-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 437 บุคคลทั่วไป และ 1 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

สมรภูมิเลือด





กำลังปรับปรุงครับ


ชายชื่อ วัง เปา 'ทหารแก่ไม่เคยตาย'


การจับกุมตัว นายพล วัง เปา (General Vang Pao) ผู้นำกลุ่ม United Lao Liberation Front (ULLF) วัย 77 ปี อดีตนายพลผู้นำกองกำลังชาวม้งในลาว และผู้นำชุมชนชาวม้งในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเคยร่วมกับหน่วยสืบราชการลับสหรัฐฯ (Central Intelligence Agency : CIA) จัดตั้งกองกำลังชาวม้ง ทำ "สงครามลับ" (Secret War) ต่อต้านขบวนการคอมมิวนิสต์ปะเทดลาว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเวียดนามเหนือ ในช่วงทศวรรษที่ 60-70 และได้อพยพลี้ภัยเข้ามาตั้งถิ่นฐานยังสหรัฐฯ หลังชัยชนะของฝ่ายคอมมิวนิสต์ปะเทดลาวในปี 1975


วัง เปา และ “แนวโฮม” หรือแนวร่วมอีก 8 คน ซึ่งเป็นสมาชิกชุมชนชาวม้งย่านเซ็นทรัล วัลเลย์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย รวมทั้ง พันโทแฮร์ริสัน อุลริก แจ็ก อดีตนายทหารฝ่ายวางแผนยุทธการ ประจำกองกำลังป้องกันประเทศของรัฐแคลิฟอร์เนีย (The California National Guard) วัย 60 ปี ที่ปลดเกษียณมากว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งเคยเข้าไปปฏิบัติภารกิจลับในลาวยุคสงครามเวียดนาม และมีความสนิทชิดเชื้อกับชาวม้งในรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นอย่างดี โดยเป็นผู้จัดตั้งองค์กรช่วยเหลือฉุกเฉินชาวม้ง (The Hmong Emergency Relief Organization) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ที่ให้การช่วยเหลือแก่ชุมชนชาวม้งในสหรัฐฯ กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ถูกเจ้าหน้าที่ของสำนักงานควบคุมแอลกอฮอล์ ยาสูบ และอาวุธปืนสหรัฐฯ (US Bureau of Alcohol, Tobacco, Firearms and Explosives : ATF) ซึ่งเฝ้าติดตามพฤติการณ์มานานกว่า 6 เดือน ก่อนที่จะเข้าจับกุมเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2007


อัยการเมืองซาคราเมนโต รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ยื่นฟ้องผู้ต้องหาเหล่านี้ต่อศาลฐานกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายสหรัฐฯหลายข้อหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกฎหมายสถานภาพเป็นกลางซึ่งห้ามคนในสหรัฐฯ ส่งอาวุธสงครามออกไปเพื่อโค่นล้มรัฐบาลอื่น โดยอัยการระบุว่า วัง เปา กับพวก ได้ระดมเงินซึ่งส่วนใหญ่มาจากชาวม้งอพยพทั่วสหรัฐฯ เพื่อจัดซื้ออาวุธและวัตถุระเบิดหลายร้อยรายการ มูลค่ากว่า 9.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และขนผ่านไทยไปยังลาวเพื่อนำไปใช้ในการโค่นล้มรัฐบาลลาว ภายใต้แผนปฏิบัติการที่เรียกว่า “แผนปฏิบัติการข้าวโพดคั่ว” (Operation Popcorn) โดยใช้เงินเพื่อการนี้กว่า 28 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มีการส่งสายลับเข้าไปในลาวเพื่อประเมินและกำหนดเป้าหมายโจมตี ซึ่งมีทั้งการเข้ายึดสนามบินเวียงจันทน์ ปิดกั้นเส้นทางเข้า-ออกประเทศ และทำลายอาคารที่ทำการรัฐบาลลาวทำนองเดียวกันกับการวินาศกรรมตึกเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์ในนครนิวยอร์ก เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001 และยังอ้างว่าซีไอเอพร้อมจะให้การช่วยเหลือการก่อการรัฐประหารครั้งนี้ทันทีที่เริ่มปฏิบัติการ


นายพล วัง เปา ถูกตั้งข้อหาว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการวางแผนเพื่อโค่นล้มรัฐบาลลาว พันโทแฮร์ริสัน อุลริก แจ็ก ถูกตั้งข้อหาว่าเป็นนายหน้าและจัดซื้ออาวุธ ส่วนผู้ต้องหาอีก 7 คน ถูกดำเนินคดีในข้อหาละเมิดรัฐบัญญัติว่าด้วยสถานะความเป็นกลางของสหรัฐฯ ซึ่งหากศาลตัดสินว่า วัง เปา และพวกมีความผิดจริง ทั้งหมดอาจถูกลงโทษจำคุกตลอดชีวิต


สำหรับความเป็นมาของนายพล วัง เปา นั้น เขาเกิดเมื่อปี 1931 ที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในแขวงเซียงขวาง เป็นลูกชายคนกลางในครอบครัวชาวม้งตระกูล"วัง" ซึ่งเป็นตระกูลเล็กๆ ที่ปลูกข้าวและทำไร่ฝิ่น เมื่ออายุ 14 ปี วังเปาเป็นคนเดินสารช่วยเหลือทหารฝรั่งเศส ที่ซ่อนตัวอยู่ขณะที่กองทัพญี่ปุ่นเข้ายึดครองลาวในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้เรียนรู้การรบแบบกองโจร จากการเข้าร่วมกับกองทหารชาวเขาของโทบี้ ลายฟอง ผู้นำชาวม้งในเวลานั้น เนื่องจากกองทหารลาวสมัยที่อยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศสนั้น ในแต่ละกองร้อย ฝรั่งเศสจะแยกชนเผ่าต่างๆ ไว้เป็นหมวดๆ หรือเป็นกองร้อย เช่น กองร้อยม้ง เพื่อความสะดวกในการปกครองและแบ่งแยกแต่ละชาติพันธุ์ให้แข่งขันกันเอง


หลังจากสงครามสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง วัง เปาได้เข้าเป็นตำรวจ และเป็นชาวลาวสูงคนเดียวในหมู่ลาวลุ่ม ขณะที่เข้าเรียนโรงเรียนตำรวจที่แขวงหลวงพระบาง วัง เปา สามารถจบการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจโดยได้คะแนนเป็นอันดับ 1 และกลับไปประจำที่บ้านเกิดในแขวงเซียงขวางในปี 1950 ต่อมาได้รับการปูนบำเหน็จจากผู้บัญชาการชาวฝรั่งเศส ให้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนนายทหารจากผลงานการปราบปรามพวกเวียดมินห์ หลังจบการศึกษาจากโรงเรียนนายทหาร วัง เปาได้ย้ายไปเป็นทหารภายใต้บังคับบัญชาของพันเอกโรเจอร์ แตรงกุยเก นายทหารฝรั่งเศสซึ่งร่วมมือกับโทบี้ ลายฟอง และผู้นำชาวเขาอื่นๆ ในการค้าฝิ่นดิบโดยส่งขายให้แก่โรงยาฝิ่นในไซ่ง่อน แต่เมื่อพวกเวียดมินห์รุกเข้าสู่หลวงพระบาง ผู้บัญชาการทหารฝรั่งเศสจึงออกคำสั่งยุบหน่วยและหนีไปพร้อมกับทหารชาวเขา และก่อนที่ฝรั่งเศสจะประสบความพ่ายแพ้ที่เดียนเบียนฟูในปี 1954 นั้น วัง เปาได้รับคำสั่งให้นำกำลังเข้าก่อกวนแนวหลังของเวียดมินห์ หลังจากที่ฝรั่งเศสถอนทหารจากอินโดจีนแล้ว วัง เปาได้เข้าร่วมกับกองทัพแห่งชาติโดยได้เลื่อนยศเป็นร้อยเอกและพันตรีตามลำดับ และกลายเป็นชาวม้งคนแรกที่ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนายพลในกองทัพของราชอาณาจักรลาวในเวลาต่อมา

ความหวาดเกรงการขยายตัวของลัทธิคอมมิวนิสต์ตามทฤษฎีโดมิโน ทำให้สหรัฐฯได้เข้ามาแทรกแซงการเมืองภายในลาว โดยการให้ความช่วยเหลือทางทหารในการทำสงครามลับหรือสงครามประกอบสงครามเวียดนาม (Sidewar of Vietnam War) ด้วยการสนับสนุนอาวุธและการฝึกทหารแก่ฝ่ายเวียงจันทน์หรือฝ่ายขวา ในการทำสงครามกับฝ่ายซ้ายหรือขบวนการคอมมิวนิสต์ปะเทดลาว (The Communist Pathet Lao) และจัดตั้งกองกำลังชนเผ่าม้งขึ้นภายใต้การบังคับบัญชาของวัง เปา โดย ซีไอเอ เป็นผู้รับผิดชอบ และ "ม้ง" ได้กลายเป็นกำลังรบหลักของลาวฝ่ายขวา มีที่ตั้งกองบัญชาการอยู่ที่เมืองล่องแจ้ง ระหว่างนั้นวัง เปา ถูกกล่าวหาว่าเขาไปมีส่วนร่วมในการค้าเฮโรอีน โดยมีโรงงานผลิตอยู่ที่ล่องแจ้งและลักลอบขนส่งโดยใช้สายการบินแอร์อเมริกา (Air America) ของ ซีไอเอ


หลังปี 1964 สถานการณ์สงครามในลาวตึงเครียดมากขึ้น ในที่สุดกองกำลังชาวม้งของวัง เปา ก็ไม่สามารถต้านทานกำลังของขบวนการปะเทดลาว ที่ได้รับการสนับสนุนจากเวียดนามเหนือซึ่งสามารถยึดพื้นที่สำคัญๆไว้ได้ จนในวันที่ 7 พฤษภาคม 1975 ขบวนการปะเทดลาวสามารถบุกเข้ายึดศาลาพูคูนที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญระหว่างเวียงจันทน์กับหลวงพระบางได้ ทำให้เมืองล่องแจ้งถูกโดดเดี่ยวและตัดขาดจากเวียงจันทน์ ในที่สุดวัง เปา ก็ต้องหนีตายเข้ามายังประเทศไทยก่อนอพยพไปตั้งรกรากยังสหรัฐฯในท้ายที่สุด ขณะที่กองกำลังชาวม้งของวัง เปา ต้องแตกพ่ายหนีเข้าป่าเขากระจัดกระจายอยู่ในลาว บางส่วนหนีตายเข้ามายังไทย ขณะที่บางส่วนถูกทอดทิ้งให้เผชิญชะตากรรมจากการปราบปรามอย่างรุนแรงของรัฐบาลลาว


แม้ว่าวัง เปา จะใช้ชีวิตอยู่ในสหรัฐฯ แต่เขาก็ยังคงดำรงบทบาทในการเป็นผู้นำของกลุ่มต่อต้านรัฐบาลลาว ซึ่งเป็นกองกำลังชาวม้งติดอาวุธที่ส่วนใหญ่เป็นลูกหลานหรือเป็นอดีตทหาร ในกองกำลังของเขาที่ซีไอเอจัดตั้งขึ้น โดยการสนับสนุนการเงินและอาวุธยุทโธปกรณ์ เพื่อให้สามารถเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลลาวได้อย่างต่อเนื่อง เช่นในปี 1999 ชาวอเมริกันเชื้อสายม้ง 2 คน คือ ไมเคิล วัง หลานชายของวัง เปา และนายหัว ลี ซึ่งทั้งสองเคยเป็นนักรบในกองกำลังของวัง เปา เมื่อ 30 กว่าปีที่ผ่านมา ได้ลักลอบ ข้ามจากไทยไปยังลาวอย่างผิดกฎหมาย โดยมีเป้าหมายนำอาวุธและเงินจำนวน 79,000 เหรียญสหรัฐฯ ไปส่งมอบให้แก่กองกำลังชาวม้ง และบุคคลทั้งสองได้หายสาบสูญไปในแขวงบ่อแก้ว โดยเชื่อกันว่าพวกเขาได้เสียชีวิตไปก่อนที่จะปฏิบัติภารกิจสำเร็จ

ในปี 2006 วัง เปา ยังเข้าไปมีส่วนพัวพันกับการเนรเทศชาวอเมริกัน 3 คน คือ นายเอ็ดเวิร์ด จอห์น เซนเดรย์ นางจอร์จี้ มอดี เซนเดรย์ และนาย เยียซัง ยัง ออกนอกประเทศ ด้วยข้อหาแทรกแซงกิจการภายในของลาว โดยการปลุกปั่นและสร้างความเข้าใจผิดระหว่างอำนาจปกครองกับประชาชนในท้องถิ่นตลอดจนบิดเบือนความจริง จากการเข้าไปสังเกตการณ์ที่คนเหล่านี้เรียกว่าการเข้ามอบตัวของฝ่ายต่อต้านที่แขวงเซียงขวาง เพื่อให้เห็นว่าฝ่ายต่อต้านได้รับความปลอดภัย ซึ่งรัฐบาลลาวเห็นว่าเป็นการบิดเบือนและสร้างความเข้าใจผิดๆ เนื่องจากเป็นการเคลื่อนย้ายภูมิลำเนาของประชาชนเพื่อรวมหมู่บ้านเข้าด้วยกันตามแผนขจัดความยากจน ซึ่งมีชาวม้งจำนวน 9 ครอบครัว รวมอยู่ด้วย ที่พร้อมใจยุติการทำไร่เลื่อนลอยและอพยพลงจากพื้นที่สูงไปรวมกับหมู่บ้านในเขตพื้นราบ หลังการรณรงค์เพื่อยุติการทำลายป่าและแก้ไขปัญหาความยากจน ทั้งหมดได้เข้าร่วมพิธีต้อนรับที่จัดขึ้นอย่างเป็นทางการที่เมืองพูกูด แขวงเซียงขวาง ซึ่งมีเจ้าแขวงเซียงขวางเป็นประธานในพิธี โดยนายเอ็ดเวิร์ด จอห์น เซนเดรย์ อดีตทหารเรืออเมริกันวัย 62 ปี ที่เคยประจำการในอ่าวตังเกี๋ยเมื่อครั้งสงครามเวียดนาม อ้างว่าเขาได้รับเงินทุนในการเดินไปลาวครั้งนี้จากวัง เปา และยังได้นำโทรศัพท์ระบบดาวเทียมเข้าไปช่วยวางเครือข่ายการสื่อสารให้แก่กองกำลังของชาวม้งอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม ท่าทีของวัง เปา ในระยะหลังได้เปลี่ยนแปลงไปจากการใช้กำลังมาเป็นแนวทางสันติวิธี เห็นได้ชัดจากการที่ก่อนหน้าวุฒิสภาของสหรัฐฯ จะผ่านกฎหมายสถานะความสัมพันธ์ทางการค้าแบบปกติ (Normal Trade Relation : NTR) แก่ลาวในปี 2004 ท่ามกลางกระแสการประท้วงและคัดค้านของชาวม้งในสหรัฐฯ ในการให้สถานะความสัมพันธ์ทางการค้าแบบปกติแก่ลาว โดยเชื่อว่าหากรัฐบาลลาวได้รับสถานะความสัมพันธ์ดังกล่าว ก็จะนำเงินไปซื้ออาวุธและสารเคมีที่นำมาใช้สังหารกลุ่มต่อต้านรัฐบาลลาว แต่วัง เปา กลับประกาศว่าเขายินดีจะสนับสนุนการให้สถานะความสัมพันธ์ทางการค้าแบบปกติดังกล่าว หากว่ารัฐบาลลาวยอมแก้ไขปัญหาการละเมิดและคุกคามสิทธิมนุษยชน สะท้อนให้เห็นถึงการยอมรับสภาพของกลุ่มต่อต้านที่นับวันจะอ่อนแอลง

ผลจากการจับกุมนายพล วัง เปา ยังผลให้เกิดพฤติกรรมที่แสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีของชาวม้งที่มีต่อเขา จากการรวมตัวประท้วงหน้าศาลเมืองซาคราเมนโต เพื่อเรียกร้องให้ทางการสหรัฐฯ ปล่อยตัวเขา และต้องการทราบเหตุผลในการจับกุมชายผู้ซึ่งเป็นมิตรที่ดีที่สุดของสหรัฐฯ ซึ่งเคยช่วยเหลือนักบินสหรัฐฯ ที่เครื่องบินถูกยิงตกเป็นจำนวนมาก และรู้สึกเหมือนถูกสหรัฐฯทรยศหักหลังทอดทิ้งให้ต่อสู้อยู่แต่เพียงลำพังเท่านั้น อารมณ์และความรู้สึกดังกล่าวเห็นได้ชัดในหมู่ชาวม้งอพยพสูงอายุ ที่บอกว่าตัวเขาและชาวม้งคนอื่นๆ จงรักภักดีต่อรัฐบาลสหรัฐฯเสมอมา ตั้งแต่ครั้งยังเป็นทหารหนุ่มในกองกำลังชาวม้งที่ซีไอเอให้การสนับสนุน ขณะที่ชาวม้งรุ่นหนุ่มสาวกลับเห็นว่า การที่วังเปาและพวกโดนจับกุมควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของศาลที่จะตัดสินความผิด คนรุ่นพ่อรุ่นแม่ของพวกเขาอาจจะยังฝันที่จะกลับไปลาว แต่สำหรับพวกเขาแล้วถือว่าตนเป็นคนอเมริกา และอเมริกาเป็นบ้านใหม่ ทั้งยัง ไม่มีความคิดที่จะกลับไปลาว และหากจะกลับไปก็คงไม่ใช้ความรุนแรง แต่จะกลับไปเปลี่ยนแปลงด้วยการไปลงทุนทำธุรกิจ

นายโทมัส เฮฟเฟลฟิงเกอร์ ทนายความของวัง เปา กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิด เพราะนับตั้งแต่ลี้ภัยเข้ามาอยู่ในสหรัฐฯ วัง เปา ไม่เคยละความพยายามในการให้ความรู้เรื่องประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนแก่ชาวม้งอพยพหลายแสนคน และทำงานอย่างหนักเพื่อหาทางคลี่คลายปัญหาในลาวด้วยแนวทางสันติ ทั้งยังเป็นผู้ที่ต่อต้านความรุนแรงทุกรูปแบบ โดยนายจอร์จ ราดาโนวิค สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรพรรครีพับลิกันรัฐแคลิฟอร์เนียกล่าวว่า วัง เปา ได้อุทิศตนให้ชาวม้ง และชาวลาวในรัฐแคลิฟอร์เนียมากมายเกินกว่าจะประเมินค่าได้ ขณะที่นายฟิล สมิธ อดีตเจ้าหน้าที่สภาคองเกรส ซึ่งเคยเป็นผู้แทนของวัง เปา ในวอชิงตันกล่าวว่า นักการเมืองสหรัฐฯมองว่าวัง เปา เป็นบุคคลสำคัญที่ต้องรับฟัง และเขาคือวีรบุรุษ ในทางตรงกันข้ามผู้พิพากษาศาลเมืองซาคราเมนโตกลับไม่อนุญาตให้วัง เปา และพวก ได้รับการประกันตัว แม้อายุจะมากและมีสุขภาพไม่ดีก็ตาม เนื่องจากเห็นว่าเขาเป็นบุคคลอันตราย และการปล่อยตัวเขาถือว่าเป็นความเสี่ยงอย่างมาก

แม้วัง เปา จะเป็นบุคคลที่ได้รับความเคารพนับถือจากชาวม้งนับแสนคนที่อพยพมาอยู่ในสหรัฐฯ จากการให้ความช่วยเหลือแก่ชาวม้งอพยพที่เข้ามาตั้งรกรากใหม่ แต่วัง เปา ก็เป็นปัญหาที่ก่อให้เกิดการถกเถียงกันในหลายๆกรณี เช่น ปัญหาการตั้งชื่อโรงเรียนชั้นประถมแห่งใหม่ในรัฐวิสคอนซินในชื่อ “วัง เปา” ซึ่งหลายฝ่ายไม่เห็นด้วยกับการที่นำเอาชื่อของคนที่มีประวัติการใช้กำลังหรือความรุนแรงมาเป็นชื่อโรงเรียน เช่นเดียวกับการไม่ให้ตั้งชื่อสวนสาธารณะชื่อ “วังเปา” ในรัฐวิสคอนซิน หลังจากที่อาจารย์มหาวิทยาลัยวิสคอนซิน-แมดิสัน ระบุว่า วัง เปา เคยตัดสินประหารชีวิตเพื่อนร่วมกองทัพ ประหารชีวิตเชลยสงครามและศัตรูทางการเมืองของตน

สำหรับรัฐบาลลาวแล้ว วัง เปา เป็นเพียง “ปะติกานลาวโพ้นทะเล” ที่ถูกศาลประชาชนสูงสุดของลาวตัดสินให้ประหารชีวิตในข้อหา “กบฏชาติ” ตั้งแต่ปี 1975 และเห็นว่าการที่จะอธิบายอาชญากรรมที่ชายผู้นี้ได้กระทำลงไปต้องเขียนหนังสือเป็นเล่มๆ นับตั้งแต่การเป็นกบฏ เกณฑ์ผู้อายุไม่ถึงมาเป็นทหาร สังหารผู้คนนับพัน และลักลอบค้ายาเสพติด

ขณะที่ตัวละครในเวทีประวัติศาสตร์การเมืองลาวทั้งฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย ต่างพากันปิดฉากลาโรงจากการพ่ายแพ้สังขารและอายุขัยตามกฎของธรรมชาติ โดยเฉพาะการก้าวลงเวทีของพลเอกคำไต สีพันดอน อดีตเลขาธิการใหญ่และผู้นำพรรคประชาชนปฏิวัติลาวในปี 2006 หลังจากอยู่ในอำนาจมาอย่างยาวนาน แต่ “สงครามลับ” ของชายวัย 77 ผู้เป็นหนึ่งในตัวละครร่วมสมัยที่ชื่อว่า “วัง เปา” ยังคงไม่มีท่าทีว่าจะยุติลงแต่อย่างใด

----------------------------------------------

เอกสารอ้างอิง
“June 8 : Vang Pao got a warning long before his arrest,”
http://www.startribune.com/462/ story/1233159.html

“Tuesday: Vang Pao charged in Laos plot,”
http://www.startribune.com/484/story/1225057.html

“Madison, Wis., erases Vang Pao’s name from school,”
http://www.startribune.com/462/ story/1254790.html

Keywords : วัง เปา ม้ง กลุ่มต่อต้านรัฐบาลลาว อดิศร เสมแย้ม

www.thaiworld.org/th/include/answer_search.php?...id... -









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-09-20 (2587 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©