ชาวสวนยางพาราพัทลุงทุกข์ซ้ำสวนยางพาราที่เหลือจากพายุพัดถล่ม เกิดโรคใบร่วงลามหนักและระบาดไปแล้วกว่า 50,000 ไร่ เกษตรหวั่นวิตก ร้องสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางพัทลุงเร่งลงพื้นที่ให้คำแนะนำอย่างเร่งด่วน
วันนี้ (13 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า เกษตรกรชาวสวนยางพาราในพื้นที่ จ.พัทลุง ต้องทุกข์ซ้ำหลังจากเมื่อช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาเกิดพายุพัดถล่มทำให้สวนยางพาราล้มได้รับความเสียหายไปกว่า 58,000 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 10 ของปริมาณยางที่ปลูกในจังหวัด
แต่ในขณะที่เกษตรกรชาวสวนยางยังไม่ฟื้น และพบว่าสวนยางที่เหลือจากพายุพัดถล่มกลับมีโรคใบร่วงระบาดไปแล้วกว่า 50,000 ไร่ และยังลุกลามอย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.เขาชัยสน อ.เมือง อ.ตะโหมด และ อ.ป่าบอน จนเป็นที่หวั่นวิตกของเกษตร และร้องให้สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางพัทลุงเร่งลงพื้นที่ให้คำแนะนำอย่างเร่งด่วน
ด้านสำนักงานกองทุนสงเคราะห์จังหวัดพัทลุงเปิดเผยว่า โรคใบร่วงในสวนยางพารา จะระบาดบริเวณพื้นที่ปลูกยางที่มีฝนตกชุก ความชื้นสูง และพบมากในบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตก คือ จ.ระนอง จ.พังงา จ.กระบี่ จ.ตรัง จ.ภูเก็ต และ จ.สตูล และภาคตะวันออก ได้แก่ จ.ระยอง จ.จันทบุรี และ จ.ตราด ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันออก คือ จ.ชุมพร จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช จ.สงขลา และ จ.พัทลุง ภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะเริ่มการระบาดของโรคในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม
สำหรับโรคที่หน้ากรีดยางโดยมีเชื้อราชนิดเดียวกันนี้เป็นสาเหตุเรียกว่า โรคเส้นดำ ซึ่งอาการของโรคที่ส่วนต่างๆ ของต้นยางซึ่งถูกเชื้อราชนิดนี้เข้าทำลายมีดังต่อไปนี้ คือ สำหรับอาการของโรคใบร่วง ใบยางจะร่วงทั้งที่มีสีเขียวสดและสีเหลือง
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศโดยมีลักษณะที่ปรากฏเด่นชัด คือ มีรอยช้ำสีดำอยู่ที่บริเวณก้านใบ และที่จุดกึ่งกลางของรอยช้ำมีหยดน้ำยางเกาะติดอยู่ด้วยใบยางร่วงที่เกิดจากเชื้อรานี้ เมื่อนำขึ้นมาสะบัดไปมาเพียงเบาๆ ใบย่อยจะหลุดทันที ซึ่งต่างกับใบยางที่ร่วงหล่นตามธรรมชาติ คือเมื่อนำใบยางที่ร่วงตามธรรมชาติมาสะบัดใบย่อยจะไม่หลุดออกจากก้านใบแผ่นใบบางครั้งจะเป็นแผลที่มีลักษณะช้ำฉ่ำน้ำ ขนาดของแผลไม่แน่นอน
สำหรับต้นยางอ่อนถ้าหากถูกเชื้อเข้าทำลายจะเกิดอาการยอดเน่าแล้วลุกลามไปทำลายก้านใบและแผ่นใบทำให้ต้นยางตายได้ การป้องกันกำจัดโรคใบร่วงของยางพาราที่เกิดจากเชื้อราชนิดนี้ เราสามารถทำการป้องกันและรักษาได้โดยใช้ยาฆ่าเชื้อราบางประเภท เช่น สารประกอบทองแดงผสมน้ำมันบางชนิดฉีดป้องกันก่อนถึงฤดูกาลของโรคระบาด
อย่างไรก็ดี การปฏิบัติเพื่อป้องกันรักษาโรคโดยวิธีดังกล่าว ในสวนยางที่มีต้นยางขนาดใหญ่มีอุปสรรคหลายประการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับเครื่องพ่นยา แต่ ทั้งนี้ต้นยางที่มีขนาดใหญ่ที่แสดงอาการใบร่วงนี้ไม่ได้รับอันตรายจนถึงกับทำให้ต้นยางตายได้ เพียงแต่ปริมาณน้ำยางหรือผลผลิตที่ได้ลดลงเท่านั้น
จึงไม่แนะนำให้ชาวสวนยางทำการพ่นยารักษาโรคในสวนยางขนาดใหญ่ แต่ขอแนะนำให้เจ้าของสวนยางที่มีต้นยางอายุน้อยกว่า 2 ปี ทำการฉีดป้องกันรักษาโรคเพื่อมิให้ต้นยางเน่าตายเนื่องจากการเป็นโรค โดยใช้ยา ไดโฟลาแทน 80 ผสมน้ำมีอัตราส่วน ยา 2 กรัมต่อน้ำ 1 ลิตรฉีดพุ่มใบเพื่อป้องกันโรคทุกๆ สัปดาห์ ระหว่างที่เกิดโรคระบาดในท้องที่นั้นๆ สำหรับต้นยางขนาดใหญ่ที่เกิดโรคใบร่วงอย่างรุนแรงจนใบร่วงหมดต้น ให้เจ้าของสวนเร่งการเจริญเติบโตของต้นยางต่อไป
ที่มา : ASTV ผู้จัดการออนไลน์ (วันที่ 13 ธันวาคม 2553)