-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 296 บุคคลทั่วไป และ 1 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

นาข้าว





กำลังปรับปรุงครับ


ระบบนาประหยัดน้ำและปุ๋ย งานวิจัยที่ใช้ประโยชน์ได้จริง


นักวิจัย ม.อุบลฯ ทำการทดลองโครงการระบบนาประหยัดน้ำและปุ๋ย สามารถปลูกข้าวได้ในหน้าแล้งได้เป็นผลสำเร็จ พร้อมทั้งเร่งพัฒนาแปลงปลูกข้าวให้ได้ในพื้นที่ดินทรายอีกด้วย


ดร.ฉัตรภูมิ วิรัตนจันทร์ ประธานกรรมการบริหารหลักสูตรวิศวกรรมโยธา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ที่ได้เสนอผลงานวิจัยต้านภัยความแห้งแล้งต่อคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ กับโครงการระบบนาประหยัดน้ำและปุ๋ย โดยนำหลักการของการสร้างสระต้านภัยแล้ง ที่ทำชั้นกันซึมแบบเดียวกัน ในแปลงนาข้าวลึกจากผิวดิน 30-50 ซม. ทำให้น้ำและปุ๋ยไม่ซึมลงใต้ดิน ทำให้ใช้ระบบเกษตรอินทรีย์ ไม่ใช่ปุ๋ยเคมีได้ ทั้งยังสามารถเลี้ยงปลาได้ในแปลงนานั้น


จากปัญหาความแห้งแล้งของพื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อเข้าสู่หน้าแล้งเกษตรกรไม่สามารถทำการเกษตรได้ โดยเฉพาะการปลูกข้าวซึ่งเป็นอาชีพหลักของเกษตรกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือ นักวิจัยโดย ดร.ฉัตรภูมิ วิรัตนจันทร์ ได้คิดค้นวิธีที่จะช่วยเหลือเกษตรกรจากปัญหาดังกล่าว โดยได้ทดลองโครงการระบบนาประหยัดน้ำและปุ๋ยขึ้น ที่ฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริบ้านยางน้อย ในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ที่จะสามารถช่วยให้เกษตรกรในพื้นที่สามารถปลูกข้าวได้


ดร.ฉัตรภูมิกล่าวว่า จากการทดลองในแปลงพื้นที่ 1,000 ตารางเมตร ทำนามาแล้ว 3 ครั้ง สภาพพื้นที่ก็ยังไม่เสียหาย มีน้ำพอสำหรับทำนา เลี้ยงปลาและเลี้ยงเป็ด และเมื่อคำนวณต่อพื้นที่ 1 ไร่ในที่นาระบบประหยัดน้ำนี้จะมีรายได้จากผลผลิตข้าว ปลูกผัก และการเลี้ยงสัตว์ในแปลงนา ราว 1 ล้านบาท ต่อ 1 ไร่ ต่อ 1 รอบการเพาะปลูก


สำหรับระบบนาประหยัดน้ำดังกล่าว จะใช้หลักการชะลอการสูญเสียน้ำและสารอินทรีย์หรือปุ๋ยในนาข้าว ด้วยการสร้างชั้นกักขังน้ำไว้ในแปลงนาไม่ให้ซึมลงสู่พื้นดิน โดยขุดดินในนาข้าวลึก 50 เซนติเมตร แล้วสร้างชั้นกันน้ำด้วยแผ่นพลาสติกทั่วพื้นแปลงนา ซึ่งจะเก็บกักน้ำไว้ในนาข้าวได้จนข้าวออกรวง

ดร.ฉัตรภูมิกล่าวอีกว่า เมื่อเปรียบเทียบระหว่างกันซึมต่างชนิดกัน ราคาก่อสร้างปัจจัยหลักมาจากค่าขนส่ง แม้ดินเหนียวธรรมชาติราคาถูกแต่ต้องใช้ปริมาณมาก หากขนส่งไกลจะเพิ่มต้นทุนในการก่อสร้างอย่างมาก ในกรณีดังกล่าวการเลือกปรับปรุงดินนาเดิมด้วยดินเหนียวเบนโทไนต์จะเหมาะสมกว่าแม้แผ่นโพลิเมอร์ดูเหมือนเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ในทางปฏิบัติแผ่นโพลิเมอร์เมื่อต้องกำจัดย่อมไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสามารถเสียหายได้ง่ายต้องระมัดระวังอย่างมาก


ทั้งนี้แล้วสำหรับการทดลองโครงการดังกล่าว ที่มีการกักเก็บน้ำให้อยู่ในนาข้าวนั้นยังช่วยเก็บธาตุและสารอาหารที่จำเป็นให้ต้นข้าวอย่างเต็มที่ โดยไม่สูญเปล่าหรือเสื่อมสลายไปในดินเช่นการปลูกด้วยวิธีปกติ อีกทั้งเกษตรกรยังสามารถใช้แปลงนาข้าวที่มีน้ำขังเลี้ยงสัตว์น้ำเป็นรายได้เสริมให้เกษตรกรได้อีกด้วย


รายได้จากนาเดิมที่ขังน้ำไม่ได้ ทั้งไม่สามารถใช้ระบบเกษตรอินทรีย์เต็มรูปแบบจะมีรายได้น้อยกว่า 6,000 บาท/เดือน/ไร่/รอบการเพาะปลูก ซึ่งปลูกได้ 1 รอบเฉพาะนาปี โดยนาที่ขังน้ำได้จะสามารถใช้ระบบเกษตรอินทรีย์อะตอมมิคนาโนได้ อีกทั้งเลี้ยงสัตว์น้ำในนาและปลูกพืชผักในคันนาจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 2.2 หมื่นบาท ถึงมากกว่า 1 แสนบาท/ไร่/รอบการเพาะปลูก ซึ่งปลูกได้อย่างน้อย 2 รอบต่อปีหากมีแหล่งน้ำนอกฤดูฝน


โครงการระบบนาประหยัดน้ำและปุ๋ยดังกล่าว ตั้งอยู่ที่ฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ บ้านยางน้อย อ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ได้นำไปใช้งานจริงในภาคการเกษตรในชุมชนใกล้เคียง พร้อมเตรียมสนับสนุนขยายผลสู่พื้นที่ประสบภัยปัญหาทางการเกษตรในพื้นที่ภาคอีสานต่อไป




http://www.biothai.net/news/9006









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-07-29 (852 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©