะเดียวกันเทคโนโลยีหลังการเกี่ยวและการจัดการด้านการเก็บรักษาผลสดนั้นยังไม่เป็นที่ยอมรับเชิงการค้าได้ ตลอดจนการอุตสาหกรรมแปรรูปมะนาวเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆทั้งด้านการบริโภคและอุปโภคยังมีการขยายตัวได้ช้า ในขณะที่ความต้องการใช้ประโยชน์ยังนิยมการบริโภคผลสดเป็นส่วนมาก ตลาดทั่วไปจึงเน้นการจำหน่ายผลสด
ผลจากการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่องควบคู่ไปกับการถ่ายทอดเทคโนโลยีของการบังคับการออกดอกติดผลนอกฤดูกาลและการยับยั้งการให้ผลผลิตในฤดูกาลของมะนาว จนได้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพในการควบคุมให้เกิดการกระจายฤดูกาลออกดอกและให้ผลผลิตของมะนาวได้ตลอดปีมากยิ่งขึ้น(รวี, 2540 ; ธำรง และคณะ, 2546 ; วสันติ์, 2546) ซึ่งปัจจุบันเกษตรกรให้ความสนใจและเริ่มยอมรับนำไปปฏิบัติจัดการสวนเพื่อการบังคับการออกดอกและให้ผลผลิตนอกฤดูกาลอย่างได้ผลเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามเกษตรกรยังมีการใช้สารเคมีในการป้องกันกำจัดศัตรูมะนาวอย่างแพร่หลายเพื่อให้ได้ผลผลิตมะนาวนอกฤดูที่มีคุณภาพในปริมาณมากซึ่งมีราคาสูง
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์ต้องการทราบประสิทธิภาพของวิธีการหรือเทคนิคใหม่ในการควบคุมให้เกิดการกระจายฤดูกาลของการออกดอกและให้ผลผลิตที่มีคุณภาพของมะนาวได้เพิ่มขึ้นในระบบการปลูกด้วยต้นตอโดยสามารถให้ผลผลิตได้เพิ่มสูงขึ้นในช่วงนอกฤดูกาลและลดลงในฤดูกาลปกติ สำหรับนำไปขยายผลในการทดสอบและพัฒนาการปรับใช้องค์ความรู้ดังกล่าวรวมทั้งแนะนำเผยแพร่เทคโนโลยีการผลิตมะนาวในช่วงฤดูกาลที่ตลาดมีความต้องการสูงแก่เกษตรกรผู้ผลิต เป็นแนวทางของการวางแผนการผลิตมะนาวที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรเพื่อการผลิตมะนาวจนสำเร็จเป็นการค้าได้ยั่งยืนต่อไป
อุปกรณ์และวิธีการ
ศึกษาประสิทธิภาพของเทคนิคการควั่นและรัดกิ่งต้นด้วยเชือกร่วมกับการให้สารแพคโคลบิวทราโซลทางดิน ปริมาณ 0.5 กรัมต่อความกว้างทรงพุ่ม 1 เมตรในสภาพดินเหนียว ในการบังคับการออกดอกและให้ผลผลิตในฤดูแล้ง กับมะนาวพันธุ์แป้นที่ปลูกบนต้นตอพืชสกุลส้ม ชนิดต่างๆ ดังนี้คือ ส้มพันธุ์ troyer, ส้มพันธุ์ volkameriana lemon และ มะนาวพันธุ์พวง, มะนาวพันธุ์ rangpur lime อายุต้น 2.5-3 ปี และเปรียบเทียบกับมะนาวพันธุ์แป้นที่ปลูกด้วยกิ่งตอน(check)ซึ่งมีอายุเดียวกันกับต้นมะนาวพันธุ์แป้นที่ปลูกด้วยต้นตอ โดยให้กรรมวิธีดังกล่าวแก่ต้นทดลองเดือนกันยายนของแต่ละปีเป็นเวลา 2 ปีติดต่อกัน และในแต่ละปีทำการศึกษาความสามารถและช่วงเวลาในการออกดอก และผลผลิตต่อต้นทั้งรุ่นให้ผลผลิตนอกฤดูและในฤดู ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูล สรุปผลและรายงานต่อไป
ผลและวิจารณ์ผลการทดลอง
จากการทดสอบประสิทธิภาพการใช้วิธีการควั่นและรัดกิ่งต้นด้วยเชือกร่วมกับการราดทางดินด้วยสารแพคโคลบิวทราโซล ปริมาณ 0.25 และ 0.5 กรัมต่อความกว้างทรงพุ่ม 1 เมตร กับต้นมะนาวพันธุ์แป้นที่เจริญบนต้นตอต่างชนิดจำนวน 5 ชนิด และต้นมะนาวพันธุ์แป้นที่ปลูกด้วยกิ่งตอน ในการส่งเสริมการออกดอกและผลนอกฤดูโดยเปรียบเทียบกับวิธีการไม่บังคับการออกดอก (control)ปรากฏผลดังต่อไปนี้
(ก) การออกดอกนอกฤดู(off-season flowering)
ต้นมะนาวที่ได้รับวิธีการบังคับการออกดอกดังกล่าว สามารถออกดอกได้หนาแน่นมากใกล้เคียงกันระหว่างเดือน ตุลาคม ถึงเดือนธันวาคม 2548 รวมเป็นเวลาประมาณ 40-90 วันหลังการได้รับวิธีการบังคับดังกล่าว เปรียบเทียบกับต้นมะนาวที่ไม่ได้รับการบังคับการออกดอก
ต้นมะนาวพันธุ์แป้นบนต้นตอมะขวิดออกดอกได้มากที่สุด(99.8 ±0.2% และ96.8 ±2.0%เมื่อได้รับวิธีการควั่นและรัดกิ่งต้นด้วยเชือกร่วมกับการราดทางดินด้วยสารแพคโคลบิวทราโซลปริมาณ 0.5 และ 0.25 กรัมต่อความกว้างทรงพุ่ม 1 เมตรตามลำดับ)
ส่วนต้นมะนาวพันธุ์แป้นบนต้นตอชนิดอื่น 4 ชนิดและต้นมะนาวพันธุ์แป้นที่ปลูกด้วยกิ่งตอนที่ได้รับวิธีการควั่นและรัดกิ่งต้นด้วยเชือกร่วมกับการราดทางดินด้วยสารแพคโคลบิวทราโซลปริมาณ 0.5 และ 0.25 กรัมต่อความกว้างทรงพุ่ม 1 เมตร ออกดอกได้หนาแน่นมากใกล้เคียงกัน(ระหว่าง 89.0 – 95.5%)
เมื่อเปรียบเทียบกับการออกดอกนอกฤดูได้ในช่วงเวลาเดียวกันระหว่างต้นมะนาวพันธุ์แป้นทั้งที่เจริญบนต้นตอต่างชนิดดังกล่าวและที่ปลูกด้วยกิ่งตอนที่ไม่ได้รับวิธีการบังคับการออกดอก พบว่า มะนาวแป้นบนต้นตอมะขวิด และบนต้นตอ rangpur lime ออกดอกได้มากที่สุดเฉลี่ย 32.6 ±4.4% และ29.2 ±3.9%ตามลำดับ ในขณะที่ต้นมะนาวพันธุ์แป้นบนต้นตอชนิดอื่นและต้นมะนาวพันธุ์แป้นที่ปลูกด้วยกิ่งตอน มีการออกดอกนอกฤดูได้น้อยที่สุด(เฉลี่ยระหว่าง 12.2 ±1.0% ถึง 14.6 ±3.2%)
(ข) การออกดอกในฤดู(on-season flowering)
จากการศึกษาผลกระทบของการบังคับการออกดอกนอกฤดูด้วยวิธีการควั่นและรัดกิ่งต้นด้วยเชือกร่วมกับการราดทางดินด้วยสารแพคโคลบิวทราโซลปริมาณ 0.5 และ 0.25 กรัมต่อความกว้างทรงพุ่ม 1 เมตร ต่อการออกดอกในฤดูที่ตามมา(ม.ค.-เม.ย.2549)ของมะนาวพันธุ์แป้นที่เจริญบนต้นตอชนิดต่างๆ และต้นมะนาวพันธุ์แป้นที่ปลูกด้วยกิ่งตอน พบความแตกต่างของการออกดอกในฤดูช่วงเวลาดังกล่าวระหว่างต้นที่ได้รับกรรมวิธีต่างๆ กล่าวคือต้นมะนาวที่ได้รับกรรมวิธีบังคับให้ออกดอกก่อนฤดูมีการออกดอกในฤดูช่วงดังกล่าวได้ลดลง โดยลดลงมากในต้นมะนาวที่ปลูกด้วยกิ่งตอน(ออกดอกเฉลี่ย 7.6 ±1.2% และ15.8 ±2.7%ในต้นที่ได้รับการควั่นและรัดกิ่งต้นร่วมกับการราดทางดินด้วยสารแพคโคลบิวทราโซลปริมาณ 0.25 และ 0.5 กรัมต่อความกว้างทรงพุ่ม 1 เมตรตามลำดับ ต้นมะนาวพันธุ์แป้นเจริญบนต้นตอ troyer ที่ได้รับกรรมวิธีการบังคับการออกดอกนอกฤดูดังกล่าวออกดอกเฉลี่ย 27.1 ±1.7% และ28.1 ±4.1% ตามลำดับ และ ต้นมะนาวที่เจริญบนต้นตอชนิดอื่นๆที่ได้รับกรรมวิธีบังคับออกดอกดังกล่าวออกดอกในฤดูเฉลี่ยระหว่าง 28.6 และ40.6%)
ส่วนต้นมะนาวที่ไม่ได้รับการบังคับการออกดอกดังกล่าว พบว่า ต้นมะนาวพันธุ์แป้นที่เจริญบนต้นตอมะนาวพวง และต้นตอส้มtroyer และมะนาวแป้นที่ปลูกด้วยกิ่งตอนออกดอกหนาแน่น เฉลี่ย 94.1 ±2.7%, 57.2 ±10.5% และ 85.7 ±2.9% ตามลำดับ ในขณะที่มะนาวพันธุ์แป้นบนต้นตอมะขวิด มะนาวพันธุ์แป้นบนต้นตอ volkameriana และมะนาวพันธุ์แป้นบนต้นตอ rangpur lime ออกดอกในฤดูได้น้อย เฉลี่ย 15.4 & plusmn;5.5%, 21.1 ±9.7% และ 29.6±3.9%ตามลำดับ การตอบสนองดังกล่าวน่าจะเป็นผลจากปริมาณผลรุ่นนอกฤดูที่ติดอยู่บนต้นมีการเจริญและพัฒนามากในช่วงต้นของการออกดอกตามฤดูกาล มีผลยับยั้งการออกดอกได้(วสันติ์, 2535)
(ค) การให้ผลผลิตนอกฤดูกาลการให้ผลผลิตนอกฤดูในระหว่างเดือนมีนาคม ถึงเมษายน พ.ศ.2549 พบว่าต้นมะนาวแป้นที่ปลูกด้วยกิ่งตอนและได้รับการควั่นและรัดกิ่งต้นร่วมกับการให้สารแพคโคลบิวทราโซลทางดินปริมาณ 0.25 กรัมต่อความกว้างทรงพุ่ม 1 เมตร มีผลแก่เก็บเกี่ยวได้มากที่สุดเฉลี่ย 471.5±32.9 ผลต่อต้น ในขณะที่ต้นมะนาวแป้นทั้งที่เจริญบนต้นตอและที่ปลูกด้วยกิ่งตอนแต่ไม่ให้ได้รับการบังคับการออกดอกให้ผลผลิตนอกฤดูในช่วงเวลาเดียวกัน เฉลี่ย ระหว่าง 35.4±5.3 และ 124.0±13.3 ผลต่อต้น
(ง) การให้ผลผลิตในฤดูกาล การให้ผลผลิตในฤดูในระหว่างเดือนมิถุนายน ถึงกันยายน พ.ศ.2549 พบว่าต้นมะนาวแป้นที่เจริญต้นตอมะขวิดและได้รับการควั่นและรัดกิ่งต้นร่วมกับการให้สารแพคโคลบิวทราโซลทางดินปริมาณ 0.25 กรัมต่อความกว้างทรงพุ่ม 1 เมตร มีผลแก่เก็บเกี่ยวได้น้อยที่สุดเฉลี่ย 61.0±7.8 ผลต่อต้น ในขณะที่ต้นมะนาวแป้นทั้งที่เจริญบนต้นตอและที่ปลูกด้วยกิ่งตอนแต่ไม่ให้ได้รับการบังคับการออกดอกให้ผลผลิตนอกฤดูในช่วงเวลาเดียวกัน เฉลี่ย ระหว่าง 430.7±46.6 และ 613.2±37.0 ผลต่อต้น
1.) ลักษณะการออกดอก
การศึกษาในปีที่สองเป็นการศึกษาทดสอบประสิทธิภาพของเทคโนโลยีของการควั่นและรัดกิ่งต้นร่วมกับการให้สารแพคโคลบิวทราโซลทางดินทั้งปริมาณสารฯ0.25 และ 0.5 กรัมต่อความกว้างทรงพุ่ม 1 เมตร กับต้นมะนาวทดลองเช่นเดียวกันกับและต่อเนื่องจากการศึกษาในปีที่หนึ่ง(2549) ปรากฏผลดังนื้
(ก) ตามธรรมชาติต้นมะนาวพันธุ์แป้นรำไพทั้งต้นที่เจริญบนต้นตอต่างๆ และต้นที่ปลูกจากกิ่งตอนมีการออกดอกได้ชุกในฤดูกาลซึ่งพบว่าออกดอกหนาแน่นมากในช่วงเดือนมกราคม 2550 โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้นมะนาวที่เจริญจากกิ่งตอนออกดอกได้ชุกที่สุด หลังจากนั้นต้นมะนาวทั้งสองประเภทดังกล่าวมีทยอยการออกดอกได้เล็กน้อยประปรายและต่อเนื่อง น่าจะเป็นผลเนื่องมาจากต้นมะนาวมีการติดและพัฒนาของผลตามฤดูกาลที่มาก ทำให้ต้นมะนาวมีความสามารถออกดอกได้ลดลง ซึ่งเป็นลักษณะการตอบสนองของพืชสกุลส้มโดยทั่วไป (วสันติ์ 2535) จนกระทั่งเดือนมิถุนายน 2550 มีการออกดอกได้ค่อนข้างหนาแน่นอีกระยะหนึ่ง ลักษณะการออกดอกได้มากขึ้นในช่วงดังกล่าว น่าจะเป็นผลมาจากผลมะนาวรุ่นต้นฤดูกาลแก่เต็มที่ และถูกเก็บเกี่ยวไปมาก และเป็นช่วงเวลาที่ต้นมะนาวมีสภาพความเครียดจากการขาดน้ำในช่วงอากาศแห้งแล้งและร้อนมากของเดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม 2550 และเมื่อได้รับน้ำฝนที่ตกในช่วงต้นฤดูฝน จึงมีการผลิใบพร้อมดอกได้ดี ซึ่งเป็นลักษณะการตอบสนองของพืชสกุลส้ม(วสันติ์ 2535) ต่อจากระยะเวลาดังกล่าวเป็นต้นมา ต้นมะนาวมีการเจริญทางลำต้น กิ่งใบส่วนใหญ่ จึงมีการออกดอกได้ลดลงและต่อเนื่องจนถึงช่วงปลายฤดูฝน(ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน2550
(ข) จากการศึกษาทดสอบการใช้เทคโนโลยีของการควั่นและรัดกิ่งต้นร่วมกับการให้สารแพคโคลบิวทราโซลทางดินทั้งสองอัตราการใช้สารฯในการบังคับการออกดอกของมะนาวเพื่อการผลิตมะนาวนอกฤดู พบว่าต้นมะนาวพันธุ์แป้นรำไพทั้งที่เจริญบนต้นตอต่างๆและต้นมะนาวจากกิ่งตอนสามารถตอบสนองออกดอกได้ไม่แตกต่างกัน โดยออกดอกได้หนาแน่นและมีลักษณะเป็นช่อดอกแน่นเป็นกระจุกทั้งบริเวณส่วนข้อของกิ่งและปลายกิ่ง ซึ่งเกิดระหว่างเดือนพฤศจิกายน และเดือนธันวาคม 2549 เปรียบเทียบกับการออกดอกได้น้อยของต้นมะนาวที่ไม่ได้รับการบังคับการออกดอก(control) การตอบสนองการออกดอกนอกฤดูดังกล่าวเป็นผลจากต้นมะนาวได้รับการบังคับการออกดอกด้วยเทคนิคดังกล่าวที่ได้รับการพัฒนาจนมีประสิทธิภาพ (Blaikie et.al., 1999., ธำรง และคณะ 2546) จนทำให้ต้นมะนาวออกดอกได้ชุกและหนาแน่น เป็นเวลา 40-45 วันหลังจากถูกบังคับด้วยเทคนิคดังกล่าว
อิทธิพลของการควั่นกิ่งต้น (bark girdling)ในการส่งเสริมการชักนำการออกดอกของไม้ผลหลายชนิดได้ เนื่องจากภายหลังจากกิ่งต้นถูกควั่นทำให้ส่วนของเปลือก(bark)ถูกตัดขาด อาหารที่พืชสังเคราะห์ขึ้นไม่สามารถถูกส่งผ่านรอยควั่นไปเลี้ยงส่วนรากมีผลยับยั้งกิจกรรมการดูดรับธาตุอาหารและน้ำของรากจึงมีผลควบคุมให้พืชมีสภาพของการพักตัว สะสมอาหารส่งเสริมขบวนการสร้างและพัฒนาการของดอกตลอดจนการติดผล (Davenport and Nunez, 1997) และเมื่อประยุกต์เทคนิคดังกล่าวผสานกับเทคโนโลยีการให้สารแพคโคลบิวทราโซลทางดินโดยลดปริมาณสารฯลงครึ่งหนึ่งและหนึ่งในสี่ของปริมาณที่มีการแนะนำให้ใช้กันเป็นการค้าในปัจจุบัน ซึ่งพบว่าเทคนิคดังกล่าวมีประสิทธิภาพในการบังคับการออกดอกนอกฤดูของมะนาวพันธุ์แป้นรำไพที่เจริญบนต้นตอต่างๆ ได้แก่ มะนาวพวง มะขวิด ส้ม troyer , ส้ม volkameriana และ rangpur lime เป็นต้น ได้เช่นเดียวกันกับต้นมะนาวพันธุ์แป้นรำไพที่ปลูกด้วยกิ่งตอน ทั้งในงานศึกษาทดลองนี้ และงานการศึกษาทดลองโดย ธำรง และคณะ (2546)
(2) การให้ผลผลิต
(ก) การให้ผลผลิตนอกฤดูกาล
การให้ผลผลิตนอกฤดูในระหว่างเดือนมีนาคม ถึงเมษายน พ.ศ.2550 พบว่าต้นมะนาวแป้นที่ปลูกด้วยกิ่งตอนและได้รับการควั่นและรัดกิ่งต้นร่วมกับการให้สารแพคโคลบิวทราโซลทางดินปริมาณ 0.25 กรัมต่อความกว้างทรงพุ่ม 1 เมตร มีผลแก่เก็บเกี่ยวได้มากที่สุดเฉลี่ย 622.5 & plusmn ; 29.3 ผลต่อต้น ในขณะที่ต้นมะนาวแป้นทั้งที่เจริญบนต้นตอและที่ปลูกด้วยกิ่งตอนแต่ไม่ให้ได้รับการบังคับการออกดอกให้ผลผลิตนอกฤดูในช่วงเวลาเดียวกัน เฉลี่ย ระหว่าง 54.3 & plusmn ; 5.2 และ 115.5 & plusmn ; 5.5 ผลต่อต้น
(ข) การให้ผลผลิตในฤดูกาล
การให้ผลผลิตในฤดูในระหว่างเดือนมิถุนายน ถึงกันยายน พ.ศ.2550 พบว่าต้นมะนาวแป้นที่เจริญบนต้นตอมะขวิดและได้รับการควั่นและรัดกิ่งต้นร่วมกับการให้สารแพคโคลบิวทราโซลทางดินปริมาณ 0.25 กรัมต่อความกว้างทรงพุ่ม 1 เมตร มีผลแก่เก็บเกี่ยวได้น้อยที่สุดเฉลี่ย 64.0 & plusmn ; 5.1 ผลต่อต้น ในขณะที่ต้นมะนาวแป้นทั้งที่เจริญบนต้นตอและที่ปลูกด้วยกิ่งตอนแต่ไม่ให้ได้รับการบังคับการออกดอกให้ผลผลิตนอกฤดูในช่วงเวลาเดียวกัน เฉลี่ย ระหว่าง 381.0 & plusmn;25.8 และ 849.0 & plusmn ; 25.8 ผลต่อต้น
จากการศึกษาและพัฒนาเทคนิคของการบังคับการออกดอกก่อนฤดูของมะนาวในครั้งนี้ยังพบข้อดีของการลดการใช้สารเคมีฯดังกล่าวลงได้อย่างมาก (50% ของอัตราแนะนำการใช้สารแพคโคลบิวทราโซล) ซึ่งนอกจากทำให้ต้นทุน
จากการใช้สารเคมีดังกล่าวลดลงแล้ว ยังลดปัญหาปริมาณของสารเคมีดังกล่าวที่สะสมในดินและในพืชตลอดจนผลตกค้างของสารดังกล่าวต่อความสามารถในการเจริญเติบโตของมะนาวในฤดูกาลและปีต่อไป นอกจากนี้จากการตรวจและติดตามผลกระทบจากการควั่นกิ่งต้น พบว่ารอยแผลที่ถูกควั่นและรัดด้วยเชือกและลวดเนื้อเยื่อสามารถเจริญเชื่อมกันได้ดีภายในระยะเวลา 3 - 4 เดือนหลังจากการปลดเชือกและลวดหรือเมื่อมะนาวออกดอกแล้ว อย่างไรก็ตามยังได้ศึกษาผลกระทบต่อต้นมะนาวที่ได้รับวิธีการต่างๆในการบังคับการออกดอกก่อนฤดูกาลในความสามารถออกดอกและติดผลได้ตามฤดูกาลของปีในระยะเวลาต่อมา ซึ่งพบว่าต้นมะนาวมีความสามารถในการออกดอกและให้ผลผลิตในฤดูกาลได้ลดลงอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับต้นที่ไม่ได้รับการบังคับการออกดอกนอกฤดูกาล
นอกจากนี้ยังศึกษาทดลองต่อเนื่องพบว่าเมื่อมีการใช้เทคนิคต่างๆในการบังคับการออกดอกนอกฤดูแก่ต้นทดลองเดิมซ้ำเป็นปีที่สองปรากฏว่าต้นทดลองยังสามารถแสดงการตอบสนองเพื่อการออกดอกและผลนอกฤดูได้ตามปกติเช่นเดียวกับต้นมะนาวที่ไดัรับการบังคับการออกดอกได้ในปีแรก ดังนั้นในการศึกษาค้นคว้าวิจัยต่อไปจึงน่าที่จะมีการศึกษาหาแนวทางควบคุมให้เกิดการกระจายฤดูกาลผลิตมะนาวได้ตลอดปี และการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าวเพื่อเป็นทางเลือกแก่เกษตรกรในการนำไปประยุกต์ใช้จนประสบความสำเร็จเป็นการค้าได้เพิ่มมากขึ้น
สรุปผลการทดลอง
จากการศึกษาทำการศึกษาทดสอบประสิทธิภาพของเทคนิคการควั่นและรัดกิ่งต้นด้วยเชือกร่วมกับการให้สารแพคโคลบิวทราโซลทางดินอัตรา 0.25 และ 0.50 กรัมเนื้อสารต่อความกว้างทรงพุ่ม 1 เมตร เปรียบเทียบกับวิธีการไม่บังคับการออกดอก(control) กับต้นมะนาวพันธุ์แป้นรำไพที่ปลูกด้วยต้นตอจำนวน 5 ชนิดได้แก่ มะนาวพวง มะขวิด rangpur lime ส้ม troyer และ ส้มvolkameriana เป็นต้น มีอายุ 3 – 4 ปี โดยมีมะนาวพันธุ์แป้นรำไพที่ปลูกด้วยกิ่งตอนอายุเท่ากันเป็นต้นเปรียบเทียบ โดยให้กรรมวิธีทดลองดังกล่าวกับต้นมะนาวทดลอง
ในช่วงต้นเดือนกันยายน 2548 และ 2549 ต่อเนื่องกันเป็นเวลา 2 ปี ณ ศูนย์วิจัยพืชสวนพิจิตร อ.เมือง จ.พิจิตร ปรากฏผลการทดลองดังต่อไปนี้
1.) ต้นมะนาวพันธุ์แป้นรำไพทั้งที่เจริญบนต้นตอชนิดต่างๆ และที่ปลูกด้วยกิ่งตอนมีการตอบสนองต่อเทคนิคดังกล่าวไปในทำนองเดียวกัน สามารถออกดอกได้สูงขึ้นระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ.2548 และ พ.ศ.2549 (เฉลี่ย 89.0 – 99.8% และ 82.2 – 89.6% ตามลำดับ) และให้ผลผลิตนอกฤดูในระหว่างเดือนมีนาคม ถึง เมษายน พ.ศ.2549 และ พ.ศ.2550 ได้จำนวนเฉลี่ย 343.7 – 471.5 และ 336.8 – 622.5 ผลต่อต้นตามลำดับ
2.) ต้นมะนาวที่ได้รับกรรมวิธีบังคับให้ออกดอกก่อนฤดูมีการออกดอกในฤดูที่ตามมาได้ลดลง ออกดอกเฉลี่ยระหว่าง 7.6 และ 40.6% ในปี 2549 และ เฉลี่ยระหว่าง 17.6 และ 32.6% ในปี 2550 ในต้นมะนาวพันธุ์แป้นรำไพทั้งที่เจริญบนต้นตอชนิดต่างๆ และที่ปลูกด้วยกิ่งตอน และมีการให้ผลผลิตในฤดูที่ตามมาลดลงตามมาด้วย
3.) ลักษณะการตอบสนองของต้นมะนาวดังกล่าวส่งเสริมการกระจายผลผลิตในฤดูกาลต่างๆออกจำหน่ายตลาดได้มากยิ่งขึ้น
คำแนะนำ และข้อควรระวัง
การนำเทคโนโลยีของการควั่นและรัดกิ่งต้นร่วมกับการราดสารแพคโคลบิวทราโซลทางดินไปใช้ในการบังคับมะนาวนอกฤดูเป็นการค้าได้อย่างยั่งยืน ผู้ใช้ควรทำความเข้าใจและพิจารณาถึงสภาพความแข็งแรงสมบูรณ์ของต้นมะนาวที่พร้อมต่อการให้ผลผลิตได้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมความพร้อมของต้นก่อนการให้ได้รับการบังคับการออกดอกโดยมีการปฏิบัติบำรุงดูแลสภาพต้นทางด้านเขตกรรมและอารักขาพืชที่เหมาะสม การปฏิบัติต่อต้นด้วยเทคนิคดังกล่าวอย่างถูกต้อง มิฉะนั้นต้นมะนาวอาจทรุดโทรม ไม่ให้ผลผลิตและตายในที่สุด
การนำไปใช้ประโยชน์
เทคโนโลยีการควั่นและรัดกิ่งต้นด้วยเชือกร่วมกับการให้สารแพคโคลบิวทราโซลทางดิน ได้ถูกนำไปบรรจุไว้ในเอกสารทางวิชาการเรื่องเทคโนโลยีการผลิตมะนาวไทย. กรมวิชาการเกษตร(วสันติ์ และ ไพโรจน์. 2548) และถูกนำไปพัฒนา และประยุกต์ใช้ในการส่งเสริมการผลิตนอกฤดูกาลของไม้ผลอื่นๆได้แก่ ส้มโอ เงาะ ลำไย และลิ้นจี่ เป็นต้น (พาวิน และคณะ.2543 ; วัชระพล และ ธนะชัย.2550 ; วสันติ์ และคณะ, อยู่ในระหว่างการวิจัย และ ปัญจพร และคณะ,อยู่ในระหว่างการวิจัย)
เอกสารอ้างอิง
ธำรง ช่วยเจริญ, วสันติ์ ผ่องสมบูรณ์, อนุรักษ์ สุขขารมย์ และ ไชยวัฒน์ วัฒนไชย. 2546. การใช้สารแพคโคลบิวทราโซลและเทคนิคการควั่นและรัดกิ่งต้นเพื่อควบคุมการผลิตมะนาวนอกฤดู.
วารสารวิชาการเกษตร 21(2) : 136-151.
นิรนาม. 2546. มองตลาดผลไม้ ผ่านสายตาสภาธุรกิจไทย-จีน. เทคโนโลยีชาวบ้าน.15 (316) : 54-55.
พาวิน มโนชัย, วรินทร์ สุทนต์, วินัย วิริยะอลงกรณ์, เสกสันต์ อุสสหตานนท์ และนพดล จรัสสัมฤทธิ์. 2543. ผลของการควั่นกิ่งต่อการออกดอกของลำไยพันธุ์เพชรสาครทะวาย. วารสารเกษตร 16(2) :117-123.
รวี เสรฐภักดี 2540. เทคนิคการผลิตมะนาวนอกฤดู.เอกสารประกอบการบรรยายแก่เกษตรกรผู้ปลูกมะนาวของพื้นที่อำเภอท่ายางและอำเภอใกล้เคียงอื่นๆจังหวัดเพชรบุรี วันที่ 20 ธันวาคม 2540 ณ วัดเขื่อนเพชรโค้งข่อย อำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี.
วัชระพล สิงหากัน และธนะชัย พันธุ์เกษมสุข. 2550.ผลของโพแทสเซียมคลอเรตร่วมกับพาโคลบิวทราโซลที่มีต่อการออกดอกของลิ้นจี่พันธุ์จักรพรรดิ์. วารสารเกษตร 23(1) :11-15.
วสันติ์ ผ่องสมบูรณ์. 2535. ปัจจัยควบคุมการออกดอกและติดผลของพืชตระกูลส้ม. วิทยาสารสถาบันวิจัยพืชสวน.14(10) : 61-64.
วสันติ์ ผ่องสมบูรณ์. 2546. ยุทธวิธีในการผลิตมะนาวฤดูแล้ง. เอกสารประกอบการฝึกอบรมเรื่องสารควบคุมการเจริญเติบโตพืชและการผลิตผลไม้นอกฤดูกาล วันที่ 7-10 กรกฎาคม 2546 ณ ห้องประชุมโรงแรมเคยูโฮม
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตบางเขน จตุจักร กรุงเทพฯ.จัดโดย สถาบันพัฒนาครูอาชีวศึกษา, กรมอาชีวศึกษา กระทรวงศึกษาธิการ.
วสันติ์ ผ่องสมบูรณ์. และ ไพโรจน์ สุวรรณจินดา. 2548. เทคโนโลยีการผลิตมะนาวไทย. กรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์. 96 หน้า.
ที่มา : กรมวิชาการเกษตร
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.