เล็กๆ น้อยๆ ในการปลูกผักในภาชนะ
พอเป็นแนวทางให้ได้คิดได้ศึกษากันนะครับ ช่วงนี้กระแสปลูกพืช ผัก ในภาชนะกำลังเป็นที่นิยม หลายๆท่านก็ยังเกร็งๆกลัวผิดกลัวไม่ถูก ทำไปแล้วจะต่อกันยังไง หรือทำยังไงดี วันนี้ผมก็เลยเอาความรู้ที่พอจะมีติดสมองผุๆ มาเล่ามาบอกกัน เผื่อว่าท่านใดที่ยังไม่มั่นใจจะได้กล้าทำกล้าปลูก
- ถุงปลูกที่ใช้ ไม่จำเป็นต้องใช้ถุงปลูกที่ผลิตมาเพื่อการเพาะปลูกพืชอายุสั้นโดยเฉพาะก็ได้ เพียงแต่ ใช้ถุงดำ (ขยะ)ที่มีจำหน่ายตามท้องตลาด ซ้อนกัน 2-3 ชั้น พับปากถุงให้เหลือความสูง ที่พอเหมาะกับพืช แล้วเจาะรูที่ก้นถุงด้านข้างเพื่อระบายน้ำ ตามความต้องการ
- ใส่ดินปลุกที่มีส่วนผสม ดินร่วนผ่านการฆ่าเชื้อแล้ว + ปุ๋ยคอกเก่าค้างปี + ปุ๋ยหมักชีวภาพ + อาหารไก่ + ยิบซั่มธรรมชาติ + มูลค้างคาว บรรจุลงไปในถุงจนเต็ม ทำการบ่มดินปลูกในถุงด้วย ปุ๋ยน้ำชีวภาพ 10-15 วัน
- จัดวางถุงกลางแจ้งเพื่อให้แสงแดด 100 % (ไม่จำเป็นต้องปลูกในโรงเรือน) ที่ก้นถุงรองด้วยเศษฟางแห้งหรือเศษหญ้าหนาๆ เลี้ยงวัชพืชข้างๆถุงปลูกและบริเวณรอบข้าง ให้ช่วยรักษาความชุ่มชื้นหน้าดินและสร้างความชุ่มชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ
- ติดตั้งระบบสปริงเกอร์แบบสเปรย์หมอก สำหรับให้ น้ำ + ธาตุอาหาร + ฮอร์โมน + สารสกัดสมุนไพร สำหรับให้ทางใบ (ส่วนหนึ่งตกลงบนพื้น) และติดตั้งระบบน้ำหยด น้ำ + ปุ๋ยน้ำชีวภาพ + ธาตุอาหาร รอง/เสริม สำหรับให้ทางราก
- เพาะกล้าในถุงกระดาษหนังสือพิมพ์ขนาดเล็ก ( 3”x5”) เมื่อจะย้ายกล้าลงปลุกให้ปลูกทั้งถุงโดยไม่ต้องตัดก้นถุง เพราะถุงกระดาษจะเปื่อย ให้รากแทงทะลุออกมาเอง
- เทคนิคการปลุกพืชระยะสั้นในถุงนี้ไม่ต้องกลัวว่าดินจะเกิดการสะสมของเชื้อโรค วิธีปฏิบัติ คือ เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้ว ให้นำดินออกมาตากแดดจัด เพื่อฆ่าเชื้อโรคหรือหมักชีวภาพให้จุลินทรีย์มีประโยชน์ (ไตรโคเดอร์ม่า-แอ็คติโนมัยซิส) ช่วยกำจัดจุลินทรีย์เชื้อโรค (ไฟทอปเทอร่า,พิเทียม,ฟูซาเลี่ยม,สเคลโรเทียม,ไรวอคโทเนีย,ไส้เดือนฝอย ฯลฯ) จากนั้นก็นำไปใช้ใหม่ได้ หรือปรุงดินขึ้นมาใหม่แล้วทำการปลูกต่อไป แบบนี้เหมือนกับการปลุกในดินเปิดใหม่นั่นเอง
- พืชอายุสั้นประเภทพุ่มเตี้ยที่มักมีปัญหาโรคทางดินเนื่องจากการปลูกซ้ำซาก เช่น พริก มะเขือ กระเพรา โหระพา แมงลัก ปลูกในถุงที่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางไม่กว้างนัก แต่มีความลึกพอสำหรับรากหยั่งลงได้เพียงพอ ส่วนพืชประเภทหัว เช่น กระชาย ข่า ขิง ให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่กว้างขึ้น เพื่อให้การขยายจำนวนหัวออกทางข้างได้สะดวก ส่วนความลึกไม่ต้องมาก ทั้งนี้พื้นที่ปลูกจะต้องมีแสงแดด 100%
- พืชอายุสั้นประเภทขึ้นค้างที่มักมีปัญหาโรคทางดิน เช่น ถั่วฝักยาว ถั่วพู แตงกวา แตงร้าน บวบ มะระ ซึ่งผลมีน้ำหนักไม่มาก ส่วนพืชขึ้นค้างที่มีน้ำหนักผลมากๆ เช่น ฟักเขียว ฟักทอง น้ำเต้า แตงไทย แตงโม แคนตาลูป ต้องทำค้างที่แข็งแรงพอรับน้ำหนักได้ ซึ่งการปลูกพืชเลื้อยเหล่านี้ก็ให้ตั้งถุงปลูกไว้ที่โคนค้าง เมื่อต้นโตขึ้นก็จัดให้ขึ้นค้างตามปกติ
- การทำ กระบะ แบน กว้าง ยาว ด้านล่างมีช่องระบายน้ำ ยกสูงจากพื้นดินเล็กน้อย สำหรับปลูกพืชต้นเตี้ยรากตื้น เช่น ผักชี ตั้งโอ๋ ใช้สะแลนลดแสงหรือพลาสติกป้องกันเม็ดฝน
- ประโยชน์ที่ได้รับจากการใส่ดินปลูกพืชลงในภาชนะก็คือ สามารถเปลี่ยนดินทุกครั้งที่จะทำการปลูกพืชรุ่นใหม่ เป็นการหลีกเลี่ยงเชื้อโรคที่เกิดสะสมในดินได้ดีที่สุด แม้ภาชนะบรรจุดินจะตั้งอยู่ ณ ที่เดิม ก็ไม่มีปัญหาเรื่องโรค เพราะดินปลูกเป็นดินใหม่ ยังบริสุทธิ์ไม่มีการสะสมเชื้อโรค ส่วนปัจจัยอื่นเช่น แสงแดด อุณหภูมิ ฤดูกาล ปุ๋ย สายพันธุ์ ยังคงปฏิบัติตามแนวทางเดิมทุกประการ การให้น้ำอาจพิจารณาให้ 2 ระบบ คือ ระบบ น้ำหยดลงโคนต้นเพื่อให้อาหารทางราก และระบบสเปรย์หมอกเพื่อให้ทางใบ
ยังมีอีกหลากหลาย ยามนี้ยังนึกไม่ออก มึนตึบเลย...ติดเอาไว้ก่อน ไว้มีแนวคิดหรือได้อะไรดีๆมา ก้จะเอามาฝากกัน
นายเกษม รักควาย..
www.takeang.com/takeang_forums/index.php?topic=573...
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.