-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 305 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

นาข้าว





ตำนานข้าว


โดย...ประทีป  ชุมพล       
       
       ข้าวเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิต เพราะข้าวสามารถผลิตพลังงานที่สำคัญของร่างกาย โดยเฉพาะข้าวกล้องไม่ขัดสี มีสารคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน วิตามินบี 1 เกลือแร่ ฟอสฟอรัส แมกนีเซียม และเส้นใยอาหาร
       
              คุณค่าทางยา คือข้าวช่วยรักษาน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ช่วยในการบำบัดอาการผิดปกติของระบบย่อยอาหาร  เส้นใยช่วยในการขับถ่ายและรำข้าวช่วยป้องกันโรคมะเร็งในลำไส้
       
              ในทางพฤกษาศาสตร์ ข้าวเป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวในวง Gramineae ในสกุล Oryza ลักษณะใบข้าวยาวเส้นใบแบนแบบขนาน ลำต้นเป็นข้อ ปลายยอดของแต่ละข้อมีก้านมากกว่าหัวก้าน มีดอก และเมื่อข้าวอุ้มท้องจะเป็นเมล็ดแตกเป็นแถวเรียกว่ารวง ประเภทของข้าวแบ่งตามคุณสมบัติของเมล็ด 2 ชนิด คือ ข้าวจ้าว และ ข้าวเหนียว ข้าวจ้าวเมล็ดค่อนข้างใสในขณะที่ข้าวเหนียวค่อนข้างขุ่น
       
              ได้มีนักวิชาการบางคนกล่าวว่า ข้าวจ้าวเป็นข้าวของชนชั้นเจ้า ส่วนข้าวเหนียวเป็นอาหารของชนชั้นไพร่เป็นเข้าใจผิด เพราะความจริงแล้ว จ้าวหรือจ่าวในภาษาถิ่นหมายถึงหุงด้วยน้ำ ดังนั้น ข้าวจ้าวคือข้าวที่หุงด้วยน้ำ ส่วนข้าวเหนียวคือข้าวที่สุกแล้วจับตัวกันแน่น และต้องใช้นึ่งฉะนั้นบางถิ่นเรียกว่าข้าวนึ่ง
       
              ฉะนั้นข้าวมิใช่เครื่องหมายแบ่งชนชั้นแต่อย่างใด การนำข้าวจ้าวหรือข้าวเหนียวอยู่ที่ประโยชน์หรือความสะดวกในการนำพาไปรับประทานมากกว่า
       
              นักโบราณคดีวิเคราะห์ว่าข้าวเป็นพืชที่กำเนิดมาไม่ต่ำกว่า 600 ล้านปี แต่มนุษย์รู้จักนำมาบริโภคเป็นอาหารเมื่อ 15,000 ปี ส่วนการเพาะปลูกข้าวนั้นเมื่อ 10,000 ปี บริวเณที่เพาะปลูกรุ่นแรกๆ ได้แก่ บริเวณเมโสโปเตเมีย บริเวณลุ่มน้ำฮวงโห ซึ่งมีอายุไม่ต่ำกว่า 6,000 ปี สำหรับประเทศไทย พบแหล่งปลูกข้าวที่โนนนกทา จังหวัดขอนแก่น ถ้ำปุงฮุง จังหวัดแม่ฮ่องสอน และที่บ้านเชียง จังหวัดอุดรธานี และพบภาพเขียนสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่ผาหมอนน้อย จังหวัดอุดรธานี เป็นภาพควายไถนา และคนปลูกข้าว มีอายุไม่ต่ำกว่า 4,000 ปีมาแล้ว
       
              จึงกล่าวได้ว่าพื้นที่ในเมืองไทยนั้นมีอารยธรรมการปลูกข้าวรุ่นแรกๆ ของโลก เพราะเป็นเขตมรสุม พื้นที่ราบมีน้ำอุดมสมบูรณ์ แม้ในปัจจุบันบริเวณดังกล่าวมีพันธุ์ข้าวมากที่สุด มีหลายร้อยพันธุ์และมีชื่อข้าวหลายร้อยชนิด
       
              เป็นที่น่าสังเกตว่าคนไทยรู้จักพัฒนาพันธุ์ข้าวมาตั้งแต่อดีต  และสนใจในเรื่องการปลูก ทั้งยกย่องในเรื่องข้าวมาก มีการประกอบพิธี เรียกชื่อข้าวว่าพระแม่โพสพ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการยกย่องในเรื่องข้าวมาก
       
              กฎหมายมังรายศาสตร์ ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 19 ให้ความสำคัญในเรื่องข้าวมาก มีกฎหมายดูแลเป็นพิเศษ มังรายศาสตร์กล่าวว่า “ข้าวเป็นของวิเศษ เลี้ยงชีวิตคนทั้งหลาย และข้าวเป็นของประเสริฐกว่าทุกสิ่งแล” ในศิลาจารึกของพ่อขุนรามคำแหง กล่าวว่า “ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว” และในส่วนที่เป็นพระราชกรณีของพระมหากษัตริย์ไทย เรื่องข้าวมีส่วนสำคัญดังปรากฏใน พระราชพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ ซึ่งดำเนินการมาถึงทุกวันนี้
       
              ข้าวหอมมะลิหรือ Jasmine Rice ทั่วโลกยกย่องว่าเป็นข้าวดีที่สุดในโลก เพราะมีกลิ่นอโรมาผสม พจนานุกรม The American Heritage ฉบับ ค.ศ. 2000 อธิบายว่า “Jasmine Rice คือข้าวเมล็ดยาว มีความหอม เป็นข้าวที่มาจากประเทศไทย” คนจีนกล่าวเป็นสำนวนว่า “ก่อนตายต้องกินอาหาร 4 อย่าง ถึงไม่อายฟ้าดิน คือ หอยเป๋าฮื้อ รังนก หูฉลาม และข้าวหอมมะลิ”
       
              ที่มาของข้าวหอมมะลิคนไทยเองอาจไม่รู้ถึงที่มา เท่าที่ตรวจสอบว่าพันธุ์แรกเริ่มมาจากบ้านแหลมประดู่ อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี ต่อมาได้นำมาปลูกที่อำเภอบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ปรากฏว่า ข้าวหอมมะลิรวงที่ 105 เป็นสายพันธุ์ที่ดีที่สุด จึงได้มีการส่งเสริมให้ปลูกอย่างแพร่หลาย เรียกชื่อว่า ข้าวหอมมะลิ 105 และได้ถูกส่งไปผสมกับข้าวพันธุ์อื่นๆ ทั่วโลก
       
              โดยที่ข้าวหอมมะลิเป็นข้าวดีที่สุดและนิยมไปทั่วโลก ไทยจึงได้จดสิทธิบัตร แต่ก็มีผู้ลักลอบนำไปอ้างอิง ทั้งที่เป็นของปลอมแปลง โดยเฉพาะนักวิชาการชาวอเมริกัน ได้พยายามพัฒนาสายพันธุ์ข้าวหอมมะลิเพื่อจดทะเบียน แต่ถูกต่อต้านจนไม่สามารถทำได้ จนในที่สุดก็ให้ชื่อลอกเลียนว่า Jazzman Rice ซึ่งไม่ได้ความหมายอะไรเลย เพียงแต่ชื่อใกล้เคียงกันกับ Jasmine Rice ทั้งคุณภาพก็คนละแบบคือเป็นข้าวที่ไม่มีกลิ่นหอมอโรมา เอาเป็นว่าเป็นของปลอมแปลงอย่างเห็นได้ชัด
       
              คำว่าข้าวมิใช่มีความหมายเพียงอาหารเท่านั้น แต่มีความหมายทางวัฒนธรรมและประเพณี ในที่นี้จะกล่าวเฉพาะที่เกี่ยวโยงกับความเชื่อและศาสนา เช่น
       
              ข้าวต้มปัดหรือข้าวปัด คือข้าวเหนียวต้มที่ห่อด้วยใบมะพร้าวหรือใบเตย ใช้ถวายพระภิกษุในเทศกาลออกพรรษา
       
             ข้าวทิพย์หรือข้าวกระยาทิพย์ ข้าวปรุงด้วยเครื่องกวนประกอบด้วยน้ำผึ้ง  น้ำนม ถั่วงา นิยมทำในพิธีสารท
       
              ข้าวบิณฑ์ ข้าวสุกในกรวยทำด้วยใบตองสำหรับการเซ่นสรวงบูชา
       
              ข้าวประดับดิน ข้าวที่นำไปบูชาพระธาตุเจดีย์ เซ่นต้นโพธิ์ สถูป หรือเจดีย์ในเดือนเก้า
       
              ข้าวผอกกระบอกน้ำ  ข้าวที่ใช้ไหว้ผีบ้านผีเรือน มักใส่ภาชนะหรือผูกห่อไว้ที่บันไดใน วันตรุษ
       
              ข้าวพระ ข้าวที่เตรียมถวายพระพุทธรูปหรือเรียกว่าข้าวถวายพระพุทธ
       
              ข้าวเภา ข้าวที่คลุกด้วยสีเหลือง  สีแดง ปั้นเป็นก้อนๆ ใช้ในพิธีรับช้างเผือกของพราหมณ์
       
              ข้าวแม่ซื้อ ข้าวสุกปากหม้อนำมาปั้นเป็นก้อนๆ และชุบสีเหลือง ขาว แดง ดำ ใช้ในการรักษาเด็กๆ ที่ตัวร้อน เรียกว่าพิธีทิ้งข้าวแม่ซื้อ คือนำข้าวแม่ซื้อจำนวน 4 ชิ้นๆ ละ 1 สี มาวนรอบตัวเด็ก เป็นการรับขวัญเด็ก
       
              ข้าวเปรต ข้าวที่ใช้เซ่นเปรตในพิธีสารท
       
              จะเห็นได้ว่าข้าวมิได้เป็นเพียงอาหารหรือใช้เป็นยาเท่านั้น แต่ข้าวยังเป็นวัฒนธรรมและประเพณีของคนไทยมาตั้งแต่โบราณ แต่คนไทยในปัจจุบันมักจะไม่รู้ความหมาย
       
              ก็เป็นอย่างนี้เองสำหรับคนไทยในยุคนี้ 


ที่มา  :  ผู้จัดการ









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-06-06 (1469 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©