ศัลยกรรมต้นไม้ นายแพทย์สีเขียวแห่งสวนสราญรมย์
ตามรอย "หมอต้นไม้" เจาะลึกการทำงานของหน่วยกู้ชีพ ที่ช่วยต่อลมหายใจให้พืชโบราณอายุข้ามศตวรรษ ณ สวนสาธารณะเก่าแก่ของ กทม.
ไม่น่าเชื่อว่า...ต้นไม้ก็เกิดอาการเครียดได้ เมื่อเครียดแล้วจะไม่มีภูมิต้านทานโรคและค่อยๆ ผุกร่อน นั่นหมายถึงมันกำลังป่วย จึงต้องเรียกหาหมอตจึงต้องเรียกหาหมอต้นไม้มาช่วยกันรักษา
มนุษย์ร้อนก็บ่น หนาวก็โอดครวญ ป่วยก็โวยวาย ส่วนต้นไม้เวลาเครียดหรือป่วย มันไม่มีโอกาสทำเหมือนมนุษย์
รู้ไหมเวลามันเครียด มันจะเป็นอย่างไร...ระบบกลไกการสะสมพลังงานตามธรรมชาติของมันก็จะบกพร่อง จะเรียกว่าป่วยจนเครียดก็ว่าได้ ลำต้นมันจะเป็นแผลเกิดโพรงผุๆ มีอาการอักเสบ ถ้าอาการหนักมากๆ ก็ตายในที่สุด
เรื่องนี้ คุณหมอต้นไม้ช่วยได้
เมื่อต้นไม้ป่วย คุณหมอต้องแวะเวียนมารักษา เพราะต้นไม้ป่วยจากหลายสาเหตุ บางครั้งกิ่งฉีกหัก เป็นแผลถูกรถชน ถูกตอกตะปูเพื่อใช้แขวนนั่นแขวนนี่ ฯลฯ เพราะบางคนคิดว่า ทำแบบนี้กับต้นไม้ มันไม่เจ็บ ทั้งๆ ที่เป็นการทำร้ายต้นไม้
ดังนั้นลองหันมาดูต้นไม้คู่บ้านคู่เมืองอายุกว่าร้อยปีบริเวณพระบรมมหาราชวัง รอบๆ สนามหลวง ต้นไม้บางต้นถูกฉาบด้วยปูน นั่นคือ การศัลยกรรมเพื่อช่วยชีวิตต้นไม้ ไม่ให้ตายเร็ว
เป็นเช่นนี้เอง มนุษย์จึงต้องปฏิบัติกับต้นไม้อย่างอ่อนโยน เหมือนชาวปกาเกอะญอหรือคนโบราณจะขอขมาทุกครั้งที่เฉือนเปลือกไม้เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ เพราะต้นไม้ใหญ่มีพลังมหาศาลในการเยียวยามนุษย์ตามธรรมชาติ
ต้นไม้เก่าแก่อายุร้อยปี
ต้นมะขามรอบสนามหลวง คาดคะเนว่า อายุกว่าร้อยปี แม้จะมีสภาพทนน้ำท่วมได้ดี แต่มันเจ็บป่วยได้ไม่ต่างจากต้นไม้อื่นๆ
นอกจากนี้ยังมีไม้ใหญ่อย่างจามจุรีใหญ่ แถวสวนลุมพินี และจุฬาฯ ดอกสีชมพูอ่อนดูโรแมนติกและงดงามทุกครั้งที่ออกดอกในเดือนนี้ รวมถึงก้ามปูใหญ่บนถนนวิทยุ
ต้นไม้โบราณเหล่านี้ หากล้มหายตายจากไป กว่าจะปลูกได้เหมือนเดิมต้องใช้เวลาหลายทศวรรษ จึงต้องมีหมอต้นไม้คอยช่วยชีวิต
“คุณรู้ไหมต้นอินต้นจันเป็นต้นเก่าแก่เพียงต้นเดียวในสวนสราญรมย์ ต้นนี้เพาะเมล็ดยากมาก เราก็เลยต้องดูแลอย่างดี” กิตติเดช จิ๋วสวัสดิ์ หัวหน้าสวนสราญรมย์ กรุงเทพมหานคร เล่าพลางชี้ให้ดูต้นไม้กลางสวนที่ร่มรื่น ระหว่างมีคนวิ่งออกกำลังกาย และได้รับทราบข้อมูลว่า หลายคนที่ใช้ประโยชน์จากสวนได้ร่วมกันหาผลไม้ให้กระรอกที่อาศัยตามต้นไม้ใหญ่กิน เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ตัวเล็กแทะเปลือกไม้
เห็นได้ว่า ต้นไม้โบราณมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าสถาปัตยกรรมสิ่งก่อสร้างโบราณ เมื่อมีการสร้างวัดวังก็ต้องมีการปลูกต้นไม้ มันเติบโตมาพร้อมๆ เรื่องเล่ามากมายในอดีต กว่าจะเติบโตแผ่กิ่งก้านสาขาเหมือนทุกวันนี้ก็ใช้เวลาหลายทศวรรษ
ข้าราชการด้านการเกษตรเช่น กิตติเดช ซึ่งทำงานด้านดูแลต้นไม้ทั้งบริเวณวัดและวังโบราณมานาน เขาบอกว่าเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ก่อนหน้าที่เขาจะมาอยู่ที่สวนสราญรมย์ ได้มีการรวมตัวกันเพื่อหาวิธีการดูแลต้นไม้โบราณ
“เรื่องนี้ผมต้องยกความดีให้คุณวิเชียร ไชยประดิษฐกุล คนที่ทำเรื่องศัลยกรรมต้นไม้ในยุคแรกๆ เขาช่วยทำศัลยกรรมต้นมะขามแถวสนามหลวง เพราะตอนนั้นโทรมมาก เราควรดูแลต้นไม้คู่บ้านคู่เมืองตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ให้ดีที่สุด”
ลองนึกดูว่า ถ้าไม่มีหมอต้นไม้ ต้นไม้โบราณที่ป่วยและบาดเจ็บกี่ร้อยต้นต้องล้มหายตายจากไป เกือบ 20 ปีที่หมอต้นไม้ต้องทำหน้าที่ช่วยชีวิตต้นไม้เหล่านี้ โดยทางกรุงเทพมหานครริเริ่มอย่างเป็นทางการสมัยผู้ว่าฯ พิจิตต รัตตกุล และจัดตั้ง โครงการหมอต้นไม้ และในที่สุดตั้งเป็นหน่วยศัลยกรรมต้นไม้รับผิดชอบดูแลต้นไม้โบราณในกรุงเทพมหานคร ดูแลทั้งถนนราชดำเนินนอก ราชดำเนินกลาง สวนลุมพินี สวนสราญรมย์และรอบวังสวนจิตรลดา ฯลฯ
ต้นไม้ก็เครียดเป็น
"เวลาคนเอาตะปูไปตอก รถวิ่งชนหรือสับต้นไม้ นั่นคุณกำลังทำให้ต้นไม้บาดเจ็บและป่วย" กิตติเดช บอกถึงเรื่องเล็กๆ ที่ทำให้ต้นไม้ป่วย ซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยใส่ใจในการดูแลต้นไม้สาธารณะ
และอดไม่ได้ที่จะถามว่า ต้นไม้ป่วย เราปล่อยให้เยียวยาตัวเองไม่ได้หรือ กิตติเดชบอกว่า ไม่ได้ เราต้องให้หมอต้นไม้ช่วย ไม่เช่นนั้นมันจะตาย สาเหตุมีหลายอย่าง ทั้งการติดเชื้อรา แมลงกัดแทะจนกลายเป็นโพรงผุ หรือบางครั้งถูกลมพัดแรง ลำต้นหัก ฯลฯ
เมื่อต้นไม้ป่วยก็ต้องดูแล เพื่อที่จะให้มันมีชีวิตเป็นร่มเงาและสร้างสีเขียวให้คนกรุงเทพฯ ดังนั้นหมอต้นไม้ในเขต กทม.จึงมีหน้าที่ดูแลต้นไม้และเป็นวิทยากรอบรมให้หน่วยงานและผู้สนใจ รวมถึงตระเวนสำรวจต้นไม้ริมถนนเพื่อช่วยชีวิตต้นไม้ บางต้นป่วยหนัก ผุเป็นโพรงใหญ่มาก จึงต้องทำศัลยกรรม"มะขามข้างรั้วสวนสราญรมย์ ต้นนี้ใหญ่ที่สุดในประเทศ น้ำหนักมากแต่ลำต้นเป็นโพรง ก็ต้องช่วยกันทำศัลยกรรม บางต้นเอนมากๆ ระบบรากมีปัญหาต้องใช้ไม้ค้ำยัน ไม่เช่นนั้นล้ม อย่างต้นมะขามแถวสนามชัยกว่าสิบต้น ลมพัดมาทำท่าจะล้ม เพราะระบบรากยังไม่ลึกพอ ต้องตัดแต่งกิ่งให้ทรงพุ่มน้อยลง
อย่างต้นไทรใหญ่ต้นนี้ (ริมรั้วสวนสราญรมย์) รากใหญ่มาก อาจทำลายระบบท่อระบายน้ำได้ ก็ต้องดูแล เพราะต้นไม้ชนิดนี้ห้ามปลูกบริเวณสิ่งก่อสร้าง" กิตติเดช เล่าขณะพาดูต้นไม้โบราณ
นอกจากต้นไม้ที่กล่าวถึง ยังมีต้นไม้โบราณอีกหลายชนิดกับเรื่องเล่าของสวนแห่งความรักสมัยรัชกาลที่ 5 ในสวนสราญรมย์ โดยเฉพาะช่วงลั่นทมขาว ลั่นทมแดง แข่งกันออกดอก
“เวลาต้นไม้เป็นแผล ถ้าไม่ทำแผล มันจะผุกร่อนมากขึ้น ต้นไม้บางชนิดมีแมลงกัดกิน เวลาฝนตกน้ำเข้าไปขังในโพรงไม้ ทำให้ต้นไม้ติดเชื้อ เราต้องรักษามัน” สุรพล ปิ่นแก้ว หมอต้นไม้และคนสวน สวนสราญรมย์เล่าให้ฟัง
เมื่อเกิดโพรงในลำต้น นั่นหมายถึงต้นไม้กำลังป่วยหนัก มันติดเชื้อราจนเกิดการอักเสบ เนื้อไม้จะค่อยๆ เปลี่ยนสี ผุเป็นแผลและร่วงหลุด ช่องว่างของโพรงก็จะขยายขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นต้นไม้ก็จะเครียด
ผลงานวิจัยของชิโก เมื่อปี ค.ศ.1991 บอกไว้ว่า หากต้นไม้ใหญ่มีสภาพไม่เอื้อกับการเติบโตหรือถูกเปลี่ยนสภาพ มันจะเครียดตลอดเวลา เมื่อเกิดความเครียดมันจะไม่สะสมพลังงานเพื่อใช้ในการต้านทานความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น จึงเกิดการผุเร็วขึ้น โดยธรรมชาติแล้วหากต้นไม้มีสภาพแข็งแรง มันจะหยุดยั้งการผุได้เองและปิดโพรงได้เองด้วยการสร้างผนังปิดล้อม
เป็นแผลต้องรักษา
การที่ต้นไม้ป่วยเป็นโพรงและค่อยๆ ผุ เนื่องจากเป็นแผลที่เปลือก หรือไม่ก็กิ่งฉีกหัก รวมถึงการตัดแต่งผิดวิธี พวกปลวก มดก็จะค่อยๆ กินเนื้อไม้ เชื้อโรคที่เกิดกับลำต้นก็จะค่อยๆ ขยายตัว
หมอต้นไม้เล่าว่า ต้นไม้ป่วยต้องดูแล จะทำทั้งแผลเปิดและแผลปิด ถ้าศัลยกรรมแบบแผลเปิด แสดงว่า อาการไม่หนัก ผุไม่มาก ก็แค่กรีดเนื้อเยื่อแล้วทายาปะด้วยปูน แต่คนส่วนใหญ่ขูดเนื้อเยื่อไม่เป็น ขูดไม่เจอเนื้อเยื่อดีที่จะทำให้ต้นไม้เจริญเติบโตต่อไป อาการป่วยก็จะไม่หาย
"ดูเหมือนการทำศัลยกรรมแบบนี้จะง่าย แต่คนส่วนใหญ่ไม่รู้วิธี ก็เอาปูนไปปะทับเนื้อเยื่อ ทำให้เนื้อเยื่อดีไม่เติบโต ถ้าทำถูกวิธีเนื้อเยื่อจะค่อยๆ เติบโตเชื่อมเข้าหากัน"
ส่วนศัลยกรรมแบบแผลปิด เกิดจากโพรงขนาดใหญ่ในลำต้น สุรพลบอกว่า ต้องใช้อุปกรณ์หลายอย่าง มีลวดตาข่ายเป็นเสมือนอุปกรณ์เข้าเฝือก เพื่อใช้กันแมลงและน้ำเข้า จากนั้นโบกปูนปะไว้บนตาข่ายเพื่อปิดโพรง ถ้าโพรงใหญ่ไม่ควรใช้ปูนอย่างเดียว เพราะลำต้นจะแบกน้ำหนักมากเกินไป
ก่อนจะทำแผลให้ต้นไม้ หมอต้องทำความสะอาดโพรงก่อน จากนั้นขูดเนื้อเยื่อไม่ดีออกไป ขั้นตอนสำคัญคือ การหาเนื้อเยื่อเส้นใยที่ดีให้เจอ ตรงนี้บอบบางมาก จะช่วยให้ไม้ฟื้นตัวและเติบโตจากด้านในออกมาปิดบาดแผล
สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับหมอต้นไม้คือ ไม่ควรตัดพุ่มใบออกมากเกินไป จนต้นไม้เสียสมดุล เพราะใบทำหน้าที่กักเก็บพลังงานจากแสงอาทิตย์ ถ้าตัดทิ้งมากไป ต้นไม้จะมีพลังงานไม่พอในการป้องกันโรคและแมลง
และหมอต้นไม้ไม่ควรทำให้เกิดแผลจากการศัลยกรรมมากเกินจำเป็น ไม่เช่นนั้นต้นไม้จะสูญเสียพลังงานสะสม
ที่มา: http://www.bangkokbiznews.com
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.