สกว. แจกงบตั้งศูนย์วิจัยเจาะลึก 'เกษตร'
กองทุนสนับสนุนการวิจัยมอบ 36 ล้านบาทให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ตั้ง 3 ศูนย์เฉพาะทาง "ส้มโอ-เป็ด-ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ" มุ่งพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรทดแทนสารปฏิชีวนะใช้ในฟาร์มสัตว์ พร้อมทั้งวิจัยเพิ่มผลผลิตส้มโอและเป็ดปลอดโรค ตั้งเป้ารักษาตำแหน่งผู้นำการส่งออกระดับอาเซียน
ศ.สวัสดิ์ ตันตระรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เปิดเผยว่า สกว.สนับสนุนทุนวิจัยประมาณ 36 ล้านบาท ระยะเวลา 3 ปีให้มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จัดตั้ง 3 ศูนย์เฉพาะทาง หรือศูนย์ละประมาณ 12 ล้านบาท เพื่อดำเนินโครงการวิจัยเชิงลึกใน 3 ผลิตภัณฑ์คือ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการทดสอบผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อการผลิตสัตว์ ศูนย์วิทยาการส้มโอและศูนย์วิทยาการสุขภาพเป็ด
โครงการจัดตั้งศูนย์เฉพาะทางดังกล่าว เป็นภารกิจส่วนหนึ่งของ สกว.ที่สนับสนุนให้มหาวิทยาลัยที่มีศักยภาพ จัดตั้งศูนย์วิจัยในสาขาที่เป็นความต้องการของประเทศ ทำหน้าที่ให้บริการวิเคราะห์วิจัยในเชิงลึก รวมถึงเชื่อมโยงกับเครือข่ายใกล้เคียง
นอกจากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์แล้ว ก่อนหน้านี้ สกว.ยังมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ เพื่อสร้างศูนย์เฉพาะทางเช่นกัน โดยรับผิดชอบทุนจัดตั้งคนละ 50% เช่น ศูนย์วิจัยลำไย-มหาวิทยาลัยแม่โจ้ ศูนย์วิจัยไก่พื้นเมือง-มหาวิทยาลัยขอนแก่น ศูนย์วิจัยโคเนื้อ-สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ศูนย์วิจัยเพื่อเพิ่มมูลค่าพืชพื้นเมือง-มหาวิทยาลัยมหิดล และพร้อมที่จะขยายความร่วมมือไปยังมหาวิทยาลัยแห่งอื่นในอนาคต
"ศูนย์วิทยาการส้มโอ และศูนย์วิทยาการสุขภาพเป็ด เป็นผลิตผลการเกษตรและสัตว์ส่งออก ที่ยังคงต้องการงานวิจัยเข้ามาช่วยพัฒนาคุณภาพผลผลิตให้ปลอดภัยจากโรคระบาด และให้ผลผลิตมูลค่าสูง เพื่อให้ไทยยังคงครองความเป็นผู้นำการส่งออกสินค้าเกษตรทั้ง 2 ชนิด ท่ามกลางการแข่งขันจากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย"
ในส่วนของศูนย์วิจัยและพัฒนาการทดสอบผลิตภัณฑ์ธรรมชาติเพื่อการผลิตสัตว์ รศ.นวลจันทร์ พารักษา ภาควิชาสัตวบาล คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน กล่าวว่า สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ ศูนย์วิจัยมุ่งเพิ่มจำนวนสิทธิบัตรงานวิจัยที่เกี่ยวข้องให้ได้ปีละ 2 สิทธิบัตร เนื่องจากสมุนไพรไทยหลายตัว เช่น กากชา ใบฝรั่ง พริก ตะไคร้หอม มีศักยภาพที่สามารถสกัดให้เป็นผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพสำหรับสัตว์ทดแทนสารปฏิชีวนะหรือสารเคมี
“มาตรการกีดกันทางการค้า และการตรวจสอบย้อนกลับสินค้าเกษตร ทำให้ประเด็นความปลอดภัยทางอาหารซึ่งเชื่อมโยงถึงผลิตภัณฑ์สมุนไพร ถูกพูดถึงมากขึ้นในอุตสาหกรรม เราจึงจำเป็นต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ธรรมชาติใหม่ๆ ที่ใช้งานได้จริง”
นอกจากนี้ในส่วนของภาคเอกชน ต้องการหน่วยงานให้บริการตรวจสอบและรับรองมาตรฐานความปลอดภัยในผลิตภัณฑ์ธรรมชาตินำเข้า ซึ่งปัจจุบันยังขาดหน่วยงานที่ทำหน้าที่นี้โดยตรง ทางศูนย์วิจัยฯ จะพัฒนาระบบวิเคราะห์ให้ได้มาตรฐานเพื่อรองรับงานดังกล่าวด้วย
แหล่งที่มา : สกว.
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.