-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 678 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

แฟ้มงานวิจัย







ไฮเทคสู่ท้องนา "เครื่องวัดความชื้นข้าวพกพา" ทีเมคย่อไซส์ถนัดมือขึ้น 
 
นายนิมิต สมหวัง และหัววัดความชื้นและอุณหภูมิข้าวเปลือก

 หัววัดความชื้นและอุณหภูมิข้าวเปลือก 

 ดร.อัมพร โพธิ์ใย ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ 


นอกจากหัววัดความชื้นข้าวเปลือกแล้ว ยังมีหัววัดความชื้นและอุณหภูมิในโรงเพาะเห็ด ซึ่งช่วยควบคุมคุณภาพของการเพาะเห็ดได้ 


เนคเทคต่อยอด "เครื่องวัดความชื้นข้าว" ย่อขนาดจากใช้ติดตั้งในไซโลอบข้าว เหลือขนาดจับถนัดมือ ชาวนาพกพาได้ ตรวจสอบความชื้นในกองข้าวได้ เบื้องต้นทดสอบกับชาวนาในฉะเชิงเทราและ 5 จังหวัดในทุ่งกุลาร้องไห้ ตั้งความหวังภาคเกษตรใช้งานเซนเซอร์ได้ เพื่อมีตลาดรองรับไมโครอิเล็กทรอนิกส์กว้างขึ้น
       
ศูนย์เทคโนโลยีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ทีเมค) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) เปิดบ้านต้อนรับคณะสื่อมวลชนและตัวแทนภาคอุตสาหกรรมเยี่ยมชมห้องปฏิบัติการ ซึ่งตั้งอยู่ใน จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.52 ที่ผ่านมา พร้อมทั้งนำผลงานวิจัยของศูนย์มาจัดแสดง โดยเซนเซอร์วัดความชื้นและอุณหภูมิข้าวเปลือกเป็นหนึ่งในผลงานที่นำจัดแสดง ซึ่งก่อนหน้านี้ทีเมคเคยนำเปิดตัวเซนเซอร์ดังกล่าวไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่เป็นรุ่นที่ติดตั้งในไซโลอบข้าว ส่วนรุ่นล่าสุดเป็นรุ่นที่สามารถพกพาได้
      
       นายนิมิต สมหวัง ซึ่งเป็น 1 ในทีมวิจัยและพัฒนาเซนเซอร์วัดความชื้นและอุณหภูมิข้าวเปลือกนี้ กล่าวกับทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV- ผู้จัดการออนไลน์ ซึ่งร่วมเดินทางไปเยี่ยมชมศูนย์ทีเมคนี้ด้วยว่า หัววัดความชื้นข้าวเปลือกรุ่นแรกนั้นเป็นรุ่นที่ติดตั้งอย่างถาวรในไซโลอบข้าว ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ต่อมาได้พัฒนาให้พกพาได้ โดยเน้นให้สามารถเสียบหัววัดในกองข้าวได้ โดยหลักการทำงานของเครื่องคล้ายกันแต่การทำงานไม่เหมือนกัน
      
       "จากเดิมจะแสดงผลผ่านจอที่ติดตั้งบนผนังในไซโล ก็ย่อให้เล็กลงและติดตั้งที่ปลาย ด้ามจับของหัววัด และแสดงค่าความชื้น อุณหภูมิและความถี่ทางไฟฟ้า ซึ่งอย่างหลังเป็นข้อมูลเพื่อการวิจัยและหากชาวนานำไปใช้งานจริงจะตัดการ แสดงผลความถี่ทางไฟฟ้าออก" นายนิมิตกล่าว
      
       ด้านหลักการทำงานของเครื่องนั้น อาศัยหลักการตัวเก็บประจุ โดยบริเวณเซนเซอร์จะมีสนามไฟฟ้าวิ่งข้ามรอยต่อซึ่งเป็นช่องว่างรอบๆ แผ่นของเซนเซอร์ และมีกระแสไฟฟ้าค่าหนึ่งวิ่งไปแสดงที่จอแสดงผล เมื่อใส่หัววัดลงในกองเมล็ดพันธุ์ จะทำให้ค่าสนามไฟฟ้าหายไปเนื่องจากความเป็นฉนวน ซึ่งความเป็นฉนวนมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความชื้น เมื่อความชื้นมากก็มีความฉนวนมาก เมื่อความชื้นน้อยก็มีความเป็นฉนวนน้อย และค่าความชื้นที่วัดได้อยู่ระหว่าง 10-30% ในช่วงรัศมีของกองข้าว 15 เมตร
      
       นอกจาก ใช้วัดความชื้นข้าวเปลือกแล้ว ยังประยุกต์ใช้เซนเซอร์ดังกล่าวกับเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดและรำข้าวได้อีกด้วย แต่หัววัดที่ใช้กับเมล็ดพันธุ์ชนิดใดชนิดหนึ่งจะรองรับเฉพาะเมล็ดพันธุ์ นั้นๆ โดยนิมิตอธิบายว่า เนื่องจากรูปร่างของเมล็ดพันธุ์ที่ต่างกันทำให้ได้กราฟความชื้นที่ต่างกัน การเขียนโปรแกรมสำหรับหัววัดนั้นๆ ก็ต่างกันด้วย ส่วนความไวในการอ่านค่าความชื้นและอุณหภูมินั้นอยู่ในช่วง 10-20 วินาที ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชนิดของเมล็ดพันธุ์
      
       ทางด้าน ดร.อัมพร โพธิ์ใย ผอ.ทีเมค กล่าวว่าอุตสาหกรรมเกษตรของไทยนั้นสู้ต่างประเทศไม่ได้แล้ว และยังไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ จึงจำเป็นต้องนำเรื่องเซนเซอร์เข้าไปช่วย แต่หากนำเข้าจากต่างประเทศจะแพงมากและส่วนใหญ่ก็นำเข้า ขณะที่ทีเมคสามารถพัฒนาเซนเซอร์ที่ราคาถูกกว่า 10 เท่า อาทิ หัววัดความชื้นในดินที่นำเข้าจากต่างประเทศมีราคาถึง 2,000-3,000 บาท แต่ทีเมคผลิตได้ในราคา 200-300 บาท และเท่าที่ทราบมูลค่าในการนำเข้าเซนเซอร์วัดความชื้นและเซนเซอร์ทางด้านการ เกษตรสูงถึงระดับพันล้านบาท
      
       ในส่วนของหัววัดความชื้นข้าวเปลือกนั้น ผอ.ทีเมคกล่าวว่ารุ่นใหม่แบบพกพาที่พัฒนาขึ้นนี้เป็นรุ่นที่นักวิจัยชอบ เนื่องจากแสดงค่าทุกอย่าง แต่หลังจากรุ่นนี้จะได้พัฒนารุ่นที่เกษตรกรชอบ โดยตอนนี้อยู่ระหว่างทดสอบการใช้งานโดยเกษตรใน จ.ฉะเชิงเทรา และอีก 5 ในจังหวัดในแถบทุ่งกุลาร้องไห้
      
       พร้อมกันนี้ ดร.อัมพรกล่าวว่า ทีเมคสามารถผลิตแผ่นซิลิกอนเวเฟอร์ได้เดือนละ 500 แผ่น ทั้งนี้ได้พยายามแผ่นเวเฟอร์แต่ไม่สามารถสู้ราคาที่ถูกกว่าของเจ้าอื่นได้ จึงหันมาทางด้านการประยุกต์ใช้งาน โดยเน้นการเป็นศูนย์กลางของเซนเซอร์ประเภทซิลิกอนในระดับอาเซียน ทั้งนี้ขายแผ่นซิลิกอนเวเฟอร์ได้เดือนละ 100 แผ่น ส่วนที่เหลือนำไปใช้ด้านงานวิจัย
      
       อย่างไรก็ดีทางศูนย์สามารขายซิลิกอนเวเฟอร์ได้แผ่นละ 1-2 แสนบาท หากจำหน่ายในตลาดที่มีความต้องการเฉพาะและต้องการในจำนวนไม่มาก ซึ่งโรงงานที่ผลิตขายจำนวนมากๆ ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากไม่คุ้มทุน โดยตลาดทั่วไปขายได้แผ่นละ 4-5 หมื่นบาท
      
       "ในความหวังของเราคือภาคการเกษตรจะใช้งานเซนเซอร์ได้ ถ้าได้จะหมายความว่าตลาดกว้างขึ้น" ดร.อัมพรกล่าว.


ที่มา  :  TEMEC









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-05-10 (764 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©