สุทธิทัต
ปั้นดินให้เป็นเงิน หมาจิ๋ว "Dog in Bottle"
"ตนเองไม่มีความสามารถทางศิลปะแม้แต่น้อย แม้กระทั่งวาดรูปยังทำไม่ได้ แต่การปั้นดินที่ออกมาได้และคิดว่าดี เพราะเขาใส่จินตนาการทางความคิดเข้าไป โดยไม่ใช้วิธีการลอกเลียนแบบ ฉะนั้น สัตว์ที่ปั้นออกมาเขาจะเรียนรู้นิสัย ลักษณะเฉพาะตัวของสัตว์ชนิดนั้นโดยละเอียด ก่อนปั้นออกมาเป็นสัตว์ในท่วงท่าต่างๆ อย่างได้อารมณ์เสมือนจริง"
"พี่หมู เปิดร้านจำหน่ายสุนัขจิ๋ว (ขนาดพกพา) เลี้ยงดูง่าย มีหลากหลายพันธุ์ให้เลือกไปดูแล ไม่ต้องให้อาหาร ไม่ต้องหาเห็บ ไม่ต้องพาไปฉีดยา เหมาะแก่การเลี้ยงไว้ดูเล่น (ดูเล่นจริงๆ) สนใจอยากมีไว้ครอบครอง ติดต่อพี่หมูได้เลย สามารถปรับแต่งพันธุกรรมได้ตามต้องการ สีไหนลายไหน เลือกได้สั่งได้ครับ"
และปิดท้ายด้วย "นึกถึงหมา เรียกหาหมู"
ข้อความ 2 ประโยคข้างต้น เป็นถ้อยคำที่สละสลวยรวยความคิดของผู้ที่ได้ชื่อว่า เป็นผู้ปั้นแต่ง "ดิน" ให้เกิดงานศิลปะชิ้นเล็กที่เรียกได้ว่า "จิ๋ว" ออกมาเป็นรูปสัตว์เลี้ยงประเภทต่างๆ โดยเน้นไปที่สัตว์ที่มีผู้นิยมเลี้ยงมากที่สุดตามลำดับ ได้แก่ สุนัขและแมว โดยเจ้าตัวโพสต์ข้อความนี้ลงในเว็บไซต์ยอดนิยมมัลติพลาย (www.multiply.com) ส่งผลให้ผู้อ่านจำนวนมากเข้ามาโพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นต่องานศิลปะขนาดจิ๋วในแง่มุมต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่แสดงความชื่นชมและชื่นชอบในผลงาน ติดต่อซื้อ รวมถึงบางรายสนใจสมัครขอความรู้เรียกแทนตนเองว่าลูกศิษย์เลยทีเดียว
"พี่หมู" สรรพนามแทนตัวเองของผู้นี้ เป็นชายร่างใหญ่ วัย 40 ปีเศษ หากเห็นเพียงรูปร่างลักษณะอาจไม่เชื่อว่า เขาผู้นี้เป็นผู้สร้างสรรค์งานอย่างสวยงามภายใต้งานชิ้นจิ๋ว ที่หากไม่เห็นด้วยตาอาจไม่เชื่อได้
เลือกปั้นดินเป็นงาน
ทำได้ดีและมีความสุข
บริเวณด้านหน้าลิฟต์โดยสารชั้น 6 โซน paco shopping village ห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง เซ็นเตอร์ ปทุมวัน มีพื้นที่ขนาดเล็กกะทัดรัดราว 1.5 ตารางเมตร เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีผู้เช่าพื้นที่วางผลิตและขายของงานชิ้นเล็กตามพื้นที่ที่ได้ทำเล แต่มูลค่าการขายสินค้าไม่ได้เล็กตามขนาดสินค้าและพื้นที่เลย
คุณพงศ์ธวัช เลิศกิจอนันต์ เจ้าของธุรกิจจิ๋วๆ บอกเล่าที่มาที่ไปย้อนอดีตไปเมื่อราว 25 ปีก่อน ว่า งานปั้น เป็นสิ่งที่ทำเงินให้กับเขาในวัยมัธยมอย่างไม่น่าเชื่อ เพียงแค่เขาและน้องชายหยิบดินคลุกกาวลาเท็กซ์ปั้นเป็นรูปสัตว์ได้จำนวนหนึ่ง แล้วนำไปวางขายแบกับดินย่านพัทยา มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจเลือกซื้อจนได้เงินกลับบ้านครั้งนั้นกว่า 2,000 บาท แต่สุดท้ายก็ไม่ได้นำมาใช้ในชีวิตการทำงานเมื่อถึงวัยทำงาน
คุณพงศ์ธวัช ไม่ได้ศึกษาวิชาที่เกี่ยวข้องด้านศิลปะแม้แต่น้อย แต่เขามีดีกรีวุฒิการศึกษาด้านภูมิศาสตร์ ซึ่งถือว่าคนละทางกับสิ่งที่เรียกว่า "อาชีพ" ในปัจจุบัน แต่คุณพงศ์ธวัช ก็บอกกับตัวเองว่า เขาเป็นคนหนึ่งที่มีชีวิตเติบโตตามลำดับขั้นไม่แปลกจากคนอื่นโดยทั่วไป คือ เรียนจบ ทำงานตามสายงานที่ร่ำเรียนมา เปลี่ยนถ่ายโยกย้ายงาน ตำแหน่งหน้าที่การงานสูงขึ้น และสุดท้ายเป็นเจ้าของธุรกิจเอง
"ผมจบภูมิศาสตร์ ทำงานเกี่ยวกับแผนที่ ต้องใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกเป็นส่วนประกอบในการทำ ออกสำรวจพื้นที่ กำหนดจุด เมื่อเติบโตในสายงานเต็มที่จึงลาออกมาตั้งบริษัทขายระบบคอมพิวเตอร์กับเพื่อน ในช่วงแรกกิจการไปได้ดี มีเงินหมุนเวียนหลักล้านบาท แต่ต่อมาธุรกิจก็เจ๊ง เพราะไม่รู้ระบบการตลาด จึงคิดหาวิธีการเพิ่มรายได้ตามสไตล์ของคนไม่อยู่นิ่ง นำของในบ้านมาเปิดท้ายขายของ พอของหมดจึงลองซื้อมาขายไป โดยซื้อเสื้อผ้าจากตลาดโรงเกลือ และสินค้าจากตลาดคลองถมมาขาย แต่สุดท้ายก็รู้ว่าไม่ใช่ทางของเรา"
ประสบการณ์ชีวิตและการทำงานยาวนานกว่า 20 ปีในช่วงนั้น ทำให้คุณพงศ์ธวัชมองหาสิ่งที่เหมาะกับตนเอง ซึ่งเขาเลือกสิ่งที่ทำได้ดีและมีความสุข นั่นคือ "การปั้นดิน" โดยสิ่งแรกที่เขาทำคือ นำดินเท่าที่หาได้ตามท้องตลาด และวัสดุอุปกรณ์เท่าที่หาได้ภายในบ้าน เช่น ไม้จิ้มฟัน เกรียง (วัสดุที่ใช้ทำงานศิลปะ) กรรไกร คัตเตอร์ พู่กันขนาดเล็กใหญ่ ปั้นเป็นสัตว์ชนิดต่างๆ มองหาทำเลขนาดเล็กได้ที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งย่านตะวันออกของพื้นที่กรุงเทพฯ และถือเป็นจุดเริ่มต้นของการขาย "ดินปั้น"
ใช้ "ดินไทย" เด่นเฉพาะตัว
ปั้นหมา สัตว์เลี้ยงยอดนิยม
คุณพงศ์ธวัช ยอมรับว่า ขณะนั้นยังไม่สนใจเรียนรู้เรื่องระบบการตลาด แม้ว่าจะผลักตัวเองเข้ามาเป็นพ่อค้าแล้วก็ตาม จึงตั้งหน้าตั้งตาขายโดยไม่สนใจจัดระบบการขาย ใช้วิธีเมื่อของหมดจึงผลิตเพิ่ม ประเดิมการขายด้วยราคาที่คุณพงศ์ธวัชไม่ขอเปิดเผยตัวเลข แต่ยอมรับว่าเป็นราคาที่ต่ำมากสำหรับท้องตลาด
"หลังขายราว 4 เดือน คิดว่าดินปั้นที่ลูกค้าซื้อไปอาจมีอายุในทางคุณสมบัติของมัน ซึ่งจะทำให้สินค้ามีอายุไม่ยืนยาว ดินจะหลุดร่วงออกจากกันเอง หรือ อาจกร่อน แตก ผมพยายามหา "ดิน" ที่มีคุณสมบัติเหมาะสำหรับการปั้นมือ คงทน เกาะแน่น เมื่อเห็นดอกไม้ดินปั้นที่ขายในตลาดงานฝีมือและได้รับความนิยมสูง ติดตามต่างประเทศ จึงตัดสินใจติดตามสืบหาต้นตอของดินที่ใช้ทำ ซึ่งใช้เวลานานพอสมควร แต่ในที่สุดก็ทราบแหล่งดินที่ใช้สำหรับการปั้น ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะตามที่ตั้งใจไว้"
คุณพงศ์ธวัช นำ "ดิน" มาแสดงความยืดหยุ่นให้ดู ด้วยการบีบนวดและแปรสภาพดินเป็นรูปทรงต่างๆ โดยชี้ให้เห็นว่า ดินชนิดนี้เป็นดินที่มีความยืดหยุ่นเหมาะสำหรับการปั้นด้วยมือ มีการเกาะตัวของเนื้อดินเองสูง ทำให้ระยะเวลาเสื่อมสภาพของเนื้อดินนาน อย่างน้อย 20 ปีหรือมากกว่านั้น และเขาเรียกดินชนิดนี้ว่า "ดินไทย" โดยในทางการตลาดมีชื่อเรียกเฉพาะของดินชนิดนี้แตกต่างกัน
เมื่อได้เนื้อดินที่เหมาะสำหรับการปั้นมือตามความรู้สึกของคุณพงศ์ธวัช เขาเริ่มปั้นเฉพาะสัตว์ที่คนนิยมเลี้ยงในอันดับต้นๆ คือ สุนัข และแมว มีสัตว์ชนิดอื่นปะปนมาในการปั้นบ้างประปราย แต่ไม่บ่อยนัก แต่ในระหว่างนั้นเขายังคงปั้นสัตว์หลายขนาด ซึ่งมีลูกค้าให้ความสนใจเพิ่มขึ้นเป็นระยะ ส่งผลเรื่องของรายได้ที่ทำให้คุณพงศ์ธวัชสามารถเลี้ยงตัวอยู่ได้
เมื่อถามถึงเทคนิคการปั้นที่ดึงดูดใจลูกค้า คุณพงศ์ธวัช เล่าว่า ตนเองไม่มีความสามารถทางศิลปะแม้แต่น้อย แม้กระทั่งวาดรูปยังทำไม่ได้ แต่การปั้นดินที่ออกมาได้และคิดว่าดี เพราะเขาใส่จินตนาการทางความคิดเข้าไป โดยไม่ใช้วิธีการลอกเลียนแบบ ฉะนั้น สัตว์ที่ปั้นออกมาเขาจะเรียนรู้นิสัย ลักษณะเฉพาะตัวของสัตว์ชนิดนั้นโดยละเอียด ก่อนปั้นออกมาเป็นสัตว์ในท่วงท่าต่างๆ อย่างได้อารมณ์เสมือนจริง
เปิดตัวสู่การค้า
กำไรกว่า 90 เปอร์เซ็นต์
เพียง 2 ปี ของการขายที่ห้างสรรพสินค้าย่านตะวันออกของเมืองกรุง คุณพงศ์ธวัชเป็นที่รู้จักของนักเดินช็อปปิ้งและผู้ชื่นชอบสุนัขและแมวเป็นพิเศษ เมื่อฝีมือเตะตาเอเย่นต์ส่งออกรายหนึ่ง เขาได้รับทาบทามให้ปั้นเพื่อส่งสินค้าให้กับเอเย่นต์ส่งออก ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นช่องทางหนึ่งที่สร้างรายได้จึงตัดสินใจร่วมงาน ซึ่งการตัดสินใจครั้งนั้น ทำให้คุณพงศ์ธวัชเข้าสู่ระบบการบริหารจัดการและการตลาดแบบผิดๆ โดยมุ่งมั่นผลิตสินค้าให้ได้ตามความต้องการของเอเย่นต์ แม้ว่าคุณภาพยังคงได้มาตรฐานตามที่เขาตั้งไว้ แต่ในทางการผลิตคุณพงศ์ธวัชเป็นผู้ผลิตเพียงผู้เดียว ทุ่มเทให้กับการทำเกือบตลอดเวลาเป็นระยะเวลากว่า 7 ปี และเลิกวางขายที่ห้างสรรพสินค้าแห่งนั้น หันมาทำงานส่งให้กับเอเย่นต์เพียงรายเดียว
"ตอนนั้นคิดเพียงปั้นดินให้ได้มากที่สุดตามออร์เดอร์ที่ได้รับ ตลอด 7 ปี ผมอยู่ในห้องทำแต่งาน จนวันหนึ่งน้องสาวนำตุ๊กตาดินปั้นของผมมาให้ดู และบอกว่าซื้อมาจากต่างประเทศ แต่ระบุว่าผลิตโดยคนพื้นเมืองของที่นั่น ทำให้รู้สึกว่าน่าจะทำขายเอง และตัดสินใจในท้ายที่สุดเลิกผลิตส่งให้กับเอเย่นต์ส่งออก มองหาทำเลวางขาย เพื่อแสดงตัวให้คนรู้จักว่าสิ่งนี้คือ งานฝีมือของเรา"
ระยะหลังการปั้นดินกำหนดกรอบลง เป็นการปั้นขนาดให้เล็กลงและเล็กมากอย่างที่เรียกว่า "จิ๋ว" และ "เล็กกว่าจิ๋ว" และเลือกปั้นสัตว์ประเภทสุนัขมากกว่าสัตว์ประเภทอื่น โดยศึกษาลักษณะเฉพาะของสุนัขพันธุ์ต่างๆ เพื่อนำจินตนาการมาใส่เมื่อลงมือปั้นทุกครั้ง รวมทั้งการพูดคุยถึงลักษณะเฉพาะของสัตว์เลี้ยงตามสายพันธุ์ที่ลูกค้าเลี้ยงหรือรัก ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์หนึ่งในการขาย ซึ่งคุณพงศ์ธวัชให้ความสำคัญกับกลยุทธ์ทางการบริหารจัดการและการตลาดมากพอกับการควบคุมคุณภาพการปั้นดินให้คงมาตรฐานของเขาเอง
แม้ราคาค่าเช่าทำเลในห้างสรรพสินค้ากลางกรุง ซึ่งเป็นทำเลล่าสุดที่คุณพงศ์ธวัชเลือกจะมีราคาค่าเช่าสูงถึงเดือนละ 6,000 บาท และมีพื้นที่เพียง 1.5 ตารางเมตร ก็ตามแต่ในทุกเดือนของการขาย คุณพงศ์ธวัชยอมรับว่า ผลกำไรจากการขายสูงถึง 95 เปอร์เซ็นต์ ต่อชิ้น โดยคิดจากต้นทุนที่ไม่รวมการเติมจินตนาการทางความคิดลงไปในการปั้นแต่ละครั้ง
คุณพงศ์ธวัช ทิ้งท้ายว่า นี่เป็นสิ่งพิสูจน์ได้ว่า งานแฮนด์เมดยังคงได้รับความนิยม โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ชื่นชอบงานที่มีความต่างไม่เหมือนใคร ซึ่งหากใครต้องการชมการปั้นดินจากจินตนาการและฝีมือการปั้น สามารถแวะเวียนไปชมที่ร้านโดยไม่คิดมูลค่า และเพื่อไม่ให้เสียเวลาควรโทรศัพท์สอบถามล่วงหน้าก่อนที่ โทรศัพท์ (081) 923-8171 ได้ตลอดเวลา หรือตามคำจำกัดความข้างต้นระบุไว้ว่า "นึกถึงหมา เรียกหาหมู"
ข้อมูลจำเพาะ
กิจการ ผลิตและจำหน่ายตุ๊กตาดินปั้นหมาและสัตว์เลี้ยงขนาดจิ๋ว
ชื่อกิจการ Dog in Bottle
ลักษณะกิจการ เจ้าของคนเดียว
เจ้าของกิจการ คุณพงศ์ธวัช เลิศกิจอนันต์
เงินลงทุน หลักพันบาทขึ้นกับจำนวนการผลิต ไม่รวมค่าทำเล
วัตถุดิบ/วัสดุอุปกรณ์ ดินไทย สีน้ำมันหรือสีอะครีลิก อุปกรณ์ตัดเย็บและเครื่องเขียนที่หาได้ภายในบ้าน
รูปแบบการขาย ขายปลีก
ทำเล ตลาดค้าทุกระดับ
สินค้า ตุ๊กตาดินปั้นหมาจิ๋ว และสัตว์ชนิดอื่นขนาดจิ๋ว
ราคา 100 บาทขึ้นไป
กำไร 95 เปอร์เซ็นต์ ต่อชิ้น
กลุ่มลูกค้า นักท่องเที่ยว และผู้ชื่นชอบสุนัขและสัตว์เลี้ยง
จุดเด่นของสินค้า งานแฮนด์เมด
สถานที่ตั้ง ชั้น 6 โซน paco shopping village ห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง เซ็นเตอร์
โทรศัพท์ (081) 923-8171
เว็บไซต์ moodib@hotmail.com, moodib.multiply.com
ที่มา : เส้นทางเศรษฐี
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.