-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 347 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

นาข้าว







 

ปลูกข้าวประหยัดน้ำด้วย ข้าวแอโรบิก –
ข้าวไร่ทันสมัย หรือ ข้าวไร่ไฮเทค

         
"น้ำ" เป็นปัญหาปวดหัวตลอดกาลของชาวนา ราคาข้าวที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้ใครๆ ก็อยากทำนาปรังในฤดูแล้งนี้ แต่น้ำชลประทานที่มีจำกัดไม่พอแบ่งปันให้ทั่วถึง พอถึงนาปีชาวนาส่วนใหญ่ที่ทำนาน้ำฝน (ในพื้นที่สามในสี่ของพื้นที่นาทั้งประเทศ) ก็มักจะประสบปัญหาขาดน้ำเมื่อฝนทิ้งช่วง การปลูกข้าวโดยไม่ขังน้ำ (ฝรั่งเรียกว่าข้าวแอโรบิก ไทยขอเรียกว่าข้าวไร่ทันสมัย หรือข้าวไร่ไฮเทค) น่าจะเป็นทางออกได้ทางหนึ่ง สำหรับชาวนาที่มีปัญหาเรื่องน้ำ และจะช่วยให้ประเทศไทยผลิตข้าวได้มากขึ้นจากน้ำที่มีอยู่จำกัด โดยการใช้น้ำน้อยลงสำหรับการผลิตข้าวแต่ละไร่และแต่ละกิโลกรัม

ข้าวไร่ไม่ใช่ของใหม่สำหรับคนไทย การทำไร่โดยการถางและเผา ปลูกข้าวไร่ และปลูกถั่ว ปลูกงา พริก มะเขือ ฟักแฟง ไปด้วย ฯลฯ เป็นระบบการเพาะปลูกเพื่อยังชีพที่สำคัญระบบหนึ่งในอดีต แต่ได้ลดความสำคัญลงเมื่อมีการปลูกพืชไร่เชิงการค้า เช่น ข้าวโพด มันสำปะหลังและอ้อย เพิ่มมากขึ้น มาถึงในปัจจุบันการปลูกข้าวไร่ด้วยระบบดั้งเดิมนี้ ยังพอมีเหลืออยู่ในที่สูง และที่ยังให้ผลผลิตดีต้องการระยะเวลาหมุนเวียนอย่างน้อยถึง ๗ ปี แต่การปลูกข้าวไร่ทันสมัยที่กล่าวถึงนี้ มีความแตกต่างตรงที่เป็นระบบเพาะปลูกสมัยใหม่ที่มีการดูแลรักษาและให้ปัจจัยการผลิต อาทิปุ๋ย น้ำ อย่างพอเพียงทั่วถึง มีการกำจัดศัตรูพืชโดยเฉพาะวัชพืชเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นระบบที่มีการเพาะปลูกเชิงการค้าอย่างได้ผลมาแล้วนับสิบๆ ล้านไร่ในประเทศบราซิลและจีนทางเหนือ และแตกต่างจากการทำนาสวนตรงที่ไม่มีการทำเทือก ไม่มีความพยายามขังน้ำในกระทงนา แต่ให้น้ำพอดินชุ่มเหมือนพืชไร่อื่นที่ไม่ใช่ข้าว


ผลผลิตต่อไร่ของข้าวไร่ทันสมัยเทียบกับข้าวนาสวนที่มีน้ำขังตลอดเวลา มีรายงานจากการศึกษาในประเทศฟิลิปปินส์ว่า ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน ข้าวไร่ทันสมัยให้ผลผลิต 800-1,000 กก./ไร่ ในขณะที่เมื่อปลูกเป็นข้าวนาสวนข้าวพันธุ์เดียวกันให้ผลผลิต 1,000-1,300 กก/ไร่



แต่ข้อได้เปรียบของข้าวไร่ทันสมัยอยู่ที่น้ำที่ประหยัดได้ต่อไร่ ทำให้ปลูกข้าวได้ในพื้นที่มากกว่า

  • ฤดูฝนปีไหนฝนดี ข้าวไร่ทันสมัยอาจต้องการน้ำชลประทานเสริมเพียง 1-2 ครั้ง ในช่วงวิกฤติ น้ำชลประทานที่ต้องใช้ในการขังน้ำในกระทงนาเพื่อปลูกข้าวนาสวน 1 ไร่ ในฤดูนาปี อาจพอเพียงปลูกข้าวไร่ทันสมัยได้ถึง 5-10 ไร่
  • แม้ในฤดูแล้งที่ฝนตกเพียงเล็กน้อยหรือแทบไม่มีฝนเลย น้ำที่ใช้ทำนาปรัง 1 ไร่ จะพอเพียงปลูกข้าวไร่ทันสมัยได้ถึง 3-4 ไร่
  • ชาวนาที่มีค่าน้ำมันหรือไฟฟ้าสำหรับสูบน้ำเข้านาสวนได้เพียงไร่เดียวก็จะปลูกข้าวไร่ทันสมัยได้ถึง 5-10 ไร่ในฤดูนาปี และได้ถึง 3-4 ไร่ ในฤดูนาปรัง  น้ำที่ประหยัดได้จริงจะแตกต่างกันตามพื้นที่และฤดูกาล ขึ้นอยู่กับปริมาณฝน ชนิดดินที่อุ้มน้ำได้มากน้อยต่างกัน ลักษณะสภาพแวดล้อมทางอุณหภูมิและความชื้นที่กำหนดควบคุมการใช้น้ำของต้นข้าว
  • ปลูกข้าวไร่ทันสมัยมีศักยภาพที่เด่นชัดสำหรับชาวนาในเขตนาน้ำฝน แต่แม้ในเขตชลประทานการปลูกข้าวไร่ทันสมัยจะช่วยเพิ่มพื้นที่รับน้ำเพื่อปลูกข้าวได้เป็นอีกหลายเท่าตัวจากการทำนาสวน

การปลูกข้าวไร่ทันสมัย

อย่าลืมว่าการทำนาสวนด้วยการขังน้ำไว้ในกระทงนา เป็นระบบที่มีการพัฒนาระบบนิเวศมาเพื่อแก้ปัญหาหลายอย่างเกี่ยวกับการเพาะปลูก เมื่อเปลี่ยนไปเป็นการปลูกข้าวโดยไม่ขังน้ำปัญหาเหล่านั้นจึงจำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยอีกทางหนึ่ง ปัญหาดังกล่าวนี้มี 3 กลุ่ม คือ
(1) ศัตรูพืช
(2) ธาตุอาหารในดินและการดูดธาตุอาหาร
(3) พันธุ์ข้าวและวิธีการเพาะปลูกที่เหมาะสม

ซึ่งกลุ่มวิจัย "ทรัพยากรพันธุกรรมและธาตุอาหารพืช" ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำโดย ศ.ดร.เบญจวรรณ ฤกษ์เกษม เมธีวิจัยอาวุโส สกว. ได้รับทุนสนุนการสร้างกลุ่มวิจัยเพื่อมุ่งสร้างความรู้ทางวิชาการเกี่ยวกับข้าวไทย เพื่อเป็นพื้นฐานในการพัฒนาระบบการปลูกข้าวแบบประหยัดน้ำนี้ต่อไป


1. ศัตรูพืช 
ทั้งการทำเทือกและการขังน้ำเป็นการวิธีการกำจัดควบคุมวัชพืช ใส้เดือนฝอย และแมลงศัตรูในดินที่ได้ผล ศัตรูพืชเหล่านี้เป็นปัญหาใหญ่ของข้าวไร่ทันสมัย มีรายงานจากประเทศบราซิลว่า ข้าวไร่ทันสมัยที่ปลูกซ้ำที่ทุกปีเป็นเวลา 5 ปี ให้ผลผลิตเพียง 186 กก/ไร่  ถ้าปลูกสลับกับถั่วเหลืองปีเว้นปี ได้ผลผลิต 412 กก/ไร่ และเมื่อปลูกเป็นปีที่ 4 หลังจากปลูกถั่วเหลืองมาแล้ว 3 ปีเว้นปี ข้าวไร่ทันสมัย ให้ผลผลิตถึง 692 กก/ไร่ การใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชก็เป็นแนวทางหนึ่งที่ได้ผลสำหรับหลายคนอาจเลือกใช้ และมีการปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้โตเร็วกว่าวัชพืช และทนทานต่อการเข้าทำลายของใส้เดือนฝอย กลุ่มวิจัยฯที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ได้ค้นพบพันธุ์ข้าวไร่พื้นเมืองที่สามารถยังยั้งการเจริญเติบโตของวัชพื้ชได้ในระดับหนึ่ง และกำลังทำการศึกษา ระบบการปลูกพืช และการใช้พืชคลุมดิน/ปุ๋ยพืชสด เพื่อลดการสะสมของศัตรูพืชในแปลงข้าวไร่ทันสมัย


2.ธาตุอาหารและการจัดการปุ๋ย
ในสภาพทางเคมีและกายภาพของดินที่แตกต่าง ดินที่ไม่ขังน้ำจะมีธาตุอาหารสำคัญ โดยเฉพาะฟอสฟอรัส ที่ละลายน้ำได้น้อยลง ต้นข้าวดูดไปใช้ได้ยากขึ้น การจัดการปุ๋ยในระบบข้าวไร่ทันสมัยจึงจำเป็นต้องประณีตแม่นยำกว่าการทำนาสวน การศึกษากลไกควบคุมระบบการปรับตัวของรากข้าวและสมรรถนะในการดูดธาตุอาหารของข้าวต่างพันธุ์โดยกลุ่มวิจัยฯ จะช่วยให้การปรับปรุงพันธุ์ข้าวให้เหมาะสมกับสภาพดินไม่ขังน้ำได้ดีขึ้น และจัดระเบียบการใส่ปุ๋ยให้ได้ประโยชน์มากที่สุดและมีการสูญเสียน้อยที่สุด ในยามที่ปุ๋ยแพงอย่างนี้ ฝ่ายพืชคลุมดินของกลุ่มวิจัยฯจึงให้ความสนใจพืชตระกูลถั่วเป็นพิเศษ นอกจากจะช่วยควบคุมศัตรูพืชดังกล่าวข้างต้นแล้ว พืชคลุมดินตระกูลถั่วยังจะช่วยประหยัดค่าปุ๋ยได้ด้วยไนโตรเจนที่ตรึงจากอากาศ  (เท่ากับปุ๋ยยูเรียหนึ่งลูก-50 กก.- หรือมากกว่า ในพื้นที่หนึ่งไร่)

  1. พันธุ์ข้าวและวิธีการเพาะปลูก เป็นต้นว่า จะใช้ข้าวพันธุ์ใดปลูก จะหยอดเมล็ดอย่างไร อัตราเมล็ดที่ปลูกกี่กิโลกรัมต่อไร่ เตรียมดินอย่างไร จะไถหรือไม่ไถ ฯลฯ คงต้องมีการพัฒนาขึ้นมาให้เหมาะสมสำหรับแต่ละพื้นที่และโอกาส และไม่อาจนำเทคโนโลยีที่มีอยู่สำหรับข้าวนาสวนไปใช้กับข้าวไร่ทันสมัยได้เลยในทันที ในประเทศอื่นเช่น จีนและบราซิลมีความพยายามปรับปรุงพันธุ์ข้าวไร่ทันสมัยขึ้นมาโดยเฉพาะ แต่การศึกษาในเบื้องต้นของกลุ่มวิจัยฯ ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้พบว่าข้าวพันธุ์หลักเช่น ขาวดอกมะลิ105 กข 6 ชัยนาท 1 สุพรรณบุรี 1 สามารถสร้างราก ดูดธาตุอาหาร และเจริญเติบโตได้ในสภาพ "แอโรบิก" ดีไม่แพ้ข้าวไร่พันธุ์แนะนำ เช่นพันธุ์ อาร์ 258 น้ำรู ซิวแม่จัน และพบว่าข้าวนาสวนบางพันธุ์เมื่อปลูกในดินไม่ขังน้ำสลับกับขังน้ำยังจะให้ผลผลิตสูงกว่าเมื่อขังน้ำตลอดเวลาเสียอีก ดังนั้นในขั้นต้นจึงน่าจะใช้ข้าวนาสวนพันธุ์มาตรฐานเหล่านี้ทดลองปลูกแบบข้าวไร่ทันสมัยได้ และเมื่อระบบมีความพัฒนามากขึ้นก็คงจะมีการปรับปรุงพันธุ์ข้าวไร่ทันสมัยโดยเฉพาะ ในยุคที่การทำนามีพัฒนาการใช้เครื่องจักรมากขึ้น การปลูกข้าวไร่ทันสมัยนับว่ามีความเหมาะสมกับการเพาะปลูกสมัยใหม่เป็นอย่างยิ่ง ในประเทศบราซิลเกษตรกรรายหนึ่งอาจจะปลูกข้าวไร่นับหมื่นถึงแสนไร่ ด้วยเครื่องจักรตลอดทุกขั้นตอนของการดำเนินการ ซึ่งดูไม่ต่างไปจากการทำนาปัจจุบัน ในบางท้องที่ของภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างใน ที่ใช้เครื่องจักรตั้งแต่ต้นจนจบ การปลูกข้าวไร่ทันสมัยก็น่าจะพัฒนาระบบการเพาะปลูกที่ประหยัดแรงงานและใช้เครื่องจักรได้มากขึ้นเช่นเดียวกัน

ข้าวแอโรบิก - ข้าวไร่ทันสมัย หรือ ข้าวไร่ไฮเทค

เป็นโอกาสดีสำหรับชาวนาไทยที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำเพื่อผลิตข้าวให้ได้มากขึ้น และเป็นโอกาสดีของประเทศไทยที่จะเพิ่มผลผลิตข้าวเพื่อบริโภคและส่งออก โดยไม่ต้องรอการลงทุนมหาศาลเพื่อพัฒนาแหล่งน้ำหรือระบบชลประทาน กลุ่มวิจัยฯที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เน้นการศึกษาทางวิชาการที่จะเป็นพื้นฐานสนับสนุนพัฒนาการระบบการปลูกข้าวไร่ทันสมัย และกำลังจะเริ่มนำเอาความรู้ที่มีอยู่มาประกอบเป็นแปลงทดลองเชิงสาธิตเพื่อเป็นต้นแบบของการปลูกข้าวแบบประหยัดน้ำและพลังงาน และคงต้องอาศัยชาวนาผู้เชี่ยวชาญ (Expert rice farmers) ที่กระจายอยู่ทั่วประเทศที่จะดัดแปลงวิธีการปลูกให้เหมาะสมกับ ดิน น้ำ ศัตรู เฉพาะท้องถิ่น


สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : ท่านที่สนใจต้องการปรึกษาหารือเรื่องการปลูกข้าวไร่ทันสมัย ติดต่อ อาจารย์เบญจวรรณ ได้ที่ 086-1824678



http://basic.trf.or.th/news/325/

basic.trf.or.th/news/325/ -









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-06-06 (2045 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©