-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 318 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

นาข้าว





กำลังปรับปรุงครับ


ข้าว: ยาวิเศษ เพื่อคนอุษาคเนย์



พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเคยทรงรับสั่ง เกี่ยวกับข้าวไว้ว่า "ข้าวกล้อง ที่ออกมามีลักษณะนี้เป็นข้าวที่มีประโยชน์ข้าวกล้องคนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยกินกัน เพราะเห็นว่าเป็นข้าวของคนจน ข้าวกล้องมีประโยชน์ ทาให้ร่างกายแข็งแรง ข้าวขาวเม็ดสวย แต่เขาเอาดีออกไปหมดแล้ว มีคนบอกว่าคนจนกินข้าวกล้องเรากินข้าวกล้องทุกวันเรานี่เป็นคนจน" ...." ถ้าเรากินข้าวกล้องทุกวัน เราก็จะกลายเป็นคนรวยสุขภาพ รวยทรัพย์สิน เพราะไม่ต้องเสียเงิน ไปกับการซื้อวิตามิน ไม่ต้องเสียค่ายารักษา ไม่ต้องไปหาหมอ เพราะไม่ได้เจ็บป่วยง่ายๆ ซึ่งคนในปัจจุบันหันมารับประทานข้าวกล้อง กันมากขึ้น" ข้าวกล้องมีความสาคัญมากมายเช่น ข้าวเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ต้องค่อยๆ เคี้ยว พอรับประทานไปได้ 2-3 ช้อนผู้บริโภคจะยัง ไม่ค่อยรู้สึกว่าได้พลังงาน ต่างจากน้าหวานดื่มแล้วรู้สึกสดชื่นทันที เพราะน้าตาลเข้าไปสู่กระแสเลือดได้โดยตรง แต่กระบวนการ รับประทานข้าวจะค่อยเป็นค่อยไป เพราะเป็นโมเลกุลในรูปของแป้ง ระบบของร่างกายจะค่อยๆ ตัดเป็นท่อนเล็กๆ จนกลายเป็น กลูโคส และนาไปใช้

รูปจาก http://th.wikipedia.org/wiki/



ข้าวมีวิตามินและแร่ธาตุกว่า 20 ชนิด อาทิ
- วิตามินบีรวม ช่วยป้องกันและบรรเทาอาการอ่อนเพลียแขนขาไม่มีแรง ปวดกล้ามเนื้อ โรคผิวหนังบางชนิด บารุงสมอง ทาให้เจริญอาหาร

- วิตาบินบี 1 มีมากในข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ ข้าวนึ่งก่อนสี ช่วยป้องกันโรคเหน็บชาได้
-
วิตามินบี 2 ช่วยป้องกันโรคปากนกกระจอก อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ตาไม่สู้แสง

- ฟอสฟอรัส ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูกและฟัน
-
แคลเซียม ช่วยลดอาการเป็นตะคริว

- ทองแดง ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด
-
ธาตุเหล็ก ช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง และช่วยในการล้างเม็ดเลือด

- ไขมัน (ชนิดดี) ให้พลังงาน
-
สารแกมมา ออริซานอล เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่พบสูงกว่าในวิตามินซีถึง 10 เท่า ช่วยชะลอความแก่

- ไฟเบอร์ ซึ่งน่าจะเป็นสารลดน้าหนัก ช่วยในการขับถ่าย ท้องไม่ผูก ลดการเกิดมะเร็งลาไส้กับมีสารบางตัวที่ยับยั้งการดูดซึมไขมันและน้าตาล
-
สารไนอาซิน ซึ่งจาเป็นสาหรับผิวหนัง ลิ้น การทางานของกระเพาะอาหารและลาไส้ คนที่ขาดไนอาซินจะมีอาการความจาเสื่อม ผิวหนังหยาบอักเสบแดงง่าย

- สารโปรตีน ช่วยเสริมสร้างส่วนที่สึกหรอของร่างกาย


ประโยชน์ของข้าว อาหารหลักของชาวไทยมีมากมาย คุณประเสริฐ ภูมิสิงห์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าวเป็นยารักษาโรค ชมรมการแพทย์พื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานี ได้แนะนาองค์ความรู้ใหม่ที่ได้จากการนาข้าวมาเป็นยารักษาโรค ป่วยเมื่อไหร่ หยิบ 8 ตารับยาง่าย ๆ จากข้าวนี้ลองใช้เพื่อการบาบัดอาการกันดู


1.น้ำซำวข้ำว รักษำโรคพิษงูสวัด
ส่วนผสม น้าซาวข้าว 1 ถ้วย ใบเสลดพังพอน 10 ใบ

วิธีทา ล้างใบเสลดพังพอนให้สะอาด นามาตาให้ละเอียด จากนั้นนาไปผสมกับน้าซาวข้าวที่เตรียมไว้ เมื่อผสมยาจนเข้ากันแล้วจะมีลักษณะเป็นน้าข้นเหนียวสีเขียว ทิ้งไว้ให้แห้งก็นาไปทาได้เรื่อย ๆ สรรพคุณ ดูดพิษงูสวัด ถอนพิษจากสัตว์มีพิษ เช่น งู แมงมุม แมงป่อง ตะขาบ หรือแมงกัดต่อย นอกจากนี้ยังช่วยดูดพิษจากแผลอักเสบและพิษจากเห็ดได้อีกด้วย


2.ข้าวจี่ รักษาฝีหนอง ส่วนผสม ข้าวสุก 1 ปั้น น้าซาวข้าว 1 ถ้วย ใบลาโพง 10 ใบ

วิธีทา ล้างใบลาโพงให้สะอาด นามาตาให้ละเอียด จากนั้นนาข้าวสุกไปจี่ไฟให้ดา นามาตาพร้อมกับใส่ใบลาโพงที่เตรียมไว้ ผสมกับน้าซาวข้าว เมื่อผสมยาจนเข้ากันแล้ว ทิ้งไว้ให้แห้งก็นาไปใช้ได้เลย สรรพคุณ ใช้พอกบริเวณที่เป็นฝี ช่วยดูดพิษฝีหนอง นอกจากนี้ยังช่วยดูดพิษจากอีสุกอีใสได้อีกด้วย


3.น้าซาวข้าวผสมขิงรักษาผด ผื่นแดง และอาการคัน ส่วนผสม ขิงแก่สด 2 ถ้วย น้าซาวข้าว 1 ถ้วย

วิธีทา ล้างขิงให้สะอาด นามาตาให้ละเอียดโดยไม่ต้องขูดเปลือกทิ้ง จากนั้นนาไปผสมกับน้าซาวข้าวที่เตรียมไว้ เมื่อผสมยาจนเข้ากันแล้ว แล้วจะมีลักษณะเป็นน้าข้นสีเหลือง ทิ้งไว้สักครู่ก็นาไปทาได้เรื่อย ๆ สรรพคุณ ใช้ทาบริเวณที่เป็นผด ผื่นแดง ช่วยบรรเทาอาการคันได้ดี



4.น้าข้าวตังก้นหม้อ แก้ปัญหาอาหารไม่ย่อย ส่วนผสม ข้าวตังก้นหม้อ 1 ถ้วย น้ามะนาว 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทา หุงข้าวแบบเช็ดน้า นาข้าวตรงก้นหม้อที่สุกจนเกือบไหม้ติดก้นหม้อไปต้มให้เดือดแล้วลดไฟลง เคี่ยวด้วยไฟอ่อนประมาณ 3 นาที เติมน้ามะนาวลงไป ได้เป็นน้าข้าวตังเทน้าข้าวตังที่ได้ใส่หม้อหรือเหยือกน้า รินดื่มได้ตลอดวัน สรรพคุณ ใช้ดื่มแก้หิวกระหาย บารุงกาลังและช่วยกระตุ้นน้าย่อย แก้ปัญหาอาหารไม่ย่อยได้ดี



5.น้านมข้าว ช่วยฟื้นไข้ แก้อาการอ่อนเพลีย ส่วนผสม รวงข้าวอ่อน 1 กามือ น้าผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทา ล้างรวงข้าวอ่อนให้สะอาด นามาทุบให้บุบแล้วตัดเป็นท่อนสั้น ๆ ประมาณ 1 นิ้ว ต้มรวงข้าวกับน้าให้เดือดแล้วเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ ประมาณ 10 นาที ค่อย ๆ เติมน้าผึ้งลงไป ต้มต่ออีกสักครู่ แล้วเทน้านมข้าวใส่เหยือกน้า รินดื่มได้ตลอดวัน สรรพคุณ ดื่มแก้อ่อนเพลีย เหมาะสาหรับผู้ที่เพิ่งฟื้นไข้ ดื่มแล้วจะหายเร็ว หรือนาน้านมข้าวผสมกับนมวัว เป็นยาบารุงกาลังได้เช่นกัน

6.น้ารากข้าวเหนียว แก้ไอ ละลายเสมหะ ส่วนผสม รากข้าวเหนียวแห้ง 1 ถ้วย น้าผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทา ล้างรากข้าวเหนียวให้สะอาด นาไปตากแดดให้แห้งตัดเป็นท่อนสั้น ๆ ประมาณ 1 นิ้ว ต้มรากข้าวเหนียวแห้งกับน้าให้เดือด แล้วเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ ประมาณ 5 นาที ค่อย ๆ เติมน้าผึ้งลงไป ต้มต่ออีกสักครู่ จะได้น้ารากข้าวเหนียวที่มีรสชุ่มคอ จากนั้นเทน้ารากข้าวเหนียวใส่เหยือกน้า รินดื่มเวลาที่มีเสมหะ สรรพคุณ ดื่มแก้ไอ ละลายเสมหะ บรรเทาอาการเจ็บคอและช่วยกระตุ้นน้าลาย นอกจากนี้ยังช่วยแก้เหงื่อออกมากได้อีกด้วย

7.น้าข้าวกล้องกับใบฝรั่งรวมพลังแก้ท้องเสีย ท้องร่วง ส่วนผสม ข้าวกล้อง 1 ถ้วย ใบฝรั่ง 7 ใบ เกลือป่น 1 ช้อนชา น้า 1 ลิตร วิธีทา ล้างรากข้าวเหนียวให้สะอาด นามาต้มรวมกับข้าวกล้องพอน้าเดือดให้ลดไฟลง เคี่ยวไปเรื่อย ๆ จนน้าเหลือประมาณครึ่งหนึ่ง เติมเกลือลงไป กรองเอากากออก เก็บไว้แบ่งดื่ม เช้า กลางวัน เย็น จนกว่าจะหายท้องเสีย สรรพคุณ ดื่มแก้ท้องเสีย ท้องร่วง นอกจากนี้ยังช่วยกาจัดสารพิษที่ตกค้างอยู่ในลาไส้ได้อีกด้วย

8.ข้าวดอกมะขาม ขับเลือดลม แก้ประจาเดือนมาไม่ปกติ

ส่วนผสม ข้าวดอกมะขาม 1 ถ้วย น้า 1 ลิตร วิธีทา นาข้าวดอกมะขามมาทั้งรวง (มีสีเหลืองนวลคล้ายดอกมะขามและมีลายในเมล็ดข้าว) ทุบให้บุบแล้วตัดเป็นท่อนสั้น ๆ ประมาณ 1 นิ้ว ต้มข้าวดอกมะขามกับน้าให้เดือดเคี่ยวด้วยไฟอ่อน ๆ ประมาณ 20 นาที กรองเอากากออกจากนั้นเทน้าข้าวดอกมะขามใส่แก้ว ดื่มให้หมดในครั้งเดียว สรรพคุณ ช่วยบารุงเลือด ขับเลือดลมในผู้หญิงและแก้อาการประจาเดือนมาไม่ปกติ

หมายเหตุ : 1 ถ้วย = 240 ซีซี, 1 ช้อนโต๊ะ = 15 ซีซี



ซึ่งตารับยาดังกล่าว สอดคล้องกับ ตารายาวัดโพธิ์ ตาราจีน หรือตาราอินเดีย เคยเขียนว่า มีข้าวพันธุ์พิเศษ นามาไข้ เป็นยาได้ แต่มีลักษณะการใช้ที่ต่างกันออกไป เช่น


ข้าวงอก เป็นข้าวเปลือกที่แช่น้าไว้จนงอก หากนามาชงน้าร้อนดื่ม จะเป็นยาแก้ไข้ บารุงกาลัง


ข้าวเปลือก ข้าวใหม่ที่ยังมีนวลหรือคายติดอยู่ หากนามาต้มน้าดื่ม จะแก้กษัย


น้าข้าว ใช้บรรเทาอาการท้องร่วง แก้ปวดท้อง ขับปัสสาวะ


ข้าวตังก้นหม้อ นามาต้มน้าเป็นน้าข้าวตัง ใช้แก้หิวกระหาย บารุงกาลัง ช่วยย่อย กระตุ้นน้าย่อย


ข้าวตอก เป็นข้าวเปลือกที่คั่วจนเปลือกแตกหลุด เป็นยาเจริญธาตุ และใช้บารุงกาลัง


ข้าวเม่า เป็นข้าวที่ยังไม่แก่จัดเต็มที่ ก็เป็นยาเจริญธาตุและบารุงกาลัง


ข้าวบูด ข้าวสุกที่บูดแล้ว หากนาไปเคล้ากับน้าเล็กน้อยพอเหนียว ใช้เป็นยาพอกหัวฝี เพื่อแก้ปวด


ข้าวกระยาคู หรือข้าวยาคู เป็นข้าวที่นามาปรุงกับอาหารอื่นๆ เช่น ในสมัยพุทธกาล พระอานนท์ก็เคย

ปรุงข้าวกล้อง ถั่วเขียว และงาทาเป็นข้าวเหลวๆ ถวายพระพุทธเจ้า ตอนที่ท่านประชวรด้วยโรคลมในท้อง ดังนั้นข้าวกระยาคูจึงเหมาะสาหรับโรคเกี่ยวกับท้อง แก้หิวกระหาย ชูกาลัง และแก้อาการอ่อนเพลีย


ข้าวกล้อง โบราณนั้นถือว่าข้าวกล้องเป็นยา ใช้บารุงกาลัง บารุงเลือดเนื้อ และป้องกันโรคเหน็บชา


น้านมข้าว คือรวงข้าวที่กาลังเป็นน้านม บีบคั้นเอาแต่น้า นามากวนน้าตาลเล็กน้อย ใช้เป็นยาบารุงกาลังของผู้ป่วยหนัก หรือผู้ป่วยที่กาลังฟื้นไข้ บางตาราก็นามาผสมกับนมวัวและน้าตาล เป็นยาบารุงกาลัง


จากข้อมูลในตารายาวัดโพธิ์ สาหรับข้าวบางพันธุ์โดยตัวของมันเองก็เป็นยาด้วย เช่น

ข้าวดอกมะขาม ที่มีเนื้อข้าวเป็นสีดอกมะขามคือเหลืองนวลและมีลายในเมล็ดข้าว ถือเป็นยาบารุงเลือดเนื้อ ไขข้อ ป้องกันโรคเหน็บชา



ข้าวเหนียวกัญญา ที่มีใบดา เมล็ดสั้นเนื้อข้าวดา มีรสออกมันและขม เขาใช้เป็นยาบารุงโลหิต เป็นต้น

ข้าวหน่วยเขือ คือพันธุ์ข้าวพื้นบ้านภาคใต้ที่สถาบันวิจัยโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดลพบว่า มีสรรพคุณที่ถือว่าเป็นที่สุด คือ มีวิตามิน อี สูงกว่าข้าวทั่วไปถึง 22 เท่า รวมถึงธาตุเหล็กก็สูงกว่าด้วย



ข้าวหอมมะลิแดง ที่พบว่ามีคุณค่าทางโภชนาการล้นเหลือแล้ว ยังสามารถป้องกันโรคเบาหวานระยะ 2 ได้ด้วย เพราะจากการทดสอบการย่อยสลายตัวจากคาร์โบไฮเดรตมาเป็นกลูโคส จะใช้เวลานานกว่าข้าวทั่วไป ทาให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมกลูโคสในปริมาณมากเกินไป ซึ่งมีสรรพคุณในการป้องกันโรคเบาหวานได้



ข้าวหอมนิล เป็นข้าวที่ได้รับการคัดเลือกและพัฒนาจนได้ข้าวที่มีเมล็ดข้าวกล้องเรียวยาว สีม่วงเข้ม

ข้าวกล้องเมื่อหุงสุกจะนุ่ม เหนียว หอม ข้าวสารหุงสุกมีสีม่วงอ่อน นุ่ม และมีกลิ่นหอมเช่นกัน คุณสมบัติที่สาคัญของข้าวเจ้าหอมนิลคือ ข้าวกล้องมีโปรตีนสูงถึง 12.5 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณคาร์โบไฮเดรต 70 เปอร์เซ็นต์ ปริมาณ amylase 16 เปอร์เซ็นต์ และยังประกอบไปด้วยธาตุเหล็ก สังกะสี ทองแดง แคลเซียม และโพแทสเซียม ซึ่งสูงกว่าข้าวขาวดอกมะลิ



นอกจากนี้ลักษณะดีเด่นของข้าวเจ้าหอมมะลิที่พบนอกจากคุณค่าทางโภชนาการได้แก่ ทรงต้นเตี้ย แตกกอดี เมล็ดมีน้าหนักดี อายุสั้นเพียง 90 วัน ทาให้สามารถปลูกได้ถึง 3 ครั้งต่อปี ดังนั้นหากได้รับการจัดการที่เหมาะสมในการผลิตต่อปีสูงกว่าข้าวพันธุ์อื่น ๆ



ตารางที่ 1 คุณค่าทางโภชนาการของข้าวเจ้าหอมนิลเทียบกับข้าวขาวดอกมะลิ 105





http://wisdomthai.com/home/word/khaw.pdf









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-07-29 (917 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©