-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 224 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

สิ่งแวดล้อม







มะเขือยักษ์สีม่วง



1.พันธุ์
มะเขือยักษ์สีม่วงเป้นมะเขือที่ได้มาจากการปรับปรุงผสม และคัดพันธุ์ใหม่จากมะเขือยาวสีม่วงธรรมดา ทำให้ได้ผลที่สั้นลง แต่มีขนาดโตขึ้น และมีรูปร่างต่างๆ กัน สามารถปลูกได้ตลอดปี มีหลายพันธุ์ แบ่งแยกตามความสูงของต้น คือ

1.1 ต้นเป็นพุ่มแบน สูงไม่เกิน 60 เซนติเมตร เป็นพันธุ์เบา เช่นพันธุ์แบดเจอร์สเตท ( Badger state) นิวแฮมเชียไฮบริด (New Hamshir hybrid)

1.2 ต้นสูงปานกลาง พวกนี้มีต้นสูงประมาณ 60-70 เซนติมเตร เป็นพันธุ์กลางจนถึงพันธุ์หนัก เช่น พันธุ์แบลค บิวตี้ (Black beauty) อิมพรูฟด์ ลอง เพอร์เฟิล (Improved long purple)

1.3 ทรงพุ่มสูง ต้นสูงเกิน 75 เซนติเมตรขึ้นไป เป็นพันธุ์หนัก เช่น พันธุ์ฟลอริด้า บิวตี้ ( Florida beauty) ฟลอริด้า ไฮ บูช ( Florida high bush) คลีโอล (Creole)


2. การเพาะกล้า
การเพาะกล้ามะเขือยักษ์สีม่วง จะเพาะในกะบะเพาะ หรือแปลงเพาะก็ได้ ควรเตรียมดิน ให้ร่วนละเอียด พร้อมกับใส่ปุ๋ยคอกเพื่อช่วยบำรุงดินลงในกะบะเพาะ แล้วนำเมล็ดหยอดตามหลุมๆ ละ 1 เมล็ด ถ้าเพาะในแปลงเพาะควรไถดินตากประมาณ 7 วัน ใส่ปุ๋ยคอก พรวนดินให้ละเอียด ยกร่องปรับผิวร่องให้เรียบ หว่านเมล็ดพันธุ์มะเขือยักษ์สีม่วงบางๆ สม่ำเสมอ โรยทับด้วยฟางข้าว รดน้ำให้ชุ่ม จนมีอายุ 30 วันก็ย้ายไปปลูกในแปลงได้


3. การเตรียมดิน
เริ่มจากการไถดินตากแดดประมาณ 7-10 วัน พรวนดินยกร่องแบบปลูกผัก หรือชักร่องแบบปลูกข้าวโพดฝักอ่อน บางรายใช้ผ้าพลาสติกสีดำคลุมร่อง ขุดหลุมบนสันร่อง โดยทำการเจาะผ้าใบขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 เซนติเมตร ทำการขุดหลุมใส่ปุ๋ยคอก อัตรา 1 กำมือ และปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 1 ช้อนชาต่อหลุม คลุกเคล้าให้เข้ากับดิน รดน้ำให้ชุ่มคอการปลูก


4. การปลูก
ใช้ระยะปลูกระหว่างต้น 50 เซนติเมตร และระหว่างแถว 100 เซนติเมตร ขุดหลุม นำกล้าที่ได้ปลูกลงหลุม หลุมละ 1 ต้น กลบดินให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม


5. การใส่ปุ๋ย
เมื่อต้นกล้าที่ปลูกตั้งต้นได้ดีแล้วในระยะแรกๆควรใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 21-0-0 อัตตรา 1 ช้อนแกงต่อหลุมและเมื่ออายุได้ 1 เดือน ควรใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 5-10-5 หลุมละ 1 ช้อนแกง ต่อหลุม


6. การให้นํ้า
การให้นํ้าหากปลูกแบบผืนใหญ่ก็ให้นํ้าแบบสปริงเกอร์หรือถ้าปลูกแบบยกร่องก็ปล่อยนํ้าไปตามร่อง
โดยดูดินฟ้าอากาศเป็นหลักเพื่อไม่ให้มะเขือยักษ์สีม่วงได้นํ้ามากเกินไปหรือขาดนํ้า


7. การเก็บเกี่ยว
เมื่อมะเขือยักษ์สีม่วงอายุได้ประมาณ 75 วันก็เริ่มเก็บผลผลิตได้ควรสังเกตุที่สีของผล ต้องมีสีเขียวเข้ม ไม่คลํ้า หรือเขียวปนม่วงจะทำให้ ผลแก่ไป ใช้มีดหรือกรรไกรตัดขั้วนำมาคัดขนาดบรรจุถุงหรือเข่งรอการจำหน่ายต่อไป


8. โรคและแมลง
โรคและแมลงของมะเขือยักษ์สีม่วงเหมือนกับพืชตระกูลมะเขือทั้วๆไป การป้องกันกำจัดจึงเหมือนกันด้วย


ที่มา  :  กรมวิชาการเกษตร



*************************************************************************************************************************************



ปรัชญา รัศมีธรรมวงศ์

มะเขือยักษ์  "หยกภูพาน"  พืชพรรณดี มีคุณค่า น่าปลูก

ไปเดินชมงาน เกษตรมหัศจรรย์ วันเทคโนโลยีชาวบ้าน ครั้งที่ 2 บริเวณ ชั้น 4 เอ็มซีซี ฮอลล์ ที่เดอะมอลล์ บางแค ที่ผ่านมาเมื่อเร็วๆ นี้ ไปสะดุดตากับมะเขือยักษ์ และพันธุ์พืชหลายชนิดที่น่าสนใจ จึงเดินตรงเข้าไปขอข้อมูลเพิ่มเติมทันที จากเจ้าของสวนคือ คุณพิทักษ์ และ คุณสุรางค์ ท้วมอยู่ อยู่บ้านเลขที่ 42/2 หมู่ที่ 1 ตำบลทับผึ้ง อำเภอศรีสำโรง จังหวัดสุโขทัย 64120

คุณพิทักษ์ เล่าว่า มะเขือยักษ์ชนิดนี้เรียกว่า ?หยกภูพาน? เป็นผลงานการค้นคว้าทดลองของนักวิชาการเกษตรจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร ลักษณะเด่นของมะเขือยักษ์หยกภูพาน คือ มีผลขนาดใหญ่มาก มากกว่ามะเขือทั่วไป ประมาณ 4-5 เท่าตัว มีน้ำหนักโดยเฉลี่ยต่อผล ประมาณ 800-1,500 กรัม สามารถนำไปประกอบอาหารรับประทานได้ทั้งประเภททอด ผัด ต้ม แกง เป็นต้น

มะเขือยักษ์ ?หยกภูพาน? สามารถรับประทานได้ทั้งผลดิบเช่นเดียวกับมะเขือทั่วไป แถมรสชาติก็ไม่แตกต่างกัน มีคุณค่าทางอาหาร เพราะมีไฟเบอร์ เส้นใยอาหาร และแคลเซียมสูง ช่วยในการขับถ่ายได้เป็นอย่างดี และยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ซึ่งปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งบางชนิดอีกด้วย เรียกว่ากินอร่อยแล้วยังเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพด้วย

นอกจากนี้ ยังมีมะเขืออีกชนิดที่น่าสนใจ คือ มะเขือพวงไร้หนาม ?แม่โจ้นิมิต 1? เป็นมะเขือพวงพันธุ์ใหม่ ลักษณะเด่นคือ ไม่มีหนามที่ลำต้นและใบ ทำให้สะดวกต่อการเก็บเกี่ยวผลผลิต ผลสามารถนำไปทำอาหารได้หลากหลายเมนู ผลอ่อนสามารถรับประทานในลักษณะผักสด หรือนำมาลวกเพื่อรับประทานแกล้มกับน้ำพริกได้ เมล็ดในผลสด มีฤทธิ์ในการขับปัสสาวะ ช่วยลดน้ำตาลในกระแสเลือด ลดความดันโลหิต ช่วยขับเสมหะ และช่วยในการเจริญอาหาร มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย มีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ และมีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด สามารถขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ด

มะเขือเทศ   "สวีทเชอร์รี่ 154"   เป็นมะเขือเทศอีกสายพันธุ์หนึ่งที่นิยมรับประทานผลสด มีรสชาติหวาน มีกลิ่นหอม เนื้อในผลแน่น กรอบ มีวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี และสารเบต้าแคโรทีนสูงมากเมื่อเทียบกับผักชนิดอื่น และมีฤทธิ์ต่อต้านการเกิดเซลล์มะเร็งทุกชนิด รวมทั้งมีสารแอนโทไซยานิน ช่วยบำรุงหัวใจให้แข็งแรง ความจำดี ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคสายตาและต้อกระจกในผู้สูงอายุ พบสารไลโคปีนจำนวนมากในผลมะเขือเทศ และลดการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในเพศชาย มีสารวิตามินเอช่วยสมานผิว ลดความมันบนใบหน้า และลดจุดด่างดำ ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใสขึ้น สามารถขยายพันธุ์โดยการใช้เมล็ด

กระเจี๊ยบเขียว เป็นพันธุ์พืชผักพื้นบ้านอีกชนิดหนึ่งที่เรารู้จักคุ้นเป็นอย่างดี แต่ภายในงานมีการแสดง ผักกระเจี๊ยบเขียว พันธุ์แดงพิเศษ ที่แตกต่างจากสายพันธุ์อื่นๆ ก็คือ มีลักษณะลำต้น ใบ และฝัก จะเป็นสีแดงเข้มทั้งหมด ชาวญี่ปุ่นนิยมนำผักกระเจี๊ยบไปปรุงเป็นอาหารว่าง รับประทานเป็นเครื่องดื่ม และใช้ทำข้าวปั้นห่อสาหร่าย เพราะมีคุณค่าทางอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต บำรุงสมอง ช่วยชะลอความชรา ช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของโรคความจำเสื่อม ลดอาการโรคกระเพาะอาหาร และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้อีกด้วย

กลับมาเข้าเรื่อง ความเป็นมาของผู้ปลูก คุณสุรางค์ เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า เดิมมีอาชีพรับซื้อใบยาสูบ แต่ประสบปัญหาขาดทุนไปหลายล้านบาท ปัญหาความกดดันด้านหนี้สิน ทำให้ต้องขยันและอดทนมากขึ้น โดยหันมาเพาะกล้าไม้ขาย ในราคาไม่แพงมากนัก ทางสวนเน้นขายทั้งคุณภาพและปริมาณทำให้กิจการพออยู่ได้

คุณสุรางค์ ยังบอกอีกว่า ในอดีตเคยประกอบอาชีพเพาะปลูกมาแล้วหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นกล้วยไม้ ไม้ดอกไม้ประดับ แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพิ่งจะมาลงตัวในอาชีพขยายพันธุ์กล้าไม้ขายนี้แหละ โดยเฉพาะการขยายพันธุ์พืชผักสวนครัว เช่น พริก มะกรูด มะนาว และพืชผักประเภทต่างๆ

คุณสุรางค์ เล่าว่า เราเริ่มต้นลงทุนทีละเล็กทีละน้อย ค่อยลงทุนไปเรื่อยๆ อย่างอดทน การเพาะกล้าไม้เริ่มจากซื้อต้นแม่พ่อพันธุ์มาปลูกก่อน จึงค่อยๆ ขยายพันธุ์ไปเรื่อยๆ จนในที่สุดพืชผักสวนครัวมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ จากสิบเป็นร้อยเป็นพันเป็นหมื่นต้น การปลูกชวนชม กว่าจะได้รับผลตอบแทน ต้องใช้ระยะเวลาปลูกดูแลนาน 1 ปี ขึ้นไป แต่การเพาะกล้าพืชผักสวนครัว ใช้ระยะเวลาสั้นกว่า ไม่เกิน 60 วัน ก็สามารถหาเงินเข้ากระเป๋าได้แล้ว เรียกว่าผลตอบแทนมันเร็วกว่ากันแยะ แถมใช้เงินลงทุนน้อย

สำหรับมะเขือยักษ์ ?หยกภูพาน? คุณสุรางค์ได้สายพันธุ์ด้วยความบังเอิญ ในช่วงที่นำสินค้าออกไปจำหน่าย ปรากฏว่าเพื่อนข้างๆ ร้านค้า ได้นำมะเขือยักษ์ ?หยกภูพาน? มาผ่าให้ลูกค้าดู แล้วจะนำเมล็ดไปทิ้ง เราเห็นเข้าก็ขอไปเพาะขยายพันธุ์ต่อ ปรากฏว่าเราขยายพันธุ์ได้สำเร็จ ขายต้นมะเขือยักษ์ ?หยกภูพาน? ได้ต้นละ 50 บาท หลังจากนั้น เราก็เพาะขยายพันธุ์ออกมาจำหน่ายเรื่อยๆ ปรากฏว่า มะเขือยักษ์ขายดี มีกำไร ตลอด 1 ปี ที่ผ่านมา สำหรับมะเขือยักษ์ หากเป็นกระถางเล็ก ความสูงประมาณ 15 เซนติเมตร ขึ้นไป ราคาขายส่งอยู่ที่ต้นละ 20 บาท ขายปลีก 3 ต้น ราคา 100 บาท มะเขือพวงไร้หนามราคา 20 บาท/ต้น ถ้าต้นใหญ่ 50 บาท/ต้น เป็นราคาขายส่งที่พ่อค้าแม่มารับซื้อถึงสวน

ภายหลังจากประสบความสำเร็จกับการผลิตกล้ามะเขือยักษ์ ?หยกภูพาน? แล้ว คุณสุรางค์วางแผนงานในอนาคตว่า ทางสวน จะขยายพันธุ์พืชผักที่กินได้ต่อไป โดยแบ่งการเพาะขยายพันธุ์พืชออกเป็นรุ่นๆ ปัจจุบัน ทางสวนมีพื้นที่เพาะกล้าไม้ประมาณ 1 ไร่เศษ มีการเพาะขยายพันธุ์พืชผักเต็มพื้นที่ ได้แก่ โหระพา กะเพรา พริก มะเขือพวงไร้หนาม มะเขือเทศ ?สวีทเชอร์รี่ 154? และกระเจี๊ยบเขียวพันธุ์แดงพิเศษ เป็นต้น

การเพาะปลูกมะเขือโดยทั่วไป มักจะมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคและแมลง แต่คุณสุรางค์มีเทคนิคการปลูกและดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้ไร้ปัญหาโรคและแมลง คุณสุรางค์บอกว่า ครอบครัวของเรายึดอาชีพปลูกขยายพันธุ์พืชมาตั้งแต่สมัยรุ่นพ่อแม่แล้ว โดยมีเคล็ดลับการปลูกที่น่าสนใจคือ เลือกใช้ดินจืดมาเพาะเม็ด ใช้ดินจืดอย่างเดียว ไม่มีวัสดุอื่นๆ เข้ามาผสมในดินอย่างเด็ดขาด หากเป็นเมล็ดพันธุ์พืชใหม่ ก่อนปลูก ไม่ต้องนำไปแช่น้ำ หากเป็นเมล็ดพันธุ์เก่า อายุตั้งแต่ 6 เดือน ขึ้นไป จึงค่อยนำเมล็ดพันธุ์ไปแช่น้ำ นาน 1 ชั่วโมง เพื่อช่วยเมล็ดพันธุ์ขยายตัวของเปลือกได้ง่ายขึ้น

การเพาะเมล็ดพันธุ์พืชผักโดยทั่วไป นิยมใช้ถาดหลุม ขนาด 104 หลุม โดยเริ่มจากคัดเลือกเมล็ดพันธุ์คุณภาพดี มาหยอดลงในถาดหลุม เพื่อเพาะกล้า นาน 30 วัน หลังจากนั้นจึงค่อยย้ายต้นกล้าจากถาดหลุมลงถุงดำเพื่อเพาะชำต่อไปอีก 30 วัน จึงค่อยนำต้นกล้ามาปลูกในกระถางเพื่อรอจำหน่าย ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดใช้ระยะเวลาปลูกและดูแลประมาณ 60 วัน เพียงเท่านี้ก็สามารถขายทำกำไรเข้ากระเป๋าได้เป็นจำนวนมาก

หลังจากนำต้นกล้าปลูกในกระถางดินแล้ว ก็สามารถบำรุงต้นได้อย่างเต็มที่ โดยใส่ดินผสมปุ๋ยคอกและปุ๋ยเคมี ด้านการดูแลเรื่องโรคและแมลง จะฉีดสารเคมีเพื่อป้องกันปัญหาเชื้อราและแมลง ทุกๆ 15 วัน/ครั้ง ระยะที่พืชผักผลิดอกออกผล จะใช้ระยะเวลาปลูกประมาณ 120 วัน ถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ต้องดูแลรดน้ำตลอดทั้งช่วงเช้าและเย็น และเติมปุ๋ยสูตรเสมอ 16-16-16 บำรุงต้น ทุกๆ 10-15 วัน/ครั้ง สำหรับพันธุ์ไม้ที่ติดดอกออกผลถือเป็นช่วงที่ดีมาก เพราะลูกค้าจะมีโอกาสเห็นผลผลิตที่แท้จริง ทำให้ตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าได้ง่าย เรียกว่า ขายดีมีกำไรแน่นอน

ด้านการตลาด ส่วนใหญ่ทางสวนจะเปิดการขายที่สวน โดยมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อถึงบ้าน รวมทั้งส่งไปขายที่ อำเภอ จังหวัด และเปิดขายส่งตามศูนย์เศรษฐกิจพอเพียง เป็นต้น คุณสุรางค์ กล่าวแนะนำผู้ที่สนใจประกอบอาชีพนี้ ควรลงทุนอย่างพอเพียง ค่อยเป็นค่อยไป อย่าลงทุนมาก เพราะหากขายไม่ออก ก็จะเสี่ยงหมดตัวได้ การทำอาชีพการเกษตรที่สำคัญต้องมีใจสู้ ขยัน อดทน จึงจะประสบความสำเร็จ คุณสุรางค์ว่าอย่างนั้น

หากผู้อ่านท่านใด สนใจอยากรับสินค้าจากคุณสุรางค์ไปจำหน่าย ก็สามารถเข้ามาเยี่ยมชมและติดต่อสั่งซื้อที่สวนได้ทุกวัน คุณสุรางค์พร้อมให้บริการในราคาพิเศษ หากซื้อกล้าไม้ในปริมาณมาก ตั้งแต่ 10,000-20,000 บาท คุณสุรางค์ ยินดีจัดส่งสินค้าให้ฟรี สนใจเมล็ดพันธุ์และต้นกล้าไม้ สามารถติดต่อได้โดยตรง ที่ คุณไก่ โทร. (083) 877-3827 และ คุณแดง โทร. (080) 285-6919 รับรองไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน


ที่มา  :  เทคโนโลยีชาวบ้าน







มะเขือยักษ์

 

มะเขือยักษ์
มะเขือยักษ์จากเกษตรตะวันตก



มะเขือยักษ์ (Giant Eggplant) พันธุ์ใหม่ Sukhothai Pearl มะเขือผลใหญ๋พิเศษขนาดผลโดยเฉลี่ย 0.8-1.5 กิโลกรัม สามารถนำมาปรุงอาหารรับประทานได้เช่นเดียวกันกับมะเขือปกติ ปลูกเลี้ยงง่าย เจริญเติบโตรวดเร็ว 1 เดือน เริ่มติดผล


งไม่เป็นการเปิดตัวช้าเกินไปสำหรับมะเขือยักษ์ที่สำนักส่งเสริมและพัฒนาการ เกษตรเขตที่ 2 จังหวัดราชบุรี ได้ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานได้ปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อบริโภคในครัว เรือน หรือเพื่อจำหน่ายเป็นการเสริมเพิ่มเป็นรายได้ ทั้งนี้ ในส่วนที่ปลูกเพื่อบริโภคก็จะปลูกเป็นรายบุคคล ส่วนที่ปลูกเพื่อเสริมรายได้ก็จะปลูกเป็นรายกลุ่ม และมีกลุ่มหนึ่งได้ปลูกมะเขือยักษ์นี้เป็นพืชตัวเด่น เมื่อได้ผลผลิตแล้วก็ได้ประชาสัมพันธ์ตัวเงียบๆ โดยได้เปิดตัวครั้งแรกในงานเกษตรภาคตะวันตก ปี 2551 ซึ่งจัดขึ้นที่สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 จังหวัดราชบุรี เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้มาชมงาน จนผลผลิตและพันธุ์ที่นำมาจำหน่ายในงานไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงได้รับสั่งจองพันธุ์ไว้ ส่วนหนึ่งก็ได้มีการสั่งจองไปเป็นไม้ประดับในกระถาง


ก่อนจะปลูกพืชแต่ละอย่าง ผู้ปลูกต้องทำการวิเคราะห์พืชก่อนปลูก สำหรับกลุ่มที่ปลูกมะเขือยักษ์นี้ได้วิเคราะห์ว่าควรจะปลูกมะเขือเปราะ เนื่องจากเป็นพืชที่ปลูกง่าย โตไว ให้ผลตอบแทนเร็ว และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นาน มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมด้วยวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี ธาตุเหล็กและแคลเซียม อีกทั้งเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคสูงสุด เพราะสามารถบริโภคได้ทั้งเป็นผักสด นอกเหนือจากกินมะเขือสดกันมากแล้ว คนไทยยังใช้มะเขือมาทำอาหารมากมายเป็นพิเศษ ทั้งปิ้ง เผา ผัด และเอามาแกง ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาที่สุด คือเอามะเขือมาปรุงรสน้ำพริกกะปิ น้ำพริกอื่นๆ เครื่องจิ้มต่างๆ คนไทยเองก็กินและปลูกมะเขือมาเนิ่นนานแล้ว ผัดเผ็ดต่างๆ มักใส่มะเขือเปราะที่หั่นเป็นซีกๆ ยำเนื้อย่างมะเขือเปราะใช้มะเขือฝานเป็นแว่นบางๆ มะเขือเปราะใส่ในหลนปลาร้าหรือปลาร้าสำเร็จ ช่วยทำให้หลนมีรสชาติกลมกล่อมขึ้น นอกจากนั้น ยังนิยมใส่ในแกงเผ็ด แกงเขียวหวาน แกงป่า มะเขือเปราะในแกงต่างๆ จะอ่อนนุ่มและดูดเอาน้ำและรสชาติของแกงไว้มาก อีกทั้งทำให้แกงข้นมากขึ้น มะเขือเปราะเวลาสุกจะมีรสหวานอ่อนๆ ซึ่งช่วยปรุงรสแกงให้กลมกล่อมขึ้น แกงแบบพื้นบ้านประจำภาค เช่น แกงแค แกงโฮะ ในภาคเหนือ และแกงเผ็ดแบบปักษ์ใต้ก็ขาดมะเขือเปราะไม่ได้ มะเขือเปราะยังเป็นที่รู้จักและแพร่หลายในต่างประเทศมากเป็นพิเศษ ถึงกับเรียกกันว่า มะเขือไทย (Thai eggplant) มีวางจำหน่ายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ ส่วนใหญ่มักนิยมใส่แกงเผ็ดเหมือนกัน

ในปี 2550 ทางกลุ่มผู้ปลูกมะเขือของสำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 ได้แสวงหาและรวบรวมพันธุ์มะเขือต่างๆ มาปลูกเป็นแปลงๆ ในลักษณะเปรียบเทียบ ทดสอบ เรียนรู้ เพื่อหาพันธุ์และเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสม ทั้งวิธีการปลูก การดูแลรักษา ตามนโยบายของ คุณสุพจน์ แสงประทุม ผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 จังหวัดราชบุรี โดยยึดหลักสำคัญใหญ่ๆ 3 ประการดังนี้


1. ต้องทราบต้นทุนการผลิตที่แท้จริง เพื่อจะได้ตระหนักในการหาแนวทางลดต้นทุนการผลิตให้ได้มากที่สุด

2. ต้องใฝ่หาแนวทางและเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตเพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพและเพิ่มปริมาณ

3. ต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติด้านการใช้สารเคมีและหันมาใช้สารชีวภาพให้มากขึ้น



และ ก็พบว่ามีแปลงทดสอบมะเขือแปลงหนึ่งมีต้นสูงใบใหญ่ ผลโตเท่าศีรษะเด็ก สีลายขาวและเขียวอ่อน น้ำหนักผลเฉลี่ย 1.5 กิโลกรัม เก็บผลผลิตได้นานต่อเนื่องนานกว่า 6 เดือนขึ้นไป ดังนั้น จึงได้ขยายพันธุ์เพื่อจำหน่ายในนามมะเขือยักษ์จากเกษตรตะวันตก จำหน่ายแก่ผู้บริโภคและผู้สนใจในท้องถิ่น ไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เพิ่งได้เปิดตัวครั้งแรกในงานเกษตรภาคตะวันตก เมื่อปลาย ปี 2551 แต่ก็ไม่ได้ประชาสัมพันธ์อย่างแพร่หลาย เป็นที่รู้จักในวงแคบๆ จวบจนกระทั่งช่วงนี้มีข่าวมะเขือพันธุ์ยักษ์ออกมา


ทางกลุ่มก็ได้ ตื่นตัวว่าได้ทำมากว่า 2 ปี แล้วเหมือนกัน น่าจะมีการแนะนำให้คนที่อยู่ในภูมิภาคตะวันตก ได้รับทราบว่าทางกลุ่มเองมีทั้งผล ต้นพันธุ์และเมล็ดพันธุ์เพียงพอต่อความต้องการของผู้สนใจ




การปลูกและดูแลรักษามะเขือยักษ์

คุณ จักรกฤษ์ นกทอง ประชาสัมพันธ์กลุ่มผู้ปลูกมะเขือเกษตรตะวันตกกล่าวว่า มะเขือยักษ์ดังกล่าว ปลูกง่ายและโตไว สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นาน สามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ดินและสภาพอากาศของประเทศไทยได้ทั่วไป สำหรับวิธีการปลูกต้นมะเขือยักษ์ตามแนวทางของกลุ่ม มีดังนี้


1. เริ่มจากการทำแปลงเพาะกล้าหรือถาดหลุมเพาะกล้าที่ใส่ดินผสม ซึ่งประกอบด้วย ดินละเอียด 3 ส่วน ปุ๋ยคอก 1 ส่วน ทรายหรือแกลบ 1 ส่วน รดน้ำและหยอดเมล็ดลงในแปลงหรือถาดหลุม หลุมละ 1 เมล็ด รดน้ำเช้า-เย็น

2. การเตรียมแปลงปลูก โดยไถดินให้ลึก 30-40 เซนติเมตร ตากดินไว้ 7-10 วัน

3. ย่อยดินให้ละเอียด หว่านปูนขาวในอัตรา 100-200 กิโลกรัม ต่อไร่ พร้อมใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกอัตรา 2,000 กิโลกรัม ต่อไร่ และปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 30 กิโลกรัม ต่อไร่ คลุกเคล้าในแปลง

4. ยกแปลงสูงประมาณ 30 เซนติเมตร กว้าง 120 เซนติเมตร เสร็จรดน้ำและคลุมด้วยฟางหรือพลาสติค เพื่อรักษาความชื้น

5. ขุดหลุม กว้าง 50×50 เซนติเมตร ระยะปลูกระหว่างต้น 70-80 เซนติเมตร ระหว่างแถว 90-100 เซนติเมตร

6. นำกล้ามะเขือเปราะที่มีอายุ 15 วัน หรือมีใบจริง 3-4 ใบ มาปลูกตามหลุมที่เตรียมดินไว้และรดน้ำให้ชุ่ม และสม่ำเสมอหลังย้ายกล้าทุกเช้า-เย็น เมื่อกล้าตั้งตัวดีแล้วรดน้ำวันละครั้ง

7. หลังย้ายปลูก 7-10 วัน ใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0 อัตรา 30 กิโลกรัม ต่อไร่ เพื่อเร่งการเจริญเติบโต ใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 หรือ 8-24-24 อัตรา 50-100 กิโลกรัม ต่อไร่ โดยทยอยแบ่งใส่ในช่วงออกดอกติดผล ทุกๆ 20 วัน แต่ถ้ากรณีใส่ปุ๋ยปลาร้าหรือน้ำหมักชีวภาพจากปลาทะเล ใช้ครั้งแรกเมื่อต้นมะเขืออายุ ประมาณ 1 เดือน ในอัตราส่วน 1 ลิตร ต่อน้ำ 100 ลิตร ใช้ฉีดพ่นทางดิน หลังจากฉีดพ่นแล้วรอบแรก ทำการฉีดพ่นรอบสองอีก 15 วัน ฉีดพ่นอีกครั้งแต่ใช้ส่วนผสมอัตราส่วน 1 ลิตร ต่อน้ำหมักชีวภาพจากปลาทะเลผสมน้ำ 200 ลิตร ใช้ฉีดพ่นทางใบ แล้วก็รอจนกระทั่งเก็บผลผลิตได้

8. เก็บผลผลิตอย่างต่อเนื่องไปได้เรื่อยๆ และเมื่อเก็บผลหมดแล้วให้ตัดแต่งกิ่งเพื่อให้มะเขือออกยอดและใบใหม่ ก็จะมีดอกและลูกตามมาอีกเรื่อยๆ และเมื่อผลแก่สามารถนำเมล็ดไปขยายพันธุ์ต่อไปอีกได้



การป้องกันกำจัดศัตรูมะเขือยักษ์

คุณ จักรกฤษ์กล่าวว่า มะเขือยักษ์ก็เหมือนมะเขือทั่วไป แต่ใบของมะเขือยักษ์จะใหญ่มาก เมื่อลงดินประมาณ 2-3 สัปดาห์ มักจะมีแมลงมาเกาะใต้ใบ ส่วนใหญ่ที่พบ จะเป็นเพลี้ยอ่อน ให้ฉีดพ่นด้วยสารไล่แมลงหรือน้ำส้มควันไม้ ศัตรูพืชอีกอย่างของมะเขือคือ หนอนผีเสื้อ มักจะเกิดกับยอดอ่อนของมะเขือ เมื่อพบว่ายอดมะเขือเหี่ยว ให้เด็ดยอดที่เหี่ยวมาดูจะพบหนอนอยู่ที่บริเวณยอดอ่อน ให้ฉีดพ่นสารไล่แมลง หรือน้ำส้มควันไม้ก็ได้ สำหรับโรคที่พบ ได้แก่ โรคผลเน่าแห้งสีดำหรือปลายผลดำ ป้องกันและกำจัดโดยใส่หินปูน หรือปูนขาว รองก้นหลุม 1-2 ช้อนแกง ต่อหลุม ส่วนโรคราแป้ง ป้องกันและกำจัด โดยใช้สารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น กำมะถันผงชนิดละลายน้ำ ฉีดพ่นในเวลาเช้ามืดที่มีอากาศเย็นหรือตอนเช้า


แต่ถ้าใส่ปุ๋ยปลาร้า หรือน้ำหมักชีวภาพจากปลาทะเลแล้ว แทบจะไม่มีแมลงศัตรูพืชมารบกวน อีกทั้งยังมีลำต้นแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักมะเขือที่ผลโตมากๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นทั้งปุ๋ยบำรุงดินและยาควบคุมศัตรูพืชควบคู่กัน ปลอดภัยต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น มะเขือจะมีวัชพืชรบกวน ควรหมั่นกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ

ปัจจุบัน ทางกลุ่มได้เตรียมเมล็ดพันธุ์ กล้าพันธุ์ รวมทั้งมะเขือยักษ์กระถาง ที่สามารถนำไปเป็นไม้ประดับได้ ไว้รองรับแก่เกษตรกรและผู้สนใจโดยทั่วไป

สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาที่ คุณจักรกฤษ์ นกทอง โทร. (087) 696-5470 คุณสำรวย ทองแพง โทร. (085) 175-8590 คุณเสรี ถนนแก้ว โทร. (085) 196-3023 หรือสำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110 และทางโทรศัพท์-โทรสาร (032) 201-568, (032) 211-922 ในเวลาราชการ



อมรศรี ตุ้ยระพิงค์ tuiraping@hotmail.com


matichon









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-05-16 (2279 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©