ศึกษา วิธีการผลิตปุ๋ยนำหมักชีวภาพจากวัตถุดิบท้องถิ่น ที่เหมาะสมในนาข้าว สวนผลไม้ และสวนยางพาราโดยชุมชนบ้านบือราแง หมู่ที่ 4 ตำบลลูโบะสาวอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
ชุดโครงการ : เกษตรกรรมยั่งยืน
ชื่อหัวหน้าโครงการณ์ : นางสาว การีมา สะบูดิง
วัตถุประสงค์โครงการ :
1. เพื่อศึกษาสภาพความอุดมสมบูรณ์ของดินในแปลงนาข้าว สวนผลไม้ และสวนยางพาราก่อนใช้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ 2. เพื่อศึกษาทดลองผลิตปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพจากวัตถุดิบเหลือใช้ในท้องถิ่น เช่น แกลบ ฟางข้าว ผักตบชวา เศษอาหาร สำหรับใช้ในแปลงนาข้าว สวนผลไม้ ส
บทคัดย่อ :
ความเป็นมาและสภาพปัญหา
บ้านบือราแง หมู่ที่ 4 ตั้งอยู่ในเขตตำบลลูโบะสาวอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส สภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นที่ราบลุ่ม ทางทิศตะวันออกบางส่วนไม่เหมาะแก่การเกษตรเนื่องจากเป็นป่าชายเลน ป่าพรุและมีน้ำแช่ขังเป็นเวลานาน และบางส่วนเหมาะแก่การเพาะปลูกมะม่วงหิมพานต์ มะพร้าว และพืชไร่บางชนิด เช่น ไม้ผล ไม้ยืนต้น และพืชเศรษฐกิจอื่นๆ บ้านบือราแงทิศเหนือจรดบ้านบือเจาะ ตำบลบาเจาะ ทิศใต้จรดบ้านลูโบะสาวอ ตำบลลูโบะสาวอ ทิศตะวันออกจรดบ้านกะทุง ตำบลบาเระใต้ และทิศตะวันตกจรดบ้านตะโละมาเนาะ ตำบลลุดบะสาวอ บ้านบือราแง หมายถึง ต้นไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกตามภาษามลายู เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่อยู่ใจกลางหมู่บ้าน แต่ทุกวันนี้ไม่มีแล้ว ฟังมาจากคำบอกเล่าตากคนรุ่นก่อนๆ แต่มีมานานเป็นร้อยๆ ปี แต่เดิมมีการอพยพมาจากปัตตานี และมาตั้งถิ่นฐานและครัวเรือนเล็กๆ และขยายเป้นหมู่บ้านบือราแงจนถึงปัจจุบัน
บ้านบือราแงมีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 1,667 ไร่ ประกอบด้วย 153 ครัวเรือน จำนวนประชากรทั้งสิ้น 816 คน เป็นชาย 427 คน และเป็นหญิง 389 คน อาชีพหลักคือ กรีดยาง ทำนา ค้าขายและรับราชการ ส่วนอาชีพรอง/อาชีพเสริมคือ ปักจักร ผ้าคลุม และทำกระเป๋าย่านลิเภา
บทเรียนที่ผ่านมา เนื่องจากชุมชนบ้านบือราแงเป็นพื้นที่เกษตรกรรม มีทั้งการทำนา ทำสวนยางพารา ทำสวนผลไม้ชนิดต่างๆ ได้แก่ ลองกอง ทุเรียน เงาะ มังคุด ตกอยู่ภายใต้กระแสโฆษณาชวนเชื่อเรื่องการซื้อปุ๋ยเคมีมาใช้ในการเกษตร ใช้ปุ๋ยสูตร 20 – 20 – 0 ราคากิโลกรัมละกว่า 20 บาทในนาข้าว เคยใช้ปุ๋ยสูตร 15 – 15 – 15 กับสวนผลไม้ แต่เนื่องจากราคาราคาไม้ผลตกต่ำ ชาวบ้านจึงไม่ได้ใส่ปุ๋ยเพราะไม่คุ้มกับทุนที่ลงไป แล้วมุ่งไปที่การใช้ปุ๋ยสูตร 9 – 16 – 4 ราคากิโลกรัมละ 29 บาท กับสวนยางพาราแทน เพราะยางพารามีราคาดี คุ้มค่ากับทุนที่ลงไป
อย่างไรก็ตาม ราคาผลผลิตทางการเกษตรมีความไม่แน่นอน ยกตัวอย่างน้ำยางพาราที่เคยได้กิโลกรัมละ 90 – 100 บลดลงมาเหลือเพียง 50 – 60 บาท ความผันผวนเช่นนี้จึงทำให้ชาวบ้านวิเคราะห์ต้นทุนการทำเกษตรจนพบว่า “ปุ๋ย” เป็ต้นทุนสำคัญและอยู่ในความสามารถของชุมชนที่จะผลิตขึ้นใช้เอง ผลจาการพูดคุยถึงปุ๋ยรูปแบบต่างๆ เช่น ปุ๋ยหมักจากเศษพืช ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ ปุ๋ยคอกจากมูลสัตว์ ฯลฯ ชาวบ้านสนใจที่จะลองทำปุ๋ยหมักชีวภาพสำหรับใช้ในแปลงนาข้าว สวนผลไม้ และสวนยางพารา เนื่องจากมีโรงสีชุมชนที่ให้แกลบเหลือใช้จากการสีข้าว มีฟางข้าวเหลือใช้จากการเก็บเกี่ยว และมีผักตบชวาซึ่งไปเป็นที่ต้องการตามลำน้ำ และเศษอาหารจากสถานศึกษาใกล้ชุมชนอย่างโรงเรียนประชานุเคราะห์ 10 เป็นต้น
จุดเด่นของโครงการนี้อยู่ที่ชาวบ้านจะได้ความรู้จากการทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สำนักงานเกษตรอำเภอบาเจาะ สำนักงานพัฒนาที่ดินจังหวัดนราธิวาส ในอันที่จะรู้วิธีการเก็บตัวอย่างดินเพื่อตรวจวัดความอุดมสมบูรณ์ วิธีการทำปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ แม้จะได้รับการอบรมมาแล้ว แต่ไม่มีความต่อเนื่องและขาดโอกาสในการทดลองปฏิบัติจริง โครงการวิจัยนี้จึงเป็นโอกาสได้ทดลองผลิตปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพจริง ทดลองใช้จริงกับนาข้าว สวนผลไม้ สวนยางพารา ตลอดจนการบันทึกผลการเปลี่ยนแปลงด้านปริมาณ ขนาดหรือน้ำหนักต่อหน่วย และการย่นระเวลาเวลาการเก็บเกี่ยวที่สัมพันธ์กับการเติบโตที่คาดว่าจะเร็วขึ้นหลังจากการใช้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพที่ชาวบ้านทำเอง จึงเป็นที่มาของการเสนอโครงการวิจัยนี้
คำถามวิจัย
เกษตรกรบ้านบือราแง ตำบลลูโบะสาวอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส มีวิธีผลิตปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพจากวัตถุดิบท้องถิ่นเพื่อใช้ในนาข้าว สวนผลไม้ และสวนยางพาราได้อย่างไร?
วัตถุประสงค์
1. เพื่อศึกษาสภาพความอุดมสมบูรณ์ของดินในแปลงนาข้าว สวนผลไม้ และสวนยางพาราก่อนใช้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ
2. เพื่อศึกษาทดลองผลิตปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพจากวัตถุดิบเหลือใช้ในท้องถิ่น เช่น แกลบ ฟางข้าว ผักตบชวา เศษอาหาร สำหรับใช้ในแปลงนาข้าว สวนผลไม้ สวนยางพารา และติดตามผลที่ได้ในเชิงเปรียบเทียบ
3. เพื่อวิเคราะห์ต้นทุนเปรียบเทียบระหว่างการใช้ปุ๋ยเคมีกับปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพที่ผลิตขึ้นเองโดยชุมชน
พื้นที่ดำเนินการ
บ้านบือราแง หมู่ที่ 4 ตำบลลูโบะสาวอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
วิธีการดำเนินการ
1. เตรียมความพร้อมของทีมวิจัย บทบาทหน้าที่ และการบริหารจัดการโครงการ
2. ประชุมทีมวิจัยเดือนละ 1 ครั้ง
3. ศึกษาสภาพความอุดมสมบูรณ์ของดินในแปลงนาข้าว สวนผลไม้ และสวนยางพารา
4. หาความรู้การผลิตปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพจากแกลบ ฟางข้าว ผักตบชวา และเศษอาหาร
5. ทดลองปฏิบัติผลิตปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ และนำไปใช้ในแปลงนาข้าว สวนผลไม้ และสวนยางพารา
6. จัดทำรายงานความก้าวหน้า
7. ลงพื้นที่เก็บข้อมูลการเปลี่ยนแปลงด้านปริมาณ ขนาดหรือน้ำหนักต่อหน่วย และการย่นระเวลาเวลาการเก็บเกี่ยวเปรียบเทียบระหว่างพื้นที่ที่ใช้และไม่ใช้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ
8. จัดเวทีนำเสนอผลการใช้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ ผลการวิเคราะห์ต้นทุนที่ได้เพื่อขยายผลให้กับชุมชน
9. ถอดบทเรียนการทำวิจัยตลอดทั้งโครงการ
10. จัดทำรายงานฉบับสมบูรณ์
ผลที่คาดว่าจะได้รับ
1. ได้ข้อมูลความอุดมสมบูรณ์ของดินในแปลงนาข้าว สวนผลไม้ และสวนยางพาราเพื่อเปรียบเทียบผลที่ได้หลังการใช้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ
2. ได้สูตรปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพจากวัตถุดิบเหลือใช้ในท้องถิ่น เช่น แกลบ ฟางข้าว ผักตบชวา เศษอาหาร ที่เหมาะสมกับแปลงนาข้าว สวนผลไม้ สวนยางพารา ในพื้นที่บ้านบือราแง ตำบลลูโบะสาวอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
3. ได้ผลต้นทุนเปรียบเทียบระหว่างการใช้ปุ๋ยเคมีกับปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพที่ผลิตขึ้นเองโดยชุมชน เพื่อสร้างจูงใจให้เกษตรกรในพื้นที่หันมาผลิตปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพใช้เอง
ที่มา : สกว.
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.