-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 341 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

เทคโนฯ เกษตร





กำลังปรับปรุงครับ


จัดการสวนผลไม้ให้ได้ผล



"การปล่อยให้วัชพืชขึ้นปกคลุมพื้นที่"
การทำสวนไม้ผลด้วยวิธีเกษตรธรรมชาติมีชื่อเสียงมากในด้านการใช้ "พืชคลุมดิน" เกษตรธรรมชาติแนะนำเกษตรกรให้ปลูกข้าวไรย์หรือถั่วคลุมดินใต้ต้นไม้ผลเนื่องจากแมลงศัตรูพืชจะอาศัยบนวัชพืชมากกว่าการขึ้นมาอยู่บนต้นไม้ที่ปลูก และยังมีตัวห้ำของแมลงศัตรูพืชอาศัยอยู่เป็นจำนวนมากด้วย

หญ้าคลุมดิน(หรือข้าวไรย์ ถั่วคลุมดิน) จะช่วยรักษาความชุ่มชื้นและให้ร่มเงาแก่ดินเป็นที่อยู่อาศัยของจุลินทรีย์และสัตว์ขนาดเล็ก ทั้งยังช่วยให้อากาศแทรกซึมผ่านสู่ชั้นดินลึก ๆ ได้ง่าย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันการชะล้างพังทลายของดินและยังช่วยตรึงธาตุอาหารเพิ่มให้แก่ดิน

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วควรจะเปลี่ยนแปลงวิธีการใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชหรือไม่ ทั้ง ๆ ที่จริงแล้ววัชพืชหลายชนิดเป็นสิ่งที่มีประโยชน์และยังให้ธาตุอาหารเพิ่มเติมแก่ดิน วัชพืชทุกชนิดไม่ใช่สิ่งที่ไร้ค่าเพราะฉะนั้นจึงควรเลือกใช้และจัดการให้เกิดประโยชน์สำหรับสวนผลไม้แทนที่จะกำจัดทิ้งทั้งหมด

"การย้ายปลูก และการรองพื้นหลุมปลูก"
โดยปกติแล้วไม้ผลจะมีอายุยืนได้ถึง 30-80 ปี ดังนั้นจึงควรมีการเตรียมการจัดการในระยะยาวอย่างเหมาะสม และต้องใช้ปัจจัยการผลิตที่เหมาะสมด้วย

อันดับแรกที่ต้องคำนึงในการย้ายต้นกล้า คือ
- ไม่ควรขุดหลุมใหญ่และใส่ปุ๋ยคอกรองก้นหลุม ควรขุดหลุมเป็นทรงพีระมิดไม่ต้องลึกมาก ต้นกล้าที่จะย้ายปลูกควรให้มีดินเดิมติดมาด้วย

- ควรแช่ต้นกล้าในสารละลายที่ใช้บำรุงเมล็ด และบำรุงต้นกล้าก่อนย้ายปลูก

- ไม่ควรใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกรองพื้นก้นหลุมปลูก แต่ควรจะหว่านปุ๋ยไว้บนหน้าผิวดิน ซึ่งจะทำให้ตรงตามทฤษฎีของดินที่เป็นธรรมชาติ ก็คือหน้าดินจะมีความอุดมสมบูรณ์มากกว่าดินชั้นล่าง


"ปัญหาการจัดการปุ๋ยที่พบในการทำการเกษตรแผนปัจจุบัน"
ประเทศที่อยู่ในเขตหนาวหรือเขตอบอุ่น เช่น เกาหลี การทำการเกษตรทั่วไปจะให้ไนโตรเจนปลายฤดูใบไม้ร่วงและต้นฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง เพราะช่วงเวลาดังกล่าวต้นไม้จะอยู่ในระยะพักตัว รากจะทำงานค่อนข้างช้า รากจะดูดซับไนโตรเจนในช่วงแรกที่มีการใส่ปุ๋ย แต่จะไม่เป็นประโยชน์เมื่อพืชต้องการ

นอกจากนี้การทำการเกษตรทั่วไป จะให้ธาตุไนโตรเจน (30% ของปริมาณที่ให้กับพืชทั้งหมด) จากปลายเดือนมิถุนายนถึงต้นเดือนกรกฎาคม ซึ่งเป็นช่วงแรกของระยะการเปลี่ยนวัยของพืช

การเพิ่มปริมาณสะสมของคาร์โบไฮเดรต (คาร์บอน) และการลดปริมาณธาตุไนโตรเจน จึงเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะถ้าต้นไม้ออกดอกและผสมเกสรในสภาพที่มีไนโตรเจนมากผลอาจร่วง หรืออาจมีรูปร่างบิดเบี้ยวผิดปกติได้ การให้ธาตุไนโตรเจนและโพแทสเซียมในระหว่างที่ผลไม้เจริญเติบโต จึงไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้อง

"เข้าใจหลักการของวัฏจักรธาตุอาหารพืช"
ถ้าให้ไนโตรเจนในระหว่างกระบวนการเกิดสีของผล จะทำให้ผลไม้มีรสเปรี้ยว เพราะระหว่างการพัฒนาสีของพืชจะมีการเคลื่อนย้ายคาร์โบไฮเดรตจากใบหรือกิ่งไปสะสมยังผล การทำเกษตรธรรมชาติไม่ได้ประเมินค่าความสำคัญของไนโตรเจนน้อยลง แต่ควรทำความเข้าใจที่จะใช้มันอย่างเหมาะสม

ไนโตรเจนควรให้ในระยะแรกเพื่อส่งเสริมการเจริญเติบโตทางด้านลำต้น แต่ระยะการสร้างดอกและผลก็ควรให้ธาตุฟอสฟอรัสเพิ่มเติม และระหว่างที่ผลไม้กำลังมีการเจริญเติบโต ก็ควรให้ธาตุแคลเซียมและธาตุโพแทสเซียมเพิ่มเติมด้วย



4/8/2553


http://www.chiangmainews.co.th/read.php?id=19392









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-08-25 (590 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©