กำลังปรับปรุงครับ
หุ่นยนต์ช่วยเกษตร
หุ่นยนต์ต้นแบบเพื่อเกษตรกรรม, โรบ็อท ฟาร์มมิ่ง
กลุ่มบ่มเพาะนวัตกรรม ทีมเคยู อะโกรบ็อท (KU Agrobot) มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ สร้างผลงานนวัตกรรม “โรบ็อท ฟาร์มมิ่ง (Robot Farming) หุ่นยนต์ต้นแบบเพื่อเกษตรกรรมความแม่นยำสูง” คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 จากการประกวดแบรนด์ เจ็น (BrandsGen) ฉลาดคิดแบบคนรุ่นใหม่ ปี 3
ทีม เคยู อะโกรบ็อท ประกอบด้วย นิสิตภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล จำนวน 1 คน ได้แก่ นายพงษ์ศิริ เตี๋ยมนา และนิสิตภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า จำนวน 4 คน ได้แก่ นายอธิมาตร ติระนาถวิทยากุล นายภูชิต สุเสวนานนท์ นายปัญณะภาคย์ ธงวาส และ นายเพิ่มทรัพย์ สุขแสงจันทร์ โดยมี อาจารย์ปัญญา เหล่าอนันต์ธนา ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
ผู้พัฒนาหุ่นยนต์ต้นแบบเพื่อเกษตร กรรมความแม่นยำสูง บอกว่าหุ่นยนต์ต้นแบบนี้ ประกอบด้วยหุ่นยนต์ 2 ตัว ซึ่งทำงานประสานข้อมูลเชื่อมโยงกัน หุ่นยนต์ตัวแรก มีชื่อว่า หุ่นยนต์ปฐพี เป็นหุ่นยนต์ที่มีความสามารถในการขุดเจาะสำรวจหน้าดิน เก็บตัวอย่างความอุดมสมบูรณ์ของดิน ตามตำแหน่งพิกัดที่ได้จากจีพีเอส (GPS) และนำตัวอย่างดินที่เก็บได้มาวิเคราะห์หาค่าธาตุอาหาร ความเป็นกรดเป็นด่าง และความเค็มของดิน สามารถเสิร์ชฐานข้อมูลที่สำคัญต่าง ๆ อาทิ การใช้ธาตุอาหาร (ปุ๋ย) ที่เหมาะสมสำหรับพืชไร่แต่ละชนิด พื้นที่ปลูก ลักษณะดินที่เหมาะสม สภาพพื้นที่และภูมิอากาศ ณ ช่วงเวลานั้น รวมถึงความต้องการพืชผลของตลาด ซึ่งทั้งหมดถูกจัดเก็บฐานข้อมูลในรูปแบบแผนที่จีไอเอส (GIS) ที่มีค่าที่เป็นปัจจุบันเสมอ
ส่วนหุ่นยนต์ตัวที่ 2 คือ หุ่นยนต์วารี เป็นหุ่นยนต์ที่มีความสามารถในการชดเชยหรือซ่อมแซมให้ดิน
โดยหุ่นยนต์วารีจะให้ปุ๋ย ให้น้ำ หรือแก้สภาพความเป็นกรด-ด่างของดิน หรือแก้ความเค็มของดิน หรือการใช้ยาปราบศัตรูพืช-วัชพืช การใช้ฮอร์โมนเร่งผลผลิต โดยไม่ทำให้ดินเป็นกรดหรือเค็ม อันเนื่องมาจากการใส่ปุ๋ยที่มากเกินไป นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันแมลง ที่เกิดจากการใช้ปุ๋ยเกินความต้องการของพืชอีกด้วย
อาจารย์ปัญญา เหล่าอนันต์ธนา กล่าวเพิ่มเติมว่า หลักการใช้ปุ๋ยแบบนี้ใช้หลักการแบบ “ปุ๋ยสั่งตัด” ไม่ใช่ให้ปุ๋ยแบบเหมาโหล (คล้าย ๆ เสื้อสั่งตัดกับเสื้อโหล) ซึ่งจะเป็นการ ลดต้นทุนค่าปุ๋ยและไม่ทำให้ดินเสื่อม สภาพ เหมาะสำหรับการทำการเกษตรแบบ “เกษตรอุตสาหกรรม” ที่ไม่ทำ ลายสิ่งแวดล้อม
หลักการทำงานการให้ปุ๋ยในฟาร์มอัจฉริยะนี้จะทำด้วยความแม่นยำสูง เริ่มจากหุ่นยนต์ปฐพีจะเข้าไปเก็บตัวอย่างดินในไร่โดยมีพิกัดแผนที่การใช้ ดิน (Soil-Mapping) การเคลื่อนที่อาศัยการควบคุมระยะไกลไร้สายผ่านทางจอคอมพิวเตอร์ ดูเส้นทางผ่านระบบจีพีเอส และควบคุมส่วนต่าง ๆ ของหุ่นยนต์ จากนั้นนำไปส่งที่ห้องทดสอบชุดตรวจสภาพดิน ปุ๋ยสั่งตัดเพื่อทำการทดสอบตัวอย่างดินแล้วเชื่อมโยงฐานข้อมูลธาตุอาหาร (NPK) กับระบบจีไอเอส โดยข้อมูลจากห้องทดสอบจะบอกถึงค่า NPK ของดินแต่ละแปลง และจะถูกส่งข้อมูลไร้สายไปสู่หน้าจอคอมพิวเตอร์ของหุ่นยนต์ตัวที่ 2 คือหุ่นยนต์วารี เมื่อหุ่นยนต์วารีได้รับข้อมูลก็จะมีหน้าที่เดินเข้าไปฉีดปุ๋ย ตามข้อมูลที่ถูกส่งมาว่าดินแปลงนี้ต้องการค่า NPK เท่าไหร่
การพัฒนาปรับปรุงประสิทธิภาพของหุ่นยนต์ทั้ง 2 ตัวนี้ในอนาคตมุ่งที่จะทำให้หุ่นยนต์มีสมอง ที่เป็นอัจฉริยะ (AI) สามารถ ให้ปุ๋ยที่เป็นการผสมส่วนกันของปุ๋ยชนิดน้ำ ต่อไปจะพัฒนาให้เป็นปุ๋ยชนิดเม็ด ซึ่งมีราคาถูกกว่า และไม่ถูกชะล้างได้ง่ายด้วยน้ำฝน นอกจากนี้ยังสามารถผสมปุ๋ยเองได้ตามค่าธาตุอาหารที่ต้องการแบบหลากหลายในแต่ ละพิกัดของพื้นที่เพาะปลูก
รวมไปถึงหุ่นยนต์ในอนาคตจะต้องเดินเข้าไปสำรวจภายในไร่ด้วยตัวของมันเอง สามารถตรวจสอบและกำจัดวัชพืชต่าง ๆ ได้ โดยจะเป็นการบูรณาการโดยการนำ เทคโนโลยีขั้นสูงด้านวิศวกรรมและเกษตร กรรมมาพัฒนาร่วมกัน ก่อให้เกิดการพัฒนาเทคโนโลยีที่เป็นสิทธิบัตรของคนไทย และสามารถนำไปใช้ได้จริงเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรชาวนาชาวไร่ผู้เป็นกำลังสำคัญ ในการผลิตข้าวปลาอาหารเลี้ยงคนทั้งโลกได้อย่างภาคภูมิใจอีกด้วย.
ที่มา : www.dailynews.co.th
http://www.backtor.com/2010/11/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%95%E0%B8%A3/35255/
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.