|
ปัจจุบันพื้นที่การเกษตรกรรมของประเทศไทย มีระดับปริมาณอินทรียวัตถุในดินค่อนข้างต่ำมาก ประมาณ 1 เปอร์เซนต์ ซึ่งครอบคลุมพื้นที่ถึง 191 ล้านไร่ หรือคิดเป็น 60 เปอร์เซนต์ของพื้นที่ทั้งหมด เนื่องจากธาตุอาหารในดินจะสูญเสียไปอยู่ในส่วนของพืชเป็นปริมาณสูง |
|
จากการสำรวจวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร พบว่าในแต่ละปีมีปริมาณมากกว่า 29 ล้านตัน จากปริมาณวัสดุดังกล่าว เมื่อคำนวณเป็นปริมาณปุ๋ยไนโตรเจน ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียม 2.8,0.7 และ 5.9 แสนตัน คิดเป็นมูลค่า 1,930 , 2,741.4 และ 4,731.4 ล้านบาท ตามลำดับ รวมเป็นมูลค่าของปุ๋ยทั้งสิ้น 7,043 ล้านบาท ดังนั้น การนำส่วนของพืชออกไปจากพื้นที่การเกษตรแต่ละครั้ง จึงเท่ากับเป็นการสูญเสียอินทรียวัตถุ และธาตุอาหารในดินเป็นจำนวนมาก การไถกลบตอซังเป็นการปฏิบัติอีกวิธีหนึ่ง เพื่อเพิ่มอินทรียวัตถุให้กับดินได้โดยตรง ตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการพัฒนาระบบการเกษตรแบบยั่งยืน |
ความหมายของการไถกลบตอซัง
การไถกลบตอซัง หมายถึง การไถกลบวัสดุเศษซากพืชที่มีอยู่ในไร่นา หลังจากการเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยทำการไถกลบวัสดุเศษพืชในระหว่างการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกแล้วทิ้งไว้ระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้เกิดกระบวนการย่อยสลายในดิน ก่อนที่จะทำการปลูกพืชต่อไป |
ชนิดและปริมาณของวัสดุตอซัง
1.
|
วัสดุตอซังและฟางข้าวมีปริมาณมากถึง 26.9 ล้านตันต่อปี |
2.
|
วัสดุตอซังข้าวโพดมีปริมาณ 7.8 ล้านตันต่อปี |
3.
|
วัสดุตอซังและเศษใบอ้อยมีปริมาณ 2 ล้านตันต่อปี |
4.
|
วัสดุพืชไร่ชนิดอื่น มีปริมาณ 2.4 ล้านตันต่อปี ได้แก่ วัสดุเศษพืชตระกูลถั่ว และข้าวฟ่าง เป็นต้น |
|
วิธีการไถกลบตอซัง
1.
|
การไถกลบตอซังในพื้นที่ปลูกข้าว |
|
1.1
|
กรณีการปลูกข้าวเป็นพืชหลักชนิดเดียว ให้ทิ้งฟางข้าวและตอซังข้าวไว้ในแปลงนาเพื่อรักษาผิวหน้าดิน เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน ทำการเตรียมดิน พร้อมกับไถกลบตอซัง และฟางข้าว ทิ้งไว้เป็นเวลา 20 วัน เพื่อให้วัสดุตอซังย่อยสลายเสียก่อน จึงปล่อยน้ำเข้าสู่แปลงนาเพื่อเตรียมปลูกข้าวต่อไป |
|
|
1.2
|
การปลูกพืชไร่หลังนา หรือปลูกพืชหมุนเวียน ทำการไถกลบตอซังและฟางข้าวได้ทันที แล้วจึงปลูกพืชไร่ตามมา และเมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตพืชไร่แล้ว ให้ทิ้งตอซังไว้ เมื่อถึงฤดูทำนาจึงไถกลบวัสดุเหล่านี้ ทิ้งไว้ประมาณ 15 วัน ก่อนจะทำการปลูกข้าวต่อไป |
2. |
การไถกลบตอซังในพื้นที่ปลูกพืชไร่ และพืชผักในสภาพพื้นที่ดอน ซึ่งมีการปลูกพืชไร่ และพืชผักหลายชนิด ให้ทำการไถกลบ หรือสับกลบวัสดุตอซัง แต่ละครั้งก่อนทำการปลูกพืชใหม่ประมาณ 15 วัน |
|
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการย่อยสลายวัสดุตอซัง
1.
|
ชนิดของวัสดุ |
|
วัสดุที่ย่อยสลายยากได้แก่ ตอซังข้าว หรือฟางข้าวจะใช้ระยะเวลาการย่อยสลายประมาณ 20 วัน สำหรับวัสดุตอซังข้าวโพด และพืชตระกูลถั่ว จะใช้เวลาประมาณ 15 วัน |
2.
|
อุณหภูมิ |
|
อุณหภูมิในดินที่มีระดับสูงขึ้น จะมีผลทำให้วัสดุตอซังมีการย่อยสลายได้เร็วขึ้น |
3.
|
ความชื้น |
|
ดินที่มีปริมาณความชื้นพอเหมาะ จะทำให้เกิดการย่อยสลายวัสดุได้ดีขึ้น |
|
ประโยชน์ของการไถกลบตอซัง
1.
|
ปรับปรุงโครงสร้างของดินให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช |
|
|
ดินมีความโปร่งร่วนซุย อุ้มน้ำได้ดี และความหนาแน่นของดินลดลง |
2.
|
เพิ่มปริมาณอินทรียวัตถุ และหมุนเวียนธาตุอาหารพืชคืนสู่ดิน |
|
|
อินทรียวัตถุ จะดูดซับธาตุอาหารในดิน และปลดปล่อยออกมาอยู่ในรูปที่เป็นประโยชน์ต่อพืช และลดความเป็นพิษของเหล็กและแมงกานีสในดิน |
3.
|
เพิ่มปริมาณของจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดิน |
4.
|
ช่วยในการลดระดับความเค็มของดิน |
5.
|
รักษาระดับความเป็นกรดและด่างของดิน ให้เหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของพืช |
6.
|
เพิ่มผลผลิตให้กับพืช |
|
|
การไถกลบตอซังในพื้นที่เกษตรกรรมอย่างสม่ำเสมอ จะทำให้ผลผลิตพืชเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับพื้นที่เผาตอซัง |
7.
|
ลดปัญหามลภาวะสภาพแวดล้อมและอุบัติเหตุ |
|
ผลของการเผาวัสดุตอซังต่อสมบัติของดิน และสภาพแวดล้อม
1.
|
โครงสร้างของดินจับกันแน่นแข็ง กระด้าง และการแพร่กระจายของรากพืชลดลง |
2.
|
เกิดการสูญเสียอินทรียวัตถุ ธาตุอาหาร และน้ำในดิน |
3.
|
จุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในดินถูกทำลาย |
4.
|
ทำลายแมลงและสัตว์เล็ก ๆ ที่เป็นประโยชน์ในไร่นา |
5.
|
ทำให้เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม มลภาวะเป็นพิษ และเกิดอุบัติเหตุ |
|