กำลังปรับปรุงครับ
จัดการสวนผลไม้ให้ได้ผล
"การปล่อยให้วัชพืชขึ้นปกคลุมพื้นที่"
การทำสวนไม้ผลด้วยวิธีเกษตรธรรมชาติมีชื่อเสียงมากในด้านการใช้ "พืชคลุมดิน" เกษตรธรรมชาติแนะนำเกษตรกรให้ปลูกข้าวไรย์หรือถั่วคลุมดินใต้ต้นไม้ผลเนื่องจากแมลงศัตรูพืชจะอาศัยบนวัชพืชมากกว่าการขึ้นมาอยู่บนต้นไม้ที่ปลูก และยังมีตัวห้ำของแมลงศัตรูพืชอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากด้วย
หญ้าคลุมดิน(หรือข้าวไรย์ ถั่วคลุมดิน) จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นและให้ร่มเงาแก่ดินเป็นที่อยู่อาศัยของจุลินทรีย์และสัตว์ขนาดเล็ก ทั้งยังช่วยให้อากาศแทรกซึมผ่านสู่ชั้นดินลึก ๆ ได้ง่าย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและยังช่วยตรึงธาตุอาหารเพิ่มให้แก่ดิน
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วควรจะเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ววัชพืชหลายชนิดเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และยังให้ธาตุอาหารเพิ่มเติมแก่ดิน วัชพืชทุกชนิดไม่ใช่สิ่งที่ไร้ค่าเพราะฉะนั้นจึงควรเลือกใช้และจัดการให้เกิดประโยชน์สำหรับสวนผลไม้แทนที่จะกำจัดทิ้งทั้งหมด
"การย้ายปลูก และการรองพื้นหลุมปลูก"
โดยปกติแล้วไม้ผลจะมีอายุยืนได้ถึง 30-80 ปี ดังนั้นจึงควรมีการเตรียมการจัดการในระยะยาวอย่างเหมาะสม และต้องใช้ปัจจัยการผลิตที่เหมาะสมด้วย
อันดับแรกที่ต้องคำนึงในการย้ายต้นกล้า คือ
- ไม่ควรขุดหลุมใหญ่และใส่ปุ๋ยคอกรองก้นหลุม ควรขุดหลุมเป็นทรงพีระมิดไม่ต้องลึกมาก ต้นกล้าที่จะย้ายปลูกควรให้มีดินเดิมติดมาด้วย
- ควรแช่ต้นกล้าในสารละลายที่ใช้บำรุงเมล็ด และบำรุงต้นกล้าก่อนย้ายปลูก
- ไม่ควรใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกรองพื้นก้นหลุมปลูก แต่ควรจะหว่านปุ๋ยไว้บนหน้าผิวดิน ซึ่งจะทำให้ตรงตามทฤษฎีของดินที่เป็นธรรมชาติ ก็คือหน้าดินจะมีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าดินชั้นล่าง
"ปัญหาการจัดการปุ๋ยที่พบในการทำการเกษตรแผนปัจจุบัน"
ประเทศที่อยู่ในเขตหนาวหรือเขตอบอุ่น เช่น เกาหลี การทำการเกษตรทั่วไปจะให้ไนโตรเจนปลายฤดูใบไม้ร่วงและต้นฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง เพราะช่วงเวลาดังกล่าวต้นไม้จะอยู่ในระยะพักตัว รากจะทำงานค่อนข้างช้า รากจะดูดซับไนโตรเจนในช่วงแรกที่มีการใส่ปุ๋ย แต่จะไม่เป็นประโยชน์เมื่อพืชต้องการ
นอกจากนี้การทำการเกษตรทั่วไป จะให้ธาตุไนโตรเจน (30% ของปริมาณที่ให้กับพืชทั้งหมด) จากปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงแรกของระยะการเปลี่ยนวัยของพืช
การเพิ่มปริมาณสะสมของคาร์โบไฮเดรต (คาร์บอน) และการลดปริมาณธาตุไนโตรเจน จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะถ้าต้นไม้ออกดอกและผสมเกสรในสภาพที่มีไนโตรเจนมากผลอาจร่วง หรืออาจมีรูปร่างบิดเบี้ยวผิดปกติได้ การให้ธาตุไนโตรเจนและโพแทสเซียมในระหว่างที่ผลไม้เจริญเติบโต จึงไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้อง
"เข้าใจหลักการของวัฏจักรธาตุอาหารพืช"
ถ้าให้ไนโตรเจนในระหว่างกระบวนการเกิดสีของผล จะทำให้ผลไม้มีรสเปรี้ยว เพราะระหว่างการพัฒนาสีของพืชจะมีการเคลื่อนย้ายคาร์โบไฮเดรตจากใบหรือกิ่งไปสะสมยังผล การทำเกษตรธรรมชาติไม่ได้ประเมินค่าความสำคัญของไนโตรเจนน้อยลง แต่ควรทำความเข้าใจที่จะใช้มันอย่างเหมาะสม
ไนโตรเจนควรให้ในระยะแรกเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตทางด้านลำต้น แต่ระยะการสร้างดอกและผลก็ควรให้ธาตุฟอสฟอรัสเพิ่มเติม และระหว่างที่ผลไม้กำลังมีการเจริญเติบโต ก็ควรให้ธาตุแคลเซียมและธาตุโพแทสเซียมเพิ่มเติมด้วย
4/8/2553
http://www.chiangmainews.co.th/read.php?id=19392
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.