มิติใหม่แห่งนาข้าว
หลักการและเหตุผล :
ปุ๋ย คือ ธาตุอาหารสำหรับพืช ในการเพาะปลูกเมื่อคิดจะปฏิเสธสารอาหารที่เรียก
ว่า “ปุ๋ยเคมี” ก็ต้องหาสารอาหารที่เป็นปุ๋ยอย่างอื่นมาแทน เพราะพืชมีความจำเป็นต้องได้
สารอาหารเพื่อการพัฒนาตัวเอง ในปุ๋ยเคมีมีสารอาหารอะไร ในปุ๋ยที่จะมาแทนก็จะต้องมีสาร
อาหารตัวนั้น ครบถ้วนทุกตัวและในปริมาณที่พอเพียงด้วย ตามหลักวิชาการหรือทฤษฎี เรา
สามารถรู้ได้ว่าต้นข้าวตั้งแต่เริ่มปลูกถึงเก็บเกี่ยว จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยในปริมาณเท่าใดเพื่อการ
เจริญเติบโต ด้วยวิธีตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการ (LAB) ทางเคมีเท่านั้น แต่เนื่องจากใน
ทางปฏิบัติจริง การตรวจวิเคราะห์เป็นสิ่งยุ่งยากมากเกินกว่าที่ชาวนาจะเข้าถึงได้ เพราะทุกขั้น
ตอนต้องพึ่งพาระบบราชการเป็นหลัก
ความเป็นจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ คือ ในระบบราชการนั้น “นโยบาย” กับ “การ
ปฏิบัติ” มักจะสวนทางกันอยู่เสมอ ปุ๋ยเคมีในกระสอบที่เป็นสารอาหารของต้นข้าวมีเพียง
“ธาตุหลัก” เท่านั้น ในขณะที่ต้นข้าวยังต้องการ ธาตุรอง. ธาตุเสริม. และฮอร์โมน. ซึ่งปุ๋ย
เคมีในกระสอบไม่มีธาตุอาหารเหล่านี้ หรือมีแต่ไม่มากเนื่องจากบริษัทผู้ผลิตใส่เติมให้แต่ก็ต้อง
จ่ายเงินซื้อแพงขึ้น ในต้นพืชในแปลงนา ได้แก่ ฟาง. หญ้า. วัชพืช. ซึ่งพืชเหล่านี้เคยได้
อาศัยปุ๋ยของต้นข้าวไปพัฒนาตัวเอง เมื่อไถกลบแล้วเน่าสลายก็จะกลายเป็นปุ๋ย เรียกว่า “ปุ๋ย
อินทรีย์ หรือ ปุ๋ยพืชสด” ปุ๋ยเหล่านี้ถือเป็นสารอาหารพืชชนิดหนึ่ง เรียกว่า “อินทรีย์สาร
หรือ สารอินทรีย์” ซึ่งนอกจากใช้เป็นปุ๋ยสำหรับต้นข้าวโดยตรงได้แล้ว ยังช่วยปรับปรุง
สภาพโครงสร้างดิน และจุลินทรีย์ อีกด้วย
นาข้าวเนื้อที่ 1 ไร่ ได้ผลผลิต 100 ถัง ฟางที่เหลือเมื่อนำมาตรวจวิเคราะห์หา
ปริมาณธาตุอาหารแล้วพบว่ามี ไนโตรเจน 32 กก. ฟอสฟอรัส 22 กก. โปแตสเซียม 8
กก. แคลเซียม 14 กก. แม็กเนเซียม 6 กก. กำมะถัน 2 กก. ซิลิก้า 13 กก. ธาตุอาหาร
ต่างๆที่กล่าวรวมกันติดไปกับเมล็ดเพียง 2 กก.เท่านั้น
(ที่มา : จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย)
ในปุ๋ยน้ำชีวภาพสำเร็จรูปพร้อมใช้งาน มีส่วนผสม 2 ประเภท ได้แก่ ส่วนผสมที่
เป็นสารอินทรีย์ที่ได้จากกระบวรการย่อยสลาย “ปลาทะเล. ไขกระดูก. เลือด. มูลค้าง
คาว. นม. น้ำมะพร้าว. ฮิวมิค แอซิด. จุลินทรีย์. อะมิโนโปรตีน. ฮอร์โมนธรรมชาติ.
สารท็อกซิค.” กับส่วนผสมที่เป็นสารอาหารจากปุ๋ยเคมีประกอบด้วย “ธาตุหลัก. ธาตุ
รอง. ธาตุเสริม. ฮอร์โมนวิทยาศาสตร์” ซึ่งได้ใส่เติมเพิ่มลงไปก่อนใช้งาน เพื่อชดเชย
ปริมาณสารอาหารในสารอินทรีย์ซึ่งอาจจะมีน้อยให้พอเพียงต่อความต้องการที่แท้จริงของต้น
ข้าว ต้นข้าวก็เหมือนกับพืชอายุสั้นฤดูกาลเดียวอื่นๆ
จากประสบการณ์ตรงที่เคยพบว่าพืชประเภทนี้ต้องการสารอาหารกลุ่มปุ๋ยเคมีเพียง 1
ใน 10 ของอัตราที่เกษตรกรนิยมใช้ ต้นข้าวก็เหมือนกับพืชทั่วๆไปที่รับสารอาหารได้ 2 ทาง
คือ ปากใบและปลายราก การได้รับสารอาหารแบบ “ครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง สม่ำเสมอ”
น่าจะชดเชยปริมาณปุ๋ยเคมีที่ลดลงได้ กอร์ปกับช่วงที่ต้นข้าวกำลังเจริญเติบโตในแต่ละระยะ
นั้น ลักษณะทางสรีระวิทยาพืช (ต้นข้าว) จะบ่งบอกว่าปริมาณสารอาหารหรือปุ๋ยทางดินเพียง
พอหรือไม่ หากไม่พอก็สามารถเติมเพิ่มภายหลังได้ นาข้าวแบบนาดำด้วยรถดำนานอกจากจะ
ให้ผลผลิตทั้งคุณภาพและปริมาณสูงกว่านาหว่าน (หว่านด้วยมือ หรือหว่านด้วยเครื่องพ่น
เมล็ด) แล้ว การปฏิบัติบำรุงและการป้องกันโรคและแมลงยังง่าย ประหยัดเวลา และแรงงาน
อีกด้วย
เป้าหมายทำนาข้าว เพื่อ....
1. ขายพันธุ์ข้าวปลูกให้แก่ชาวนาแปลงใกล้เคียง
2. สีเป็นข้าวกล้องบรรจุถุง
3. สีเป็นข้าวกล้องแล้วแปรรูปเป็นน้ำกาบา
4. ขายให้โรงสีเป็นข้าวอินทรีย์
ภายใต้สภาพโครงสร้างดินดี ตามสเป็คกรมพัฒนาที่ดินกำหนด จำนวนปุ๋ยเคมีที่ใส่
ลงไปในดินให้แก่พืชแต่ละครั้งนั้น ต้นพืชสามารถนำไปใช้ได้จริงเพียง 4 ใน 10 ส่วนเท่านั้น
ซึ่งเท่ากับเหลือตกค้างอยู่ในเนื้อดิน 6 ใน 10 ส่วน ของทุกครั้งที่ใส่ปุ๋ยลงไป
การใส่ปุ๋ยเคมีลงไปในเนื้อดินทุกปี ต่อเนื่องหลายๆปี จึงเท่ากับได้มีปุ๋ยเคมีส่วนหนึ่ง
เหลืออยู่ในเนื้อดินแล้ว ปุ๋ยส่วนนี้พร้อมให้ต้นข้าวนำไปใช้งานได้อยู่แล้ว จัดทำปฏิทินการ
ปฏิบัติบำรุงต่อต้นข้าวระยะต่างๆ แล้วปฏิบัติตามปฏิทินอย่างเคร่งครัด เตรียมอุปกรณ์เครื่องมือ
ในการควบคุมน้ำให้พร้อมใช้อยู่เสมอ จัดทำบัญชีฟาร์ม ส่วนที่ซื้อ. ส่วนที่ทำเอง (ต้นทุน).
ค่าแรง (จ้าง). ค่าแรง (ทำเอง). ฯลฯ
ข้อสังเกต......ผู้จำหน่ายปุ๋ยเคมีมักอ้างว่า “ปุ๋ยเคมีช่วยเพิ่มผลผลิต” แต่ในแปลง
นาข้าวแห่งหนึ่ง ใส่ปุ๋ยเคมี 10 กก./ไร่/รุ่น ได้ผลผลิต 100 ถัง ในขณะที่แปลงข้างเคียงใส่
ปุ๋ย 50 กก./ไร่/รุ่น ซึ่งใส่มากกว่า 5 เท่า กลับได้ผลผลิตเท่ากัน......ข้อสงสัยก็คือ ในเมื่อ
ใส่ปุ๋ยเคมีมากกว่า 5 เท่า แล้วทำไมจึงไม่ได้ผลผลิต 500 ถัง.......ในขณะเดียวกัน ผู้
จำหน่ายปุ๋ยเคมีมักไม่กล่าวถึง “หลักธรรมชาติ” ว่าด้วยเรื่อง ปุ๋ยเดิมเหลือตกค้างในดิน.
การปรับปรุงบำรุงดินเพื่อให้ดินตอบสนองต่อปุ๋ยเคมี. การเพิ่มธาตุรอง. ธาตุเสริม.
ฮอร์โมน. และอื่นๆ เพื่อให้ต้นข้าวได้รับธาตุอาหารครบถ้วนที่สุด.
สรุป :
1. ลดสารอาหารจากปุ๋ยเคมี (ธาตุหลัก) ทางดิน แล้วเพิ่มด้วยสารอาหารจากปุ๋ยน้ำ
ชีวภาพสูตรเลือกสรรวัสดุส่วนผสมพิเศษ
2. เพิ่มปุ๋ย (ธาตุหลัก-ธาตุรอง-ธาตุเสริม-ฮอร์โมน) ทางใบ
3. ปรับช่วงการให้โดยให้ทางใบ ทุก 5-7 วัน
******************************************************************************************************************************************
นาข้าว 1 ไร่ ที่ไร่กล้อมแกล้ม
ใส่ปุ๋ยเคมี 1 กก. ได้ข้าว 110 ถัง
1. ประวัติดิน
- เคยทำนาแบบไม่เผาฟาง (ไถกลบ) ใส่ “น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง – จุลินทรีย์
หน่อกล้วย – หว่านปุ๋ยคอก” ……ไม่ใช้ยาฆ่าหญ้า.......ไม่ใช่ยาฆ่าหอยเชอรี่......ไม่ใช้ยาฆ่า
ปูนา.......ไม่ใช้สารเคมีกำจัดแมลง......ใส่ปุ๋ยเคมี 16-8-8 ไร่ละ 20 กก. ช่วงทำเทือก..
.....ฉีดพ่นปุ๋ยทางใบ ทุก 7-10 วัน สม่ำเสมอ.......เลี้ยงน้ำหล่อผิวหน้าดิน ลึกไม่เกิน 1 ฝ่า
มือ.....ติดต่อกันมา 3 ปี หรือ 6 รุ่น......ได้ผลผลิต 120-130 ถัง/รุ่น
- หยุดนาข้าวแล้วปลูกแตงกวา 1 รุ่น เก็บเกี่ยวแล้วไถกลบ.......เสร็จแตงกวาแล้วปลูก
ถั่วฝักยาว 1 รุ่น เก็บเกี่ยวแล้วไถกลบ......ระหว่างปลูกแตงกวา และถั่วฝักยาวนี้ ไม่ใช้ยาฆ่า
หญ้า และสารเคมีกำจัดแมลง
2. ทำเทือก
- ปรับหน้าดิน ....... ใส่จุลินทรีย์หน่อกล้วย 5 ล./ไร่......ปล่อยน้ำเข้าพอแฉะหน้า
ดินเพื่อล่อให้วัชพืชงอก......ปล่อยทิ้งไว้ 7-10 วัน จนแน่ใจว่าวัชพืชทุกชนิดทุกต้นงอกขึ้นมา
ทั้งหมดแล้ว......ปล่อยน้ำเข้าลึกครึ่งหน้าแข้ง
– ตรวจสอบสภาพการเน่าสลายของเศษซากพืชที่ไถกลบด้วยวิธีเดินย่ำลงไปในแปลง
ถ้ามีฟองปนกลิ่นเหม็น แสดงว่าการย่อยสลายยังไม่สมบูรณ์ เมื่อต้นข้าวโตขึ้นจะเป็นโรคเมา
ตอซัง หรือใบเหลืองโทรม แก้ไขด้วยการไขน้ำใหม่ไล่น้ำเก่าออกให้หมด เติมจุลินทรีย์หน่อ
กล้วยรอบสองแล้วหมักต่อ 5-7 วัน ครบกำหนดแล้วตรวจสอบแบบเดิมอีกครั้ง........ถ้าตรวจ
สอบแล้วมีฟองแต่ไม่มีกลิ่นเหม็น แสดงว่าการย่อยสลายสมบูรณ์แล้วก็ให้ดำเนินการขั้นต่อไป
ได้เลย
- ลงมือย่ำเทือกด้วย “ลูกทุบ หรือ อีขลุบ” เพื่อกำจัดวัชพืช......ย่ำเทือก 3-4
รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน แต่ละรอบของการย่ำจะพบว่าต้นวัชพืชค่อยๆหายไป จนกระทั่ง
ถึงรอบสุดท้ายจะไม่พบต้นวัชพืชหลงเหลืออยู่เลย หรือมีน้อยมาก
- ก่อนย่ำเทือกรอบสุดท้าย ปรับระดับน้ำลึก 1 ฝ่ามือ ใส่ “น้ำหมักชีวภาพพร้อมใช้
งาน 5 ล. + 16-8-8 (1 กก.) + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 250 กรัม” โดยสาดให้ทั่วแปลง
แล้วย่ำด้วยลูกทุบหรืออีขลุบ
3. เตรียมเมล็ดพันธุ์
แช่เมล็ดพันธุ์ใน “น้ำ 100 ล.+ ไคตินไคโตซาน 100 ซีซี.” นาน 24 ชม. ครบ
กำหนดแล้วนำขึ้นห่มชื้นต่อ 24-48 ชม. เนื่องจากเมล็ดพันธุ์ที่ผ่านการแช่ในไคตินไคโตซาน
จะแทงรากเร็วกว่าการแช่น้ำเปล่าหรือแช่ในสารเคมี เพราะฉะนั้นช่วงห่มชื้นให้หมั่นตรวจสอบ
เมล็ดพันธุ์ ถ้าเริ่มรากงอกแล้วให้นำไปเพาะในกระบะเพาะทันที หากปล่อยให้รากยาวเกินไป
รากจะเกาะเกี่ยวกันทำให้หว่านไม่ออก
4. การปฏิบัติบำรุงต้นข้าวระยะกล้า
- ระยะ 7-10 วันแรกหลังดำ สำรวจต้นกล้าแล้วดำซ่อมด้วยมือต่อต้นกล้าที่เสียหาย
- อายุ 20-30 วัน ฉีดพ่นฮอร์โมนน้ำดำ + สารสกัดสมุนไพร ทุก 5-7 วัน
5. การปฏิบัติบำรุงต้นข้าวระยะแตกกอ-ตั้งท้อง
- ฉีดพ่น “ฮอร์โมนไข่ + สารสกัดสมุนไพร” 2-3 รอบ ห่างกันรอบละ 5-7 วัน
ข้าวครึ่ง : วัชพืชครึ่ง ได้ 120 ถัง
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.