แตงโม
หน้า: 2/2
ทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ
แตงโมยักษ์ไต้หวัน ปลูกได้คุณภาพดีในประเทศไทย
หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่า ทุกวันนี้ในวงการพืชผักและผลไม้ที่มีการพัฒนาสายพันธุ์และนำมkทดลองปลูกในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มของพืชผักซึ่งมีหลายชนิดที่มีการนำพันธุ์มาจากไต้หวัน หรือแม้แต่ไม้ผล อาทิ พุทราผลใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ซุปเปอร์จัมโบ้ พันธุ์ซื่อหมี่ พันธุ์มิ่งเฉา ฯลฯ มีเกษตรกรไทยนำมาปลูกให้ผลผลิตและคุณภาพไม่แตกต่างไปจากที่ปลูกในไต้หวัน ปัจจุบัน การปลูกพุทราในประเทศไทยเกือบทั้งหมดได้เปลี่ยนมาปลูกพันธุ์ที่นำมาจากไต้หวัน เกษตรกรไทยหลายรายมีรายได้ดีจากการปลูกพุทราไต้หวัน เนื่องจากผลผลิตขายได้ราคาดี ขนาดของผลใหญ่และทุกสายพันธุ์ติดผลดกมาก มะม่วงพันธุ์จินหวงของไต้หวัน ซึ่งมีลักษณะเด่นตรงที่ขนาดของผลใหญ่และเป็นสายพันธุ์มะม่วงหลักพันธุ์หนึ่งของไต้หวัน ทางโครงการหลวงได้สายพันธุ์มาปลูกและได้เปลี่ยนเป็นชื่อไทยว่า "นวลคำ" และมีเกษตรกรอีกหลายรายนำมะม่วงพันธุ์นี้ไปปลูกและเปลี่ยนชื่อไทยอีกหลายชื่อ ทั้งๆ ที่เป็นมะม่วงสายพันธุ์เดียวกัน แต่ที่น่าแปลกใจมากที่เกษตรกรไทยอีกเป็นจำนวนมากไม่ทราบก็คือ เมื่อประมาณ ปี พ.ศ. 2513 ไต้หวันได้มีการนำฝรั่งจากประเทศไทยซึ่งมีขนาดของผลใหญ่ เนื้อแน่น และกรอบ ไปปลูก ผลผลิตเป็นที่ชื่นชอบของคนไต้หวันในขณะนั้น ไต้หวันได้มีการปรับปรุงได้ฝรั่งสายพันธุ์ใหม่ๆ ที่มีเมล็ดน้อยและนิ่ม รสชาตbอร่อย เช่น พันธุ์เจินจู ได้มีการขยายพื้นที่ปลูกกันมากในบ้านเราขณะนี้
ผู้เขียนได้มีโอกาสไปดูงานการเกษตรที่ไต้หวัน เมื่อช่วงเทศกาลสงกรานต์ เมื่อปี พ.ศ. 2552 ที่ผ่านมา ก่อนอื่นจะต้องขอขอบพระคุณ คุณเฉิน ชิงเฉิน เจ้าของ บริษัท แสงจิต เครื่องจักรการเกษตร จำกัด หรือที่รู้จักกันดีคือผู้นำเข้าถุงห่อผลไม้ "ชุนฟง" จากไต้หวัน เป็นหัวหน้าคณะนำเกษตรกรผู้ปลูกมะม่วงชั้นแนวหน้าของจังหวัดพิจิตร ไปดูงานเกษตรไต้หวันในครั้งนั้น ระหว่างดูงานผลไม้ที่เสิร์ฟหลังอาหารทุกมื้อ จะเป็น "แตงโม" คณะผู้ร่วมดูงานทุกคนต่างให้ความเห็นตรงกันว่า แตงโม ที่ปลูกในไต้หวันมีรสชาตหวานกรอบ
อร่อยมาก บางคนถึงกลับบอกว่าไม่เคยรับประทานแตงโมที่มีรสอร่อยเช่นนี้มาก่อน ผู้เขียนยังได้สังเกตต่อไปว่า แตงโมที่นำมาให้รับประทานนั้นจะเฉือนเป็นชิ้นติดเปลือก ซึ่งเมื่อสังเกตแล้วคาดจากสายตาว่าน่าจะเป็นแตงที่มีขนาดผลใหญ่มาก แตกต่างจากแตงโมที่นิยมปลูกในประเทศไทย ซึ่งมีขนาดของผลเล็กกว่า ระหว่างการเดินทางดูงานเกษตรไต้หวันได้มีโอกาสแวะชมตลาดขายผลไม้ตามอำเภอต่างๆ ได้พบเห็นแตงโมมีวางขายเป็นจำนวนมาก และมีขนาดของผลใหญ่มาก น้ำหนักผลเฉลี่ย 15-20 กิโลกรัม และนี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้เขียนให้ความสนใจที่จะหาซื้อเมล็ดแตงโมยักษ์ไต้หวันสายพันธุ์นี้มาทดลองปลูกในประเทศไทยให้ได้
แตงโมยักษ์ไต้หวัน มีพื้นที่ปลูกมากที่จังหวัดอิ๋นหลิน
อิ๋นหลิน (Yunlin) เป็นแหล่งเกษตรกรรมที่สำคัญของไต้หวันจังหวัดหนึ่ง พื้นที่อยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะไต้หวัน แตงโมยักษ์มีพื้นที่ปลูกมากที่จังหวัดนี้คือ มีพื้นที่ปลูกประมาณ 6,250 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ยปีละประมาณ 16,000 ตัน โดยมีช่วงฤดูกาลปลูกจะอยู่ระหว่างเดือนพฤษภาคม-เดือนสิงหาคม ของทุกปี สภาพพื้นที่ปลูกที่เหมาะสมที่สุดคือ ดินร่วนปนทราย ลักษณะเด่นของแตงโมยักษ์ไต้หวันจัดเป็นแตงโมขนาดผลใหญ่ ถ้ามีการบำรุงรักษาที่ดี น้ำหนักผลจะมีน้ำหนักได้ถึง 20กิโลกรัม รูปทรงผลรีคล้ายลูกรักบี้ เปลือกมีสีเขียวอ่อนและมีลายทั่วผล เนื้อมีสีแดงเข้ม การขายผลผลิตแตงโมยักษ์ในไต้หวันถ้าขายแบบยกผล จะมีราคาเฉลี่ย กิโลกรัมละ 15-20 บาท แต่ส่วนใหญ่พ่อค้าที่นำมาขายปลีกจะผ่าขายเป็นชิ้นๆ
ได้เมล็ดแตงโมยักษ์ไต้หวัน มาทดลองปลูก ที่จังหวัดพิจิตร
ในที่สุดผู้เขียนก็ได้ซื้อเมล็ดแตงโมยักษ์ไต้หวันมาทดลองปลูกที่แผนกฟาร์ม ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร โดยเริ่มปลูกครั้งแรกในช่วงเดือนกรกฎาคม 2552 โดยเริ่มต้นจากการเพาะกล้าด้วยการนำเมล็ดแตงโมมาแช่ในน้ำอุ่น นานประมาณ 30 นาที จากนั้นให้นำเมล็ดบ่มในผ้าขาวบางที่เก็บความชื้นเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง ประมาณ 2-3 วัน เมล็ดจะเริ่มแทงรากออกมา นำเมล็ดไปเพาะในกระบะเพาะกล้า รดน้ำทุกวัน จนต้นกล้ามีอายุได้ 10-13 วัน จึงย้ายต้นกล้าแตงโมยักษ์ลงปลูกในแปลง (มีข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการปลูกแตงโมในช่วงฤดูหนาว มีเกษตรกรบางรายหยอดเมล็ดลงปลูกในหลุมเลย จะพบว่าเมล็ดงอกช้ามากหรือไม่งอกเลย เนื่องจากถ้าอุณหภูมิของดินปลูกต่ำกว่า 15.5 องศาเซลเซียส เมล็ดแตงโมจะไม่งอกโดยธรรมชาติ แก้ปัญหาด้วยการหุ้มเมล็ด แช่เมล็ดแตงโมในน้ำอุ่น ทิ้งไว้ 1 วัน กับ 1 คืน แล้วเอาผ้าเปียกห่อวางไว้ในที่ร่ม จะช่วยทำให้เมล็ดแตงโมงอกได้เร็วขึ้น)
การเตรียมแปลงปลูกแตงโมยักษ์
ในการทดลองปลูกแตงโมยักษ์ของแผนกฟาร์ม ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร จังหวัดพิจิตร ได้มีการเตรียมแปลงด้วยการขึ้นแปลงแบบคู่กัน โดยให้มีความกว้างของแปลงประมาณ 1 เมตร สำหรับความยาวของแปลงขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่และความสะดวกในการจัดการ แปลงปลูกแตงโมแต่ละคู่จะให้ห่างกันประมาณ 7-10 เมตร เพื่อให้เป็นพื้นที่ให้เถาแตงโมได้เลื้อยและติดผล สภาพของดินปลูกถ้าเลือกสภาพดินได้ ควรเป็นดินร่วนปนทรายจะเหมาะสมที่สุด เนื่องจากมีการระบายน้ำที่ดี จะต้องปรับสภาพค่าความเป็นกรด-ด่าง ให้มีค่า pH เฉลี่ยอยู่ที่ 6-6.5 ถ้าดินมีสภาพความเป็นกรดให้ใส่ปูนขาว เนื่องจากเป็นแตงโมที่มีขนาดของผลใหญ่มาก ระบบการให้น้ำจะต้องดีและมีประสิทธิภาพ จึงใช้ระบบน้ำหยด ต้นละ 1 หัว และแปลงปลูกจะคลุมแปลงด้วยพลาสติค โดยให้ด้านสีบรอนซ์อยู่ด้านบน ซึ่งจะมีส่วนช่วยไล่แมลงศัตรูแตงได้ระดับหนึ่ง ก่อนย้ายต้นกล้าลงปลูกควรจะรองก้นหลุมด้วยสารสตาร์เกิล จี. อัตรา 2 กรัม ต่อหลุม
การไว้เถาและการเด็ดตาข้างของการปลูกแตงโมยักษ์ไต้หวัน
ความจริงแล้วในการทดลองปลูกแตงโมยักษ์ไต้หวันนั้น ในการเตรียมแปลง การปลูกและการบำรุงรักษาใช้วิธีการเดียวกับการปลูกแตงโมในบ้านเรา แต่มีรายละเอียดปลีกย่อยและเทคนิคที่มีความแตกต่างกันบางประการเท่านั้น อาทิ ในแต่ละต้นหรือแต่ละหลุมปลูกจะปล่อยให้ผลแตงโมยักษ์ติดเพียงผลเดียวเท่านั้น ในขณะที่การปลูกแตงโมของเกษตรกรไทยจะปล่อยให้ติดหลายผล อย่างน้อย 2-3 ผล ต่อ 1 ต้น หลังจากที่ปลูกต้นกล้าแตงโมยักษ์ลงแปลงมีการแตกใบใหม่ออกมา 2-3 ใบ ให้เด็ดยอดแตงโมออกเพื่อให้แตกออกเป็น 2 ตา ซึ่ง 2 ตาข้างดังกล่าวจะเจริญเติบโตเป็นเถา 2 เถา และจะให้แตงโมติดผลเพียงเถาเดียวเท่านั้น ส่วนอีกเถาหนึ่งให้สังเคราะห์แสงเพื่อช่วยเลี้ยงผลเท่านั้น ในการเด็ดตาข้างจะเด็ดตาข้างตั้งแต่ตาข้างที่ 1-19 ของทั้ง 2 เถา และจัดการเถาให้เลื้อยไปในแนวทางเดียวกัน มีการจัดเถาให้เลื้อยไปในแนวทางเดียวกัน เพื่อไม่ให้เถาพันกัน และง่ายต่อการจัดการ ตั้งแต่ตาข้างที่ 20 เป็นต้นไป ไม่จำเป็นจะต้องเด็ดทิ้ง มีข้อสังเกตเพิ่มเติมว่าทุกข้อที่มีตาข้างจะมีรากแทงออกมา จึงควรเจาะพลาสติคเพื่อให้รากแทงลงไป ยิ่งมีจำนวนรากมากเท่าไร มีส่วนช่วยให้ผลแตงโมมีขนาดใหญ่ขึ้นด้วย การผสมดอกมีส่วนสำคัญของการปลูกแตงโมยักษ์ ถ้าเป็นไปได้เมื่อผสมดอกจนติดผลแล้วควรเลือกผลที่ 3 หรือ 4 โดยนับจากการติดผลแรกจะดีที่สุด ช่วงเวลาในการผสมดอกคือ ช่วงเวลาเช้า 06.00-09.00 น.
ผลจากการปลูกแตงโมยักษ์ไต้หวัน 2 รุ่น ได้แตงโมที่มีขนาดผลใหญ่สุด มีน้ำหนักเกือบ 20 กิโลกรัม
จากการทดลองปลูกแตงโมยักษ์ไต้หวันดังกล่าวที่จังหวัดพิจิตร ในรุ่นแรกพบว่าขนาดของผลมีน้ำหนักใกล้เคียงกับที่ปลูกในไต้หวัน ลักษณะของผล, เนื้อ เหมือนกัน แต่เนื่องจากในการปลูกรุ่นแรกปลูกในช่วงฤดูฝน รสชาติยังไม่อร่อยเท่ากับที่ปลูกในไต้หวัน แต่สิ่งที่สร้างความมั่นใจได้ระดับหนึ่งก็คือ ขนาดของผลและสีของเนื้อเหมือนกัน ทำให้สรุปได้ในเบื้องต้นว่า แตงโมยักษ์สายพันธุ์นี้ปลูกได้ในบ้านเรา เมื่อผลผลิตแตงโมยักษ์ ในรุ่นที่ 2 ออกมาในช่วงปลายฤดูฝน คุณภาพของเนื้อดีขึ้นและมีรสชาติใกล้เคียงกับที่ปลูกในไต้หวัน และที่สำคัญผลผลิตแตงโมยักษ์ไต้หวัน ในรุ่นที่ 2 นี้ มีอยู่ต้นหนึ่งที่ให้ผลผลิตมีน้ำหนักถึง 19 กิโลกรัมเศษ นับว่าใหญ่มาก ใครเห็นรู้สึกแปลกใจด้วยคนไทยอาจจะไม่เคยเห็นแตงโมที่มีขนาดของผลใหญ่ขนาดนี้ และในขณะนี้ทางแผนกฟาร์ม ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร ได้ทดลองปลูกแตงโมยักษ์ไต้หวัน ในรุ่นที่ 3 และ รุ่นที่ 4 เพื่อให้ผลผลิตออกให้ทันงาน "เกษตรมหัศจรรย์ วันเทคโนโลยีชาวบ้าน ครั้งที่ 2" จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 24-28 กุมภาพันธ์ 2553 ที่เดอะมอลล์ บางแค
ปลูกแตงโมยักษ์ในไทย : ตลาดอยู่ที่ไหน
จริงอยู่พฤติกรรมในการบริโภคแตงโมของคนไทยมักจะคุ้นเคยกับแตงโมที่มีขนาดผลไม่ใหญ่มากนัก มีน้ำหนักผลเฉลี่ย 2-3 กิโลกรัม เท่านั้น ในขณะที่ผู้บริโภคตามเมืองใหญ่ๆ เช่น กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ฯลฯ หรือเมืองท่องเที่ยว เช่น พัทยา ภูเก็ต ฯลฯ พ่อค้าซื้อแตงโมยักษ์ไปแบ่งผ่าเป็นชิ้นๆ ขายเหมือนกับที่ไต้หวัน จึงเป็นอีกช่องทางหนึ่งทางการตลาดในอนาคต ความจริงแล้วตามโรงแรมหรือการจัดงานเลี้ยงตามสถานที่ต่างๆ มีความต้องการแตงโมที่มีขนาดผลใหญ่ ขอเพียงแต่แตงโมมีรสชาติหวาน กรอบ และอร่อย เป็นอันใช้ได้ ทางชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตรได้นำผลผลิตแตงโมยักษ์บางส่วนมาทดลองคั้นน้ำแยกกากเพื่อทำเป็นน้ำแตงโมสด 100% (ตามห้องอาหาร โรงแรมใหญ่ๆ ในกรุงเทพมหานคร จะมีน้ำแตงโมสดบริการแขกที่มาใช้บริการ) ผลปรากฏว่าแตงโมยักษ์ที่มีน้ำหนักผลประมาณ 15 กิโลกรัม เมื่อทำเป็นน้ำแตงโมสด 100% บรรจุขวดละ 200 ซีซี ได้จำนวน 50 ขวด เป็นอย่างน้อย และนำมาจำหน่ายถึงผู้บริโภคในราคาขวดละ 10 บาท นั่นแสดงให้เห็นว่าแตงโมยักษ์ผลหนึ่งจะทำรายได้ถึงผลละ 400-500 บาท จากการเก็บเกี่ยวผลผลิตแตงโมยักษ์ไต้หวันที่ปลูกที่แผนกฟาร์ม ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร จังหวัดพิจิตร ซึ่งปลูกในสภาพไร่พื้นราบและมีอุณหภูมิเหมือนกับพื้นที่ที่ปลูกแตงโมทั่วไป 2 รุ่น สรุปข้อมูลของความเป็นไปได้ในเบื้องต้นว่า สามารถปลูกและให้ผลผลิตมีขนาดผลใหญ่ได้ใกล้เคียงกับที่ปลูกในไต้หวัน ในเรื่องของรสชาติยังต้องมีการตรวจสอบเรื่องอายุของการเก็บเกี่ยวว่า แตงโมยักษ์สายพันธุ์นี้มีอายุการเก็บเกี่ยวและการจัดการในเรื่องของการให้ปุ๋ย โดยเฉพาะการปลูกในช่วงฤดูฝน ปริมาณน้ำฝนอาจจะมีผลต่อรสชาติบ้าง แต่ผลผลิตที่ปลูก ในรุ่นที่ 2 ซึ่งสามารถควบคุมปริมาณน้ำได้และเป็นช่วงปลายฤดูฝน รสชาติของผลผลิตมีความหวานและกรอบใกล้เคียงกับที่ปลูกในไต้หวัน ในเรื่องของโรคและแมลงแตงโมยักษ์เหมือนกับการปลูกแตงโมทั่วไป สิ่งที่จะต้องระวังเป็นพิเศษคือ โรคเถาเหี่ยว ที่เกิดจากเชื้อราฟิวซาเรียม ซึ่งโรคนี้เป็นปัญหาหลักของการปลูกแตงโมในบ้านเรา โรคนี้จะระบาดมากในช่วงแตงโมออกดอก การปลูกแตงโมซ้ำที่เดิมและสภาพดินเป็นกรดจัด ขณะนี้ทางชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตรได้เมล็ดพันธุ์แตงโมยักษ์ไต้หวันอีกสายพันธุ์หนึ่งมาเริ่มทดลองปลูก และเป็นสายพันธุ์ที่ต้านทานโรคเถาเหี่ยว
ที่มา : เทคโนโลยีชาวบ้าน
***********************************************************
แตงโม (ไทย)....ประสบการณ์ตรง :
แตงโมที่ปลูกแบบปล่อยเถาเลื้อยไปบนพื้นนั้น ส่วนใหญ่ 1 กอ มักให้มี 2 ยอด แล้วไว้ผลยอดละ 1-2-3-4 ผล/ยอด
.....ช่วงแตงโมได้อายุต้นเริ่มออกดอก บำรุงทางใบด้วย "ฮม.ไข่" ทุก 4-5 วัน จะช่วยให้แตงโมออกดอกมากขึ้น หรือให้ 1 ครั้งได้ 1-2 ดอกเสมอ.....คู่กับให้ทางรากด้วย "น้ำหมักชีวภาพระเบิดเถิดเทิง + 8-24-24" โดยฉีดอัดลงดินบริเวณโคนต้น ทุก 15-20 วัน
....ช่วงออกดอกแล้วควรงดการฉีดพ่นทางใบทุกชนิดช่วง 08.00- 11.00
เพราะเป็นช่วงที่เกสรต้องการผสม หากฉีดพ่นอาจทำให้เกสรเปียกจนผสมไม่ติดได้
.....การช่วยผสมเกสรด้วยมือ นอกจากช่วยให้การติดเป็นผลดีแล้วยังช่วยให้เป็นผลที่คุณภาพดีอีกด้วย
.....วิธีหลอกผึ้งให้ช่วยผสมเกสร เช้าราว 08.00 แดดจัดฟ้าสดใส ผึ้งจะออกหากินในแปลงแตงโม จงเดินเข้าไปทางหัวแปลงก่อน ถือกิ่งไม้ 2 มือ กางแขน 2 ข้าง ก้าวเดินช้าๆพร้อมกับโบกกิ่งไม้เบาๆ ผึ้งเห็นกิ่งไม้โบกไปมาจะบินขึ้นแล้วบินไปเกาะดอกแตงโมข้างหน้าใหม่ ก็ให้เดินช้าๆตามไปอีกสัก 3-5 ก้าว เท่า
กับระยะที่ผึ้งบินไปก่อนล่วงหน้า โบกกิ่งไม้อีก ผึ้งก็จะบินขึ้นหนีไปข้างหน้าอีก ทำซ้ำไปเรื่อยๆหลายๆ รอบ จนสุดแปลงแล้วย้อนทำซ้ำ ตราบเท่าที่ผึ้งยังไม่หนีไปไหน
.....เถาเดียวที่มีหลายผล ควรเว้นระยะ 1 ผล/7-8 ใบ เพื่อให้แต่ละผลมีใบสำหรับสังเคราะห์อาหาร เทคนิคไว้ผลแบบนี้ต้องเด็ดดอกทิ้งตั้งแต่ออกมาใหม่ๆ โดยเลื่อกเด็ดทิ้งกับเลือกเก็บไว้
.....เถาเดียวมีหลายผล ระหว่างผลต่อผลให้ทำไม้โค้งงอรูปตัว ยู. กดเถาบริเวณข้อให้แนบผิวดินแล้วคลุมทับด้วยเศษดิน เศษหญ้าแห้ง ไม่นานที่ข้อจะมีรากงอกออกมา รากนี้จะดูดซับสารอาหารไปเลี้ยงผลที่อยู่ถัดไปทางปลายเถา ควร
ทำต่อทุกผล จะทำให้แต่ละผลมีรากส่วนตัวแทนที่จะรอรับสารอาหารจากรากที่โคนเถาเพียงรากเดียว
ลุงคิมครับผม
*************************
หน้าก่อน (1/2)
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved. ติดประกาศ: 2009-07-16 (14996 ครั้ง) [ ย้อนกลับ ] |