-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 618 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

สิ่งแวดล้อม









 

กลุ่มเกษตรกรเบตงผลิต ยางคอมปาวด์ขายจีน

เมื่อวันก่อน นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมคณะได้ตรวจเยี่ยมการผลิตยางคอมปาวด์ ยางแผ่นรมควัน และการรวบรวมน้ำยางสด ของกลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านธารน้ำทิพย์ ตำบลธารน้ำทิพย์ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา ซึ่งเป็นกลุ่มเกษตรกรที่มีความเข้มแข็งในการดำเนินงานกลุ่มหนึ่งของพื้นที่ใต้สุดของประเทศไทย
   
กลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านธารน้ำทิพย์ อำเภอเบตง จังหวัดยะลา เกิดจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ส่งผลให้ราคายางพาราตกต่ำ โดยในปี 2550 ทางกลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านธารน้ำทิพย์ จึงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับยางพารา โดยการผลิตยางคอมปาวด์เนื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาดโลกและมีราคาดีกว่ายางแผ่นรมควัน โดยเฉพาะประเทศจีนจะมีการเก็บภาษีนำเข้ายางแผ่นรมควันชั้น 3
   
กลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านธารน้ำทิพย์ นับว่าเป็นกลุ่มเกษตรกรนำร่องที่ผลิตยางคอมปาวด์เพื่อการส่งออก ทำรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยางพาราเพิ่มมากขึ้น โดยในปี 2551 ทางกลุ่มได้ผลิตยางคอมปาวด์ส่งออกไปแล้ว กว่า 2,500 ตัน มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท
   
สำหรับยางคอมปาวด์ราคาจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 54 บาท เมื่อเปรียบเทียบกับยางแผ่นรมควันชั้น 3 จะอยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 35-38 บาท สำหรับปี 2552 ประเทศจีนเริ่มมีการจัดหายางคอมปาวด์เพิ่มมากขึ้น ซึ่งคาดว่าในปี 2553 นี้จะมีการสั่งซื้อยางคอมปาวด์จากประเทศจีนเพิ่มขึ้น
   
ปัจจุบันประเทศไทยมีกำลังการผลิตยางพาราอยู่ที่ 3.2 ล้านตันต่อปี ใช้ยางธรรมชาติในประเทศ 10 เปอร์เซ็นต์ นอกนั้นส่งออกในรูปแบบของยางแผ่นรมควันอัดก้อน, ยางแท่งและน้ำยางข้น 60 เปอร์เซ็นต์
   
สำหรับการแปรรูปยางคอมปาวด์ วัตถุดิบที่ใช้มียางแผ่นรมควัน, ยางแท่งปัจจุบันตลาดยางคอมปาวด์มีการขยายตลาดเพิ่ม สูงขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในประเทศจีน ทำให้ผู้ประกอบการโรงงานหันมาแปรรูปเป็นยางคอมปาวด์เพิ่มมากขึ้น เพื่อรองรับตลาดที่มีความต้องการเพิ่มสูงขึ้น แต่ในประเทศไทยมีเพียงไม่กี่ราย ที่มีกำลังการผลิตยางคอมปาวด์ หนึ่งในนั้นก็คือกลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านธารน้ำทิพย์
   
ยางคอมปาวด์มีราคาดีกว่ายางแผ่นรมควัน โดยเฉพาะประเทศจีนจะมีการเก็บภาษีนำเข้ายางแผ่นรมควันชั้น 3 ส่วนยางคอมปาวด์ไม่มีการเก็บภาษีนำเข้าเป็นระยะเวลา 6 ปี ทำให้ลูกค้าหันมาสนใจใช้ยางตัวนี้เพิ่มมากขึ้น เพราะช่วยลดต้นทุนการผลิต  ประกอบกับรัฐบาลจีนกับประเทศคู่ค้ายาง ได้มีข้อตกลงอาฟต้า ยกเว้นภาษีนำเข้าของจีนให้กับยางคอมปาวด์เพียงอย่างเดียว นอกนั้นจะต้องเสียภาษีนำเข้า 20% บวก Vat อีก 17%
   
ที่สำคัญ ยางคอมปาวด์มีคู่แข่งทางการค้าน้อย จึงเป็นโอกาสดีของผู้ผลิตและส่งออกยางคอมปาวด์ โดยเฉพาะประเทศไทย ทั้งนี้เนื่องจากผู้ประกอบการส่งออกยางคอมปาวด์จะต้องมีใบรับรองจากกรมการค้าต่างประเทศ ที่เรียกกันว่าเอกสารฟอร์มอี เพื่อระบุแหล่งกำเนิดสินค้าจากประเทศไทย ว่าเป็นยางคอมปาวด์ที่ผลิตในประเทศไทยเท่านั้น จึงจะได้รับการยกเว้นภาษีนำเข้าสู่ประเทศจีน ซึ่งนับว่าเป็นช่องทางที่ดีของยางคอมปาวด์ไทย
   
และที่สำคัญจากการให้ความสนใจ ติดตามความคืบหน้าและแนวทางในการดำเนินงานของกลุ่มเกษตรกรทำสวนบ้านธารน้ำทิพย์ครั้งนี้ของอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ น่าจะเป็นอีกหนึ่งของแนวทางการเดินหน้าเพื่อการพัฒนาขบวนการผลิตและการส่งเสริมด้านการตลาดให้เพิ่มมากขึ้นสำหรับกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่ อันจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้กลุ่มเกษตรกรมีความเข้มแข็งและมั่นคงมากยิ่งขึ้นนั่นเอง.


ที่มา  :  เดลินิวส์









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-05-16 (1691 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©