ศัตรูข้าว
หลักการทั่วไปในการป้องกันกำจัดศัตรูข้าว จะต้องใช้วิธีการป้องกันกำจัดศัตรูพืชแบบผสมผสานที่เรียกคำย่อว่าไอพีเอ็มกล่าวคือ ใช้หลายวิธีร่วมกัน เช่น การใช้พันธุ์ต้านทาน, การทำแปลงนาให้สะอาด, การใช้ศัตรูธรรมชาติ, ฯลฯ ที่สำคัญ คือต้องมีการตรวจนับศัตรูพืช โดยคำนึงถึงระดับเศรษฐกิจ และเลือกใช้สารเคมีเป็นอันดับสุดท้ายเฉพาะกรณีที่ไม่สามารถใช้วิธีอื่นได้ และพิจารณาแล้วเห็นว่าคุ้มทุน ตลอดจนไม่ทำให้ศัตรูธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสื่อมสลายไป
ศัตรูข้าวที่สำคัญมี 3 ประการ คือ
1.โรค ที่สำคัญ คือ โรคไหม้ โรคจู๋ โรคใบขีดสีน้ำตาลโรคใบจุดสีน้ำตาล โรคกาบใบแห้ง โรคถอดฝักดาบ โรคกาบใบเน่า โรคเมล็ดด่าง โรคขอบใบแห้ง
2.แมลงและสัตว์ศัตรูข้าว ที่สำคัญ คือ เพลี้ยไฟหนอนกอ บั่ว หนอนปลอก แมลงดำหนาม หนอนห่อใบข้าว แมลงสิง หนอนกระทู้คอรวง ไส้เดือนฝอย หอยเชอรี่ ปูนา นก หนู
3.วัชพืช สามารถแบ่งเป็นกลุ่มได้ดังนี้
วัยพืชใบแคบ ได้แก่ หญ้าข้าวนก หญ้าไม้กวาด หญ้าขน หญ้าแดง
วัชพืชใบกว้าง ได้แก่ ผักปอดนา ขาเขียด เทียนนา แพงพวยน้ำ เซ่งใบมน ผักตับเต่า
วัชพืชพวกกก ได้แก่ หนวดปลาดุก กกขนาก แห้วหมูนา แห้วทรงกระเทียม กกทราย ปรือ
วัชพืชสาหร่าย ได้แก่ สาหร่ายข้าวเหนียว สาหร่ายเส้นด้าย สาหร่ายไฟ
วัชพืชพวกเฟิร์น ได้แก่ ผักแว่น
การเก็บเกี่ยวข้าว
การเก็บเกี่ยวข้าวในระยะที่เหมาะสม คือ เมล็ดไม่อ่อนหรือไม่แก่จนเกินไป จะทำให้ข้าวเปลือกเมื่อนำไปสีได้เปอร์เซ็นต์ต้นข้าวสูงสุด และลดการสูญเสียเนื่องจากเมล็ดร่วงหล่นในนา ทั้งนี้โดยสังเกตข้าวสุกเหลืองเกือบทั้งรวง เหลือเมล็ดสีเขียวโคนรวง 5-6 เมล็ด ดูว่าข้าวจะมีรวงที่โน้มลง เรียกระยะนี้ว่า ระยะพลับพลึงหรือระยะเหลืองกล้วย หากจำวันที่ข้าวออกดอกได้ ก็ให้นับวันเก็บเกี่ยวหลังจากวันที่ออกดอกประมาณ 28-30 วัน โดยก่อนเก็บเกี่ยว 15 วัน ควรระบายน้ำออกจากแปลงนาก่อนในการเกี่ยว ถ้าใช้เครื่องจักรกลเก็บเกี่ยว ให้ปรับรอบการทำงานไม่ให้เร็วเกินไป เพื่อมิให้เมล็ดแตกป่น และร่วงหล่นเสียหายมาก แต่ถ้าเก็บเกี่ยวด้วยมือ (ใช้เคียว) หรือเครื่องเกี่ยวชนิดไม่ได้นวดในตัว ควรหลีกเลี่ยงการกองฟ่อนข้าวรวมกันเป็นกองโตและไม่ควรวางรวงข้าวกับพื้นนาที่มีน้ำ จะทำให้รวงข้าวเสียหาย
การจัดการหลังการเก็บเกี่ยวข้าว
1. การนวด
แนะนำให้เก็บเกี่ยวแล้วนวดทันที จึงค่อยนำเมล็ดข้าวไปตากหรืออบลดความชื้น การนวดข้าวมีหลายวิธีแต่เดิมนิยมใช้การฟาดรวงข้าว หรือใช้สัตว์ หรือรถไถนาย่ำปัจจุบันมีการใช้เครื่องเกี่ยวและนวดข้าวทันทีในตัว หรือ นำฟ่อนข้าวมานวดด้วยเครื่อง
สิ่งที่คำนึงถึงในการนวดข้าว คือ ต้องนวดให้เมล็ดข้าวสะอาด ปราศจากสิ่งเจือปน เช่น เศษฟาง เศษระแง้ ดิน หิน ข้าวลีบ แกลบ ตลอดจนเมล็ดวัชพืช ดั้งนั้น ควรปรับรอบการทำงานลูกนวดให้เหมาะสม แต่หากนวดด้วยการฟาดหรือการย่ำก็ควรจะต้องมีการใช้สีฝัดเพื่อช่วยในการทำความสะอาดข้าวเปลือกทุกครั้ง
2. การลดความชื้นข้าวเปลือก
ข้าวที่คุณภาพดี ต้องมีการลดความชื้นหลังการเก็บเกี่ยวทันทีให้เหลือ 14-15 เปอร์เซ็นต์ มิฉะนั้นข้าวเปลือกจะไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน รวมทั้งเมื่อนำไปสีจะแตกหักมาก เกษตรกรจำหน่ายข้าวเปลือกได้ในราคาต่ำการการลดความชื้นข้าวเปลือกกระทำได้ 2 วิธี คือ
3. การตากแสงแดด
ถ้าเกี่ยวข้าวแบบวางราย และไม่สามารถนวดได้ทันทีให้ตากรวงข้าวไว้ในพื้นที่นาที่แห้ง 2-3 แดด ระวังอย่าให้ถูกน้ำฝน หรือหากมีน้ำค้างหรือหมอนแรงควรหลีกเลี่ยงวิธีนี้ หากนวดข้าวได้เมล็ดทันที แนะนำให้ตากเมล็ดข้าวบนพื้นสะอาด เช่น ลานซีเมนต์ หรือใช้ตาข่ายพลาสติกรองตากโดยเกลี่ยข้าวเปลือกเป็นสันหรือเป็นคลื่น ๆ ทิ้งไว้ 2-3 แดด และต้องระวังฝน น้ำค้างหรือหมอก เช่นกัน การตากแดดควรมีการเกลี่ยกลับข้าวเปลือกที่ตากทุกครึ่งชั่วโมง และความหนาไม่ควรเกิน 5 เซนติเมตร ถ้าเป็นไปได้ควรกองรวมแล้วคลุมด้วยผ้าใบพลาสติกในตอนกลางคืนด้วย
4. การอบด้วยเครื่อง
ปัจจุบันมีเครื่องอบลดความชื้นข้าวเปลือกใช้แพร่หลายการอบด้วยเครื่องจะได้เปอร์เซ็นต์ต้นข้าวดีกว่าการตากด้วยแสงแดด เนื่องจากความร้อนมีความสม่ำเสมอและไม่ต้องเสี่ยงต่อการมีฝนตก การอบแต่ละครั้งใช้เวลา 4-8 ชั่วโมง แล้วแต่ชนิดเครื่องอบ ปัจจุบันมีเครื่องชนิดลดความชื้นได้อย่างรวดเร็วภายใน 5 นาที แต่ลดความชื้นได้เหลือ 18 เปอร์เซ็นต์ แทนที่จะเป็น 14 เปอร์เซ็นต์ ตามมาตรฐานข้อควรระวังในการใช้เครื่องอบ คือต้องไม่ให้เมล็ดข้าวเปลือกมีความร้อนสูงเกิน 43 องศาเซลเซียส
5. การเก็บรักษา
ข้าวเปลือกที่ผ่านการนวดแล้ว หากไม่จำหน่ายในทันที ก็จะต้องเก็บรักษาให้ถูกวิธี ข้อสำคัญในการเก็บรักษา คือจะต้องเป็นข้าวแห้งความชื้น 12-14 เปอร์เซ็นต์ ถ้าจำนวนน้อยอาจใส่กระสอบวางไว้ในสถานที่คุ้มแดด ฝนสูงจากพื้นไม่ต่ำกว่า 50 เซนติเมตร หากมีข้าวเปลือกปริมาณมากและมียุ้งฉาง ก็เก็บรักษาโดยบรรจุกระสอบวางบนแคร่สูงประมาณ 10 เซนติเมตร หรือเทกองในยุ้งฉาง โดยยุ้งฉางต้องสะอาดป้องกันนกหนู และแมลงศัตรูข้าวเปลือกได้อย่างดี รวมทั้งมีอากาศถ่ายเทได้ ไม่อับชื้น และมีสภาพเย็น
บางกรณี หากต้องการเก็บรักษาข้าวไว้ทำพันธุ์ ก็ให้เก็บรักษาแบบเดียวกัน แต่ถ้ามีปริมาณน้อย ให้เก็บไว้ในภาชนะปิดสนิท เช่น ปี๊บ ถุงปุ๋ย ถุงพลาสติกกระสอบป่าน ถุงผ้าดิบ
ที่มา : คัมภีร์สวนวันเพ็ญ(ผมได้มาเป็น ไฟล์ Zip เลยไม่รู้ว่าจะให้เคดิสเว็บยังไหง)