มะเขือยักษ์จากเกษตรตะวันตก
มะเขือยักษ์ (Giant Eggplant) พันธุ์ใหม่ Sukhothai Pearl มะเขือผลใหญ๋พิเศษขนาดผลโดยเฉลี่ย 0.8-1.5 กิโลกรัม สามารถนำมาปรุงอาหารรับประทานได้เช่นเดียวกันกับมะเขือปกติ ปลูกเลี้ยงง่าย เจริญเติบโตรวดเร็ว 1 เดือน เริ่มติดผล
ค
งไม่เป็นการเปิดตัวช้าเกินไปสำหรับมะเขือยักษ์ที่สำนักส่งเสริมและพัฒนาการ เกษตรเขตที่ 2 จังหวัดราชบุรี ได้ส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานได้ปลูกพืชผักสวนครัวเพื่อบริโภคในครัว เรือน หรือเพื่อจำหน่ายเป็นการเสริมเพิ่มเป็นรายได้ ทั้งนี้ ในส่วนที่ปลูกเพื่อบริโภคก็จะปลูกเป็นรายบุคคล ส่วนที่ปลูกเพื่อเสริมรายได้ก็จะปลูกเป็นรายกลุ่ม และมีกลุ่มหนึ่งได้ปลูกมะเขือยักษ์นี้เป็นพืชตัวเด่น เมื่อได้ผลผลิตแล้วก็ได้ประชาสัมพันธ์ตัวเงียบๆ โดยได้เปิดตัวครั้งแรกในงานเกษตรภาคตะวันตก ปี 2551 ซึ่งจัดขึ้นที่สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 จังหวัดราชบุรี เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้มาชมงาน จนผลผลิตและพันธุ์ที่นำมาจำหน่ายในงานไม่เพียงพอต่อความต้องการ จึงได้รับสั่งจองพันธุ์ไว้ ส่วนหนึ่งก็ได้มีการสั่งจองไปเป็นไม้ประดับในกระถาง
ก่อนจะปลูกพืชแต่ละอย่าง ผู้ปลูกต้องทำการวิเคราะห์พืชก่อนปลูก สำหรับกลุ่มที่ปลูกมะเขือยักษ์นี้ได้วิเคราะห์ว่าควรจะปลูกมะเขือเปราะ เนื่องจากเป็นพืชที่ปลูกง่าย โตไว ให้ผลตอบแทนเร็ว และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นาน มีคุณค่าทางอาหารสูง อุดมด้วยวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี ธาตุเหล็กและแคลเซียม อีกทั้งเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคสูงสุด เพราะสามารถบริโภคได้ทั้งเป็นผักสด นอกเหนือจากกินมะเขือสดกันมากแล้ว คนไทยยังใช้มะเขือมาทำอาหารมากมายเป็นพิเศษ ทั้งปิ้ง เผา ผัด และเอามาแกง ที่ขึ้นหน้าขึ้นตาที่สุด คือเอามะเขือมาปรุงรสน้ำพริกกะปิ น้ำพริกอื่นๆ เครื่องจิ้มต่างๆ คนไทยเองก็กินและปลูกมะเขือมาเนิ่นนานแล้ว ผัดเผ็ดต่างๆ มักใส่มะเขือเปราะที่หั่นเป็นซีกๆ ยำเนื้อย่างมะเขือเปราะใช้มะเขือฝานเป็นแว่นบางๆ มะเขือเปราะใส่ในหลนปลาร้าหรือปลาร้าสำเร็จ ช่วยทำให้หลนมีรสชาติกลมกล่อมขึ้น นอกจากนั้น ยังนิยมใส่ในแกงเผ็ด แกงเขียวหวาน แกงป่า มะเขือเปราะในแกงต่างๆ จะอ่อนนุ่มและดูดเอาน้ำและรสชาติของแกงไว้มาก อีกทั้งทำให้แกงข้นมากขึ้น มะเขือเปราะเวลาสุกจะมีรสหวานอ่อนๆ ซึ่งช่วยปรุงรสแกงให้กลมกล่อมขึ้น แกงแบบพื้นบ้านประจำภาค เช่น แกงแค แกงโฮะ ในภาคเหนือ และแกงเผ็ดแบบปักษ์ใต้ก็ขาดมะเขือเปราะไม่ได้ มะเขือเปราะยังเป็นที่รู้จักและแพร่หลายในต่างประเทศมากเป็นพิเศษ ถึงกับเรียกกันว่า มะเขือไทย (Thai eggplant) มีวางจำหน่ายตามซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ ส่วนใหญ่มักนิยมใส่แกงเผ็ดเหมือนกัน
ในปี 2550 ทางกลุ่มผู้ปลูกมะเขือของสำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 ได้แสวงหาและรวบรวมพันธุ์มะเขือต่างๆ มาปลูกเป็นแปลงๆ ในลักษณะเปรียบเทียบ ทดสอบ เรียนรู้ เพื่อหาพันธุ์และเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสม ทั้งวิธีการปลูก การดูแลรักษา ตามนโยบายของ คุณสุพจน์ แสงประทุม ผู้อำนวยการ สำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 จังหวัดราชบุรี โดยยึดหลักสำคัญใหญ่ๆ 3 ประการดังนี้
1. ต้องทราบต้นทุนการผลิตที่แท้จริง เพื่อจะได้ตระหนักในการหาแนวทางลดต้นทุนการผลิตให้ได้มากที่สุด
2. ต้องใฝ่หาแนวทางและเทคโนโลยีที่เหมาะสมในการผลิตเพื่อให้ผลผลิตมีคุณภาพและเพิ่มปริมาณ
3. ต้องปรับเปลี่ยนทัศนคติด้านการใช้สารเคมีและหันมาใช้สารชีวภาพให้มากขึ้น
และ ก็พบว่ามีแปลงทดสอบมะเขือแปลงหนึ่งมีต้นสูงใบใหญ่ ผลโตเท่าศีรษะเด็ก สีลายขาวและเขียวอ่อน น้ำหนักผลเฉลี่ย 1.5 กิโลกรัม เก็บผลผลิตได้นานต่อเนื่องนานกว่า 6 เดือนขึ้นไป ดังนั้น จึงได้ขยายพันธุ์เพื่อจำหน่ายในนามมะเขือยักษ์จากเกษตรตะวันตก จำหน่ายแก่ผู้บริโภคและผู้สนใจในท้องถิ่น ไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการ เพิ่งได้เปิดตัวครั้งแรกในงานเกษตรภาคตะวันตก เมื่อปลาย ปี 2551 แต่ก็ไม่ได้ประชาสัมพันธ์อย่างแพร่หลาย เป็นที่รู้จักในวงแคบๆ จวบจนกระทั่งช่วงนี้มีข่าวมะเขือพันธุ์ยักษ์ออกมา
ทางกลุ่มก็ได้ ตื่นตัวว่าได้ทำมากว่า 2 ปี แล้วเหมือนกัน น่าจะมีการแนะนำให้คนที่อยู่ในภูมิภาคตะวันตก ได้รับทราบว่าทางกลุ่มเองมีทั้งผล ต้นพันธุ์และเมล็ดพันธุ์เพียงพอต่อความต้องการของผู้สนใจ
การปลูกและดูแลรักษามะเขือยักษ์
คุณ จักรกฤษ์ นกทอง ประชาสัมพันธ์กลุ่มผู้ปลูกมะเขือเกษตรตะวันตกกล่าวว่า มะเขือยักษ์ดังกล่าว ปลูกง่ายและโตไว สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นาน สามารถเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่ดินและสภาพอากาศของประเทศไทยได้ทั่วไป สำหรับวิธีการปลูกต้นมะเขือยักษ์ตามแนวทางของกลุ่ม มีดังนี้
1. เริ่มจากการทำแปลงเพาะกล้าหรือถาดหลุมเพาะกล้าที่ใส่ดินผสม ซึ่งประกอบด้วย ดินละเอียด 3 ส่วน ปุ๋ยคอก 1 ส่วน ทรายหรือแกลบ 1 ส่วน รดน้ำและหยอดเมล็ดลงในแปลงหรือถาดหลุม หลุมละ 1 เมล็ด รดน้ำเช้า-เย็น
2. การเตรียมแปลงปลูก โดยไถดินให้ลึก 30-40 เซนติเมตร ตากดินไว้ 7-10 วัน
3. ย่อยดินให้ละเอียด หว่านปูนขาวในอัตรา 100-200 กิโลกรัม ต่อไร่ พร้อมใส่ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกอัตรา 2,000 กิโลกรัม ต่อไร่ และปุ๋ยสูตร 15-15-15 อัตรา 30 กิโลกรัม ต่อไร่ คลุกเคล้าในแปลง
4. ยกแปลงสูงประมาณ 30 เซนติเมตร กว้าง 120 เซนติเมตร เสร็จรดน้ำและคลุมด้วยฟางหรือพลาสติค เพื่อรักษาความชื้น
5. ขุดหลุม กว้าง 50×50 เซนติเมตร ระยะปลูกระหว่างต้น 70-80 เซนติเมตร ระหว่างแถว 90-100 เซนติเมตร
6. นำกล้ามะเขือเปราะที่มีอายุ 15 วัน หรือมีใบจริง 3-4 ใบ มาปลูกตามหลุมที่เตรียมดินไว้และรดน้ำให้ชุ่ม และสม่ำเสมอหลังย้ายกล้าทุกเช้า-เย็น เมื่อกล้าตั้งตัวดีแล้วรดน้ำวันละครั้ง
7. หลังย้ายปลูก 7-10 วัน ใส่ปุ๋ยสูตร 46-0-0 อัตรา 30 กิโลกรัม ต่อไร่ เพื่อเร่งการเจริญเติบโต ใส่ปุ๋ยสูตร 13-13-21 หรือ 8-24-24 อัตรา 50-100 กิโลกรัม ต่อไร่ โดยทยอยแบ่งใส่ในช่วงออกดอกติดผล ทุกๆ 20 วัน แต่ถ้ากรณีใส่ปุ๋ยปลาร้าหรือน้ำหมักชีวภาพจากปลาทะเล ใช้ครั้งแรกเมื่อต้นมะเขืออายุ ประมาณ 1 เดือน ในอัตราส่วน 1 ลิตร ต่อน้ำ 100 ลิตร ใช้ฉีดพ่นทางดิน หลังจากฉีดพ่นแล้วรอบแรก ทำการฉีดพ่นรอบสองอีก 15 วัน ฉีดพ่นอีกครั้งแต่ใช้ส่วนผสมอัตราส่วน 1 ลิตร ต่อน้ำหมักชีวภาพจากปลาทะเลผสมน้ำ 200 ลิตร ใช้ฉีดพ่นทางใบ แล้วก็รอจนกระทั่งเก็บผลผลิตได้
8. เก็บผลผลิตอย่างต่อเนื่องไปได้เรื่อยๆ และเมื่อเก็บผลหมดแล้วให้ตัดแต่งกิ่งเพื่อให้มะเขือออกยอดและใบใหม่ ก็จะมีดอกและลูกตามมาอีกเรื่อยๆ และเมื่อผลแก่สามารถนำเมล็ดไปขยายพันธุ์ต่อไปอีกได้
การป้องกันกำจัดศัตรูมะเขือยักษ์
คุณ จักรกฤษ์กล่าวว่า มะเขือยักษ์ก็เหมือนมะเขือทั่วไป แต่ใบของมะเขือยักษ์จะใหญ่มาก เมื่อลงดินประมาณ 2-3 สัปดาห์ มักจะมีแมลงมาเกาะใต้ใบ ส่วนใหญ่ที่พบ จะเป็นเพลี้ยอ่อน ให้ฉีดพ่นด้วยสารไล่แมลงหรือน้ำส้มควันไม้ ศัตรูพืชอีกอย่างของมะเขือคือ หนอนผีเสื้อ มักจะเกิดกับยอดอ่อนของมะเขือ เมื่อพบว่ายอดมะเขือเหี่ยว ให้เด็ดยอดที่เหี่ยวมาดูจะพบหนอนอยู่ที่บริเวณยอดอ่อน ให้ฉีดพ่นสารไล่แมลง หรือน้ำส้มควันไม้ก็ได้ สำหรับโรคที่พบ ได้แก่ โรคผลเน่าแห้งสีดำหรือปลายผลดำ ป้องกันและกำจัดโดยใส่หินปูน หรือปูนขาว รองก้นหลุม 1-2 ช้อนแกง ต่อหลุม ส่วนโรคราแป้ง ป้องกันและกำจัด โดยใช้สารป้องกันกำจัดเชื้อรา เช่น กำมะถันผงชนิดละลายน้ำ ฉีดพ่นในเวลาเช้ามืดที่มีอากาศเย็นหรือตอนเช้า
แต่ถ้าใส่ปุ๋ยปลาร้า หรือน้ำหมักชีวภาพจากปลาทะเลแล้ว แทบจะไม่มีแมลงศัตรูพืชมารบกวน อีกทั้งยังมีลำต้นแข็งแรง สามารถรับน้ำหนักมะเขือที่ผลโตมากๆ ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นทั้งปุ๋ยบำรุงดินและยาควบคุมศัตรูพืชควบคู่กัน ปลอดภัยต่อร่างกายและสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้น มะเขือจะมีวัชพืชรบกวน ควรหมั่นกำจัดวัชพืชอย่างสม่ำเสมอ
ปัจจุบัน ทางกลุ่มได้เตรียมเมล็ดพันธุ์ กล้าพันธุ์ รวมทั้งมะเขือยักษ์กระถาง ที่สามารถนำไปเป็นไม้ประดับได้ ไว้รองรับแก่เกษตรกรและผู้สนใจโดยทั่วไป
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ตลอดเวลาที่ คุณจักรกฤษ์ นกทอง โทร. (087) 696-5470 คุณสำรวย ทองแพง โทร. (085) 175-8590 คุณเสรี ถนนแก้ว โทร. (085) 196-3023 หรือสำนักส่งเสริมและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี 70110 และทางโทรศัพท์-โทรสาร (032) 201-568, (032) 211-922 ในเวลาราชการ
อมรศรี ตุ้ยระพิงค์ tuiraping@hotmail.com