-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 317 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

ประมง





กำลังปรับปรุงครับ



การเพาะเลี้ยงแมงดานา


"แมลงดานา” ถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจ ที่มีมูลค่าการซื้อขายปีละหลายสิบล้านบาท ซึ่งมักจะอาศัยอยู่ในสภาพธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีเฉพาะในบางฤดูกาลเท่านั้น ส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ตามท้องตลาดจะนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านคือพม่าและกัมพูชาเกือบทั้งหมด โดยตัวหนึ่งราคาขายอยู่ที่ตัวละ 8-10 บาท ปัจจุบันในบ้านเราจับได้ไม่มากนักเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป และพบว่ามีผู้ที่ประสบความสำเร็จจากการเลี้ยงแมลงดานาในเชิงพาณิชย์น้อยมาก เหตุผลหนึ่งของการเลี้ยงที่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะผลการเลี้ยงมีอัตราการรอดต่ำ ทั้งนี้เนื่องจากแมลงดานามีพฤติกรรมในการกินกันเองสูง มีการกินกันเองได้ทุกระยะ ของการเจริญเติบโต
   
ผศ.พัชรี มงคลวัย อาจารย์ประจำคณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโน โลยีราชมงคล (มทร.) อีสาน วิทยาเขตสกลนคร ร่วมกับคณะผู้วิจัยจึงคิดค้นงานวิจัยเกี่ยวกับการตลาดและการเพาะเลี้ยง แมลงดานา แมลงดานาที่พบเห็นในประ เทศไทยมีอยู่ 3 พันธุ์คือ แมลงดานาพันธุ์หม้อ, แมลงดานาพันธุ์ลาย และ แมลงดานาพันธุ์เหลือง หรือ พันธุ์ทอง ซึ่งพันธุ์หม้อ มีลักษณะที่สังเกตได้คือ ขอบปีกมีลายสีทอง และ คลุมไม่มิดส่วนหาง ขยายพันธุ์ได้เร็วและมีไข่ดก ซึ่งจะพบพันธุ์นี้วางขายอยู่มากในท้องตลาด พันธุ์ลาย มีลักษณะที่สังเกตได้คือ ขอบปีกมีลายสีทองเช่นเดียวกัน แต่จะคลุมมิดส่วนหาง มีการวางไข่แต่ละครั้งไม่แน่นอน
 
และ พันธุ์เหลือง หรือ พันธุ์ทอง มีลักษณะที่สังเกตได้ คือ จะมีสีเหลืองทั้งตัวและ จำนวนไข่ไม่แน่นอน เช่นเดียวกับพันธุ์ลาย ตลอดจนมีนิสัย ชอบกินแมลงดานาพันธุ์อื่น ๆ เป็นอาหาร ดังนั้นควร แยกพันธุ์นี้ออกไปเลี้ยงต่างหาก โดยผู้เลี้ยงอาจเก็บรวบรวม  ลูกแมลงดานาจากแหล่งน้ำในธรรมชาติ  มาเลี้ยง หรือ จับแมลงดานาตัวเต็มวัยมาเพาะพันธุ์ภายในบ่อดิน โดยรวบรวมแมลงดานาในช่วงต้นฤดูฝน เดือนเมษายน ถึง พฤษภาคม และ ช่วงปลายฤดูฝนเดือนกันยายน ถึง ตุลาคม ชีพจักรของแมลงดานา ตั้งแต่ไข่จนถึงตัวแก่มีอายุประมาณ 32-43 วัน โดยมีการลอกคราบ 5 ครั้ง และระยะตัวแก่จนถึงเริ่มไข่ได้ใช้เวลาประมาณ 30-40 วัน รวมใช้เวลาตั้งแต่ฟักออกจากไข่จนถึงระยะการผสมพันธุ์วางไข่ ประมาณ 62-83 วัน
   
การเร่งให้แมลงดานาผสมพันธุ์และ วางไข่ทำได้โดยลดระดับน้ำเดิมที่มีอยู่ในบ่อที่ระดับ 70-80 เซนติเมตร ให้เหลือ 40-50 เซนติเมตร เพื่อหลอกให้แมลงดานาเข้าใจว่าจะเข้าฤดูแล้งแล้วจะได้วางไข่ จากนั้นทดน้ำเข้าไปในบ่อ โดยให้ระดับน้ำสูง 90 เซนติเมตร หรือเกือบเต็มบ่อซึ่งการทำเช่นนี้เป็นการหลอกให้แมลงดานาคิดว่าฝนตกหรือเข้าฤดูฝนแล้ว จากนั้น อีกประมาณ 2-3 วัน แมลงดานาก็จะมาไข่ที่บนหลักไม้ที่ปักไว้ ควรจะทำในเดือนเมษายน หรือ ฝนแรกที่ตกลงมา.

ทวีศักดิ์  ชัยเรืองยศ


ที่มา  :  เดลินิวส์


ทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ







ผศ.พัชรี มงคลวัย กับการเลี้ยงแมลงดานาในเชิงพาณิชย์

"แมลงดานา" จัดเป็นแมลงที่อาศัยอยู่ในน้ำที่ชาวบ้านนิยมบริโภคอยู่ใน 10 อันดับแรกของบรรดาแมลงกินได้ นิยมบริโภคกันทุกภาคของประเทศไทย แหล่งที่อยู่อาศัยของแมลงดานาคือ แหล่งน้ำตามธรรมชาติที่เป็นน้ำนิ่ง อาทิ หนอง คลอง บึง และตามท้องนา เป็นต้น แมลงดานาจะออกหาอาหารในตอนกลางวัน ในเวลากลางคืนปริมาณออกซิเจนในน้ำลดลงจึงบินออกจากแหล่งน้ำบินวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ที่อาศัย เมื่อใกล้สว่างจึงอาศัยแสงจากดวงอาทิตย์ที่สะท้อนผิวน้ำเป็นตัวนำทางในการบินกลับไปยังแหล่งอาศัย ด้วยเหตุนี้ทำให้ชาวบ้านมีวิธีการจับแมลงดานา ด้วยการงมและช้อนจับในน้ำ และการใช้หลอดไฟแบล็คไลต์ดักล่อให้แมลงดานาเข้ามาหา และนำน้ำใส่กะละมังวางไว้ใต้หลอดไฟในเวลากลางคืน หรือใช้ตาข่ายดักจับ เพื่อนำไปประกอบอาหารประเภทน้ำพริกต่างๆ เหลือนำไปจำหน่าย ปัจจุบันพบว่ามีการนำแมลงดานามาทอดกรอบปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทยจำหน่ายตามร้านขายแมลงได้รับความนิยมแพร่หลาย นอกจากนี้ ไข่ของแมลงดานาได้นำมาบริโภคด้วยเช่นกัน ทำให้แมลงดานาในธรรมชาติมีจำนวนลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว ช่วงนอกฤดูกาลจะหาแมลงดานาในท้องตลาดได้ยากมาก อาจจะมีราคาแพงถึงตัวละ 10-20 บาท โดยเฉพาะแมลงดานาตัวผู้ซึ่งมีกลิ่นฉุนเป็นที่นิยมมากกว่าตัวเมีย

"แมลงดานา" ถือเป็นสัตว์เศรษฐกิจ ที่มีมูลค่าการซื้อขายปีละหลายสิบล้านบาท

แมลงดานามักจะอาศัยอยู่ในสภาพธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีเฉพาะในบางฤดูกาลเท่านั้น ส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ตามท้องตลาดจะนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน คือพม่าและกัมพูชาเกือบทั้งหมด โดยตัวหนึ่งราคาขายอยู่ที่ตัวละ 8-10 บาท ปัจจุบันในบ้านเราจับได้ไม่มากนัก เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป และพบว่ามีผู้ที่ประสบความสำเร็จจากการเลี้ยงแมลงดานาในเชิงพาณิชย์น้อยมาก เหตุผลหนึ่งของการเลี้ยงที่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะผลการเลี้ยงมีอัตราการรอดต่ำ เนื่องจากแมลงดานามีพฤติกรรมในการกินกันเองสูง มีการกินกันเองได้ทุกระยะของการเจริญเติบโต ดังนั้น หากมีการศึกษาวิธีการเลี้ยงแมลงดานาที่มีการเจริญเติบโตและอัตราการรอดตายสูง และมีการจัดการระบบที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดแรงงานและต้นทุนการเลี้ยงได้เป็นผลสำเร็จแล้ว อาจทำให้การเลี้ยงแมลงดานาเพื่อการค้ามีผลตอบแทนการเลี้ยงได้อย่างคุ้มค่า และน่าสนใจไม่แพ้สัตว์น้ำชนิดอื่นๆ เช่น กุ้ง หอย ปู ปลา ซึ่งเป็นสัตว์เศรษฐกิจได้เช่นกัน

ผศ.พัชรี มงคลวัย อาจารย์ประจำคณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) อีสาน วิทยาเขตสกลนคร ร่วมกับคณะผู้วิจัย จึงคิดค้นงานวิจัยเกี่ยวกับการตลาดและการเพาะเลี้ยงแมลงดานา โทร. (081) 320-0683, E-mail:patcharee.mo@hotmail.com เล่าว่า จากการสำรวจพบว่า แมลงดานาที่พบเห็นในประเทศไทยมีอยู่ 3 พันธุ์ คือ แมลงดานาพันธุ์หม้อ แมลงดานาพันธุ์ลาย และแมลงดานาพันธุ์เหลืองหรือพันธุ์ทอง ซึ่งพันธุ์หม้อมีลักษณะที่สังเกตได้คือ ขอบปีกมีลายสีทอง และคลุมไม่มิดส่วนหาง ขยายพันธุ์ได้เร็วและมีไข่ดก ซึ่งจะพบพันธุ์นี้วางขายอยู่มากในท้องตลาด พันธุ์ลาย มีลักษณะที่สังเกตได้คือ ขอบปีกมีลายสีทองเช่นเดียวกัน แต่จะคลุมมิดส่วนหาง มีการวางไข่แต่ละครั้งไม่แน่นอน และพันธุ์เหลือง (พันธุ์ทอง) มีลักษณะที่สังเกตได้คือ จะมีสีเหลืองทั้งตัว และจำนวนไข่ไม่แน่นอนเช่นเดียวกับพันธุ์ลาย ตลอดจนมีนิสัยชอบกินแมลงดานาพันธุ์อื่นๆ เป็นอาหาร ดังนั้น ควรแยกพันธุ์นี้ออกไปเลี้ยงต่างหาก โดยผู้เลี้ยงอาจเก็บรวบรวมลูกแมลงดานาจากแหล่งน้ำในธรรมชาติมาเลี้ยง หรือจับแมลงดานาตัวเต็มวัยมาเพาะพันธุ์ภายในบ่อดิน โดยรวบรวมแมลงดานาในช่วงต้นฤดูฝน เดือนเมษายน-พฤษภาคม และช่วงปลายฤดูฝนเดือนกันยายน-ตุลาคม ชีพจักรของแมลงดานาตั้งแต่ไข่จนถึงตัวแก่มีอายุประมาณ 32-43 วัน โดยมีการลอกคราบ 5 ครั้ง และระยะตัวแก่จนถึงเริ่มไข่ได้ใช้เวลาประมาณ 30-40 วัน รวมใช้เวลาตั้งแต่ฟักออกจากไข่จนถึงระยะการผสมพันธุ์วางไข่ประมาณ 62-83 วัน

แมลงดานาจะมีอายุได้ประมาณ 2 ปี เท่านั้น

ดังนั้น หลังจากที่แมลงดานาวางไข่ในปีที่ 2 แล้วจะต้องนำตัวไปจำหน่าย จากการศึกษาวงจรชีวิตแมลงดานาจะวางไข่ไว้ในระดับที่สูงจากน้ำตั้งแต่ 5-10 นิ้ว จากนั้นตัวเมียจะปล่อยวุ้นออกมาสำหรับให้ไข่ยึดติดกับกิ่งไม้ กอหญ้า กอกก หรือกอข้าว และวางไข่รอบๆ บริเวณที่มันเกาะ รังหนึ่งจะมีไข่ประมาณ 100-200 ฟอง หรือมากกว่านี้แล้วแต่ความสมบูรณ์ของพ่อแม่พันธุ์ การเร่งให้แมลงดานาผสมพันธุ์และวางไข่ทำได้โดยลดระดับน้ำเดิมที่มีอยู่ในบ่อที่ระดับ 70-80 เซนติเมตร ให้เหลือ 40-50 เซนติเมตร เพื่อหลอกให้แมลงดานาเข้าใจว่าจะเข้าฤดูแล้งแล้วจะได้วางไข่ จากนั้นทดน้ำเข้าไปในบ่อ โดยให้ระดับน้ำสูง 90 เซนติเมตร หรือเกือบเต็มบ่อซึ่งการทำเช่นนี้เป็นการหลอกให้แมลงดานาคิดว่าฝนตกหรือเข้าฤดูฝนแล้ว จากนั้นอีกประมาณ 2-3 วัน แมลงดานาก็จะมาวางไข่ที่บนหลักไม้ที่ปักไว้ ควรจะทำในเดือนเมษายน หรือฝนแรกที่ตกลงมาในพื้นที่นั้นๆ และถ้าต้องการให้แมลงดานาวางไข่ก็ควรหลีกเลี่ยงในวันที่ครึ้มฟ้า ครึ้มฝน

โดย ผศ.พัชรี มงคลวัย เล่าว่า ได้นำแนวคิดและเทคนิคของการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำนำมาใช้กับแมลงดานา และเหตุผลที่เลือกแมลงดานาก็เพราะมองว่าสามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี พื้นที่ไม่มากและงบประมาณไม่มากนัก เพียงมีถังไฟเบอร์และใช้ขวดน้ำพลาสติคเลี้ยง เพียง 40 วัน เกษตรกรก็จะมีรายได้ที่แน่นอนแล้ว



ขั้นตอนการเลี้ยงแมลงดานา

1. การเตรียมบ่อพ่อแม่พันธุ์แมลงดานา เตรียมถังไฟเบอร์แบบมีขาตั้ง ขนาดความจุ 1 ตัน จำนวน 1 ถัง พร้อมทำตะแกรงมุ้งเขียวปิดด้านบนเพื่อป้องกันการหลบหนีและติดตั้งอุปกรณ์ทำฝนเทียม ระบบให้อากาศ และระบบประตูระบายน้ำ พร้อมทั้งจัดเตรียมสภาพแวดล้อมภายในถังเพาะฟักเลียนแบบธรรมชาติ โดยนำกิ่งไม้และพรรณไม้น้ำใส่ลงไป เพื่อเป็นที่เกาะอาศัยและหลบซ่อนจากแมลงดานาตัวอื่น แล้วเติมน้ำสูง 25 เซนติเมตร และใส่ลูกปลาขนาดประมาณ 3-5 เซนติเมตร ลงไปประมาณ 100 ตัว และใส่เพิ่มลงไปเป็นครั้งคราวเพื่อรักษาปริมาณอาหารให้พอเพียงตลอดการเลี้ยง

2. การเพาะไข่แมลงดานา รวบรวมพ่อแม่พันธุ์แมลงดานาจากธรรมชาติ หรือรับซื้อพ่อแม่พันธุ์จากผู้จับแมลงดานา เพื่อนำมาเพาะขยายพันธุ์ภายในบ่อที่จัดเตรียมไว้ กระตุ้นให้เกิดการผสมพันธุ์วางไข่ โดยการทำฝนเทียม (เฉพาะเวลา 07.00-08.00 น.) แบบให้ฝนเทียม 3 วัน เว้น 1 วัน และการเปลี่ยนถ่ายน้ำ 50 เปอร์เซ็นต์ ทุก 3 วัน เมื่อได้ไข่แมลงดานาแล้วให้ปล่อยทิ้งไว้ในถุงเพาะต่อไป จนถึงวันที่ 6 แล้วจึงย้ายช่อไข่มาฟักโดยปักช่อไข่ใส่ไว้ในขวดปากแคบหรือบนก้อนหิน นำไปวางไว้ในกะละมัง เมื่อแมลงดานาฟักออกเป็นตัวจะหล่นลงในน้ำ แล้วจึงนำลูกแมลงดานาไปทำการศึกษาต่อไป

3. นำขวดน้ำพลาสติค ขนาด 1 ลิตร ตัดส่วนคอขวดออกให้เหลือเฉพาะส่วนล่างให้มีความสูงประมาณ 20 เซนติเมตร และเจาะรูขนาดประมาณ 0.5 มิลลิเมตร กระจายให้ทั่วทั้งขวด เพื่อให้น้ำมีการถ่ายเทได้อย่างสะดวก ใส่พรรณไม้น้ำขนาดพอเหมาะลงในขวดเพื่อให้แมลงดานาใช้เป็นที่เกาะพัก

4. นำลูกแมลงดานาที่มีอายุเท่ากัน ใส่ลงไปขวดละ 1 ตัว ชนิดของอาหารที่ใช้ในการทดลองคือ ลูกปลาดุกมีชีวิต ลูกปลาดุกตาย ลูกอ๊อดกบมีชีวิต และลูกอ๊อดกบตาย โดยคัดขนาดลูกปลาดุกและลูกอ๊อดขนาดประมาณ 2-3 เซนติเมตร แบ่งลูกปลาดุกและลูกอ๊อดจำนวนหนึ่งไปแช่ในตู้เย็นเพื่อใช้เป็นอาหารสำหรับการทดลองที่ใช้อาหารไม่มีชีวิต เริ่มให้กินอาหารตั้งแต่วันแรกที่แมลงดานาฟักออกจากไข่ อาหารที่จัดเตรียมไว้ในแต่ละการทดลองในช่วงเช้าของทุกวัน จำนวนเท่ากับสัตว์ทดลอง จดบันทึกน้ำหนักรวมอาหารของแต่ละการทดลองก่อนการให้ และเก็บซากอาหารเก่าออกทุกครั้ง เพื่อป้องกันน้ำเสีย นำไปชั่งน้ำหนักซากรวม เพื่อนำไปหาน้ำหนักอาหารที่กิน และเปลี่ยนถ่ายน้ำทุก 2 วัน

ข้อแนะนำการเลี้ยง

ชนิดของอาหารที่ใช้เลี้ยงแมลงดานานั้นจากการทดลองเลี้ยงคือ ลูกอ๊อดมีชีวิต ลูกอ๊อดตาย ลูกปลาดุกมีชีวิต ลูกปลาดุกตายให้ผลการเจริญเติบโตตลอดการเลี้ยงไม่แตกต่างกัน แต่การทดลองใช้ลูกอ๊อดตายเลี้ยงมีเปอร์เซ็นต์การรอดตายสูงที่สุด รองลงมาคือ ลูกอ๊อดมีชีวิต ส่วนลูกปลาดุกทั้งมีชีวิตและไม่มีชีวิตมีอัตราการรอดต่ำมาก ดังนั้น ชนิดของอาหารที่เหมาะสมในการเลี้ยงแมลงดานาคือ ลูกอ๊อดกบ แมลงดานายอมรับเหยื่อทั้งในสภาพมีและไม่มีชีวิต ดังนั้น เพื่อความสะดวกในการเลี้ยงสามารถสำรองเหยื่อโดยการเก็บรักษาในตู้เย็นได้ เมื่อพิจารณาต้นทุนการเลี้ยงในเรื่องค่าอาหารแล้ว พบว่าการใช้ลูกอ๊อดกบเลี้ยงตลอดการทดลองเป็นเงินประมาณ 2-3 บาท และถ้าให้ลูกปลาดุก ขนาด 2-3 เซนติเมตร เป็นอาหาร คิดเป็นเงินประมาณ 4 บาท ต่อตัว จึงควรมีการศึกษาเหยื่อชนิดต่างๆ เช่น กุ้งฝอย หรือหอยขม ซึ่งมีราคาถูกกว่าลูกปลาดุก และลูกอ๊อด ว่าสามารถใช้เลี้ยงแมลงดานาได้ในช่วงใดของการเจริญเติบโตจึงจะทำให้แมลงดานามีการเจริญเติบโตที่ดี และในขณะเดียวกันต้องไม่เป็นศัตรูของแมลงดานาด้วย สำหรับระบบการเลี้ยงแบบเดี่ยวมีต้นทุนเริ่มแรกค่อนข้างสูง แต่สามารถใช้เลี้ยงหมุนเวียนได้หลายครั้ง การจัดการดูแลเปลี่ยนถ่ายน้ำทำได้โดยสะดวก

ผลงานวิจัยในการเลี้ยงแมลงดานาในเชิงพาณิชย์นี้ เกษตรกรสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง ทำให้ผลงานวิจัยในครั้งนี้ได้รับรางวัลชมเชยจากการประกวดผลงานวิจัยดีเด่น เมื่อปี พ.ศ. 2551 ของการประชุมราชมงคลวิชาการ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้เข้าร่วมสัมมนา เนื่องจากการเพาะเลี้ยงแมลงดานาเชิงพาณิชย์ถือเป็นเรื่องใหม่ และไม่มีใครประกอบอาชีพนี้เป็นเรื่องเป็นราวมาก่อน



หนังสือ "อาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม เล่มที่ 5" พิมพ์ 4 สี แจกฟรีพร้อมกับ "อาชีพเกษตรกรรม ทำง่ายรายได้งาม เล่มที่ 1-เล่มที่ 4" รวม 5 เล่ม จำนวน 420 หน้า เกษตรกรและผู้สนใจเขียนจดหมายสอดแสตมป์มูลค่ารวม 150 บาท (พร้อมระบุชื่อหนังสือ) ส่งมาขอได้ที่ ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร เลขที่ 2/395 ถนนศรีมาลา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร 66000 โทร. (056) 613-021, (056) 650-145 และ (081) 886-7398

ที่มา  :  เทคโนโลยีชาวบ้าน




มาทดลองเลี้ยงแมลงดานากันเถอะครับ



ปัจจุบันในบ้านเราจับได้ไม่มากนักเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป

  


สวัสดีครับ
วันนี้เรามาทำความรู้จักกับแมลงดานากันเถอะครับ เชื่อว่าหลายๆคนคงจะเคยบริโภคน้ำพริกแมลงดานากันมาแล้ว  แมลงดานาถือว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจที่มีมูลค่าการซื้อขายปีละหลายสิบล้านบาท ซึ่งมักจะอาศัยอยู่ในสภาพธรรมชาติที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีเฉพาะในบางฤดูกาลเท่านั้น



        
ส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ตามท้องตลาดจะนำเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านคือพม่าและกัมพูชาเกือบทั้งหมด โดยตัวหนึ่งราคาขายจะอยู่ที่ตัวละ 8-10 บาท ปัจจุบันในบ้านเราจับได้ไม่มากนักเนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปและพบว่ามีผู้ที่ประสบความสำเร็จจากการเลี้ยงแมลงดานาในเชิงพาณิชย์น้อยมาก เหตุผลหนึ่งของการเลี้ยงไม่ประสบผลสำเร็จเพราะว่าผลการเลี้ยงมีอัตราการรอดต่ำ ทั้งนี้เนื่องมาจากแมลงดานามีพฤติกรรมในการกินกันเองสูง มีการกินกันเองได้ทุกระยะของการเจริญเติบโต      

ตามที่ ผศ.พัชรี มงคลวัย อาจารย์ประจำคณะทรัพยากรธรรมชาติ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล(มทร.)อีสาน วิทยาเขตสกลนคร ร่วมกับคณะวิจัย ได้คิดค้นงานวิจัยเกี่ยวกับการตลาดและการเพาะเลี้ยงแมลงดานา แมลงดานาที่พบเห็นในประเทศไทยมีอยู่ 3 พันธุ์ คือ แมลงดานาพันธุ์หม้อ  



แมลงดานาพันธุ์ลาย และแมลงดานาพันธุ์เหลือง หรือพันธุ์ทอง

      
สำหรับพันธุ์หม้อ จะมีลักษณะที่สังเกตได้คือ ขอบปีกมีลายสีทอง และคลุมไม่มิดส่วนหาง ขยายพันธุ์ได้เร็วและมีไข่ดก ซึ่งจะพบพันธุ์นี้วางขายอยู่มากในท้องตลาด ส่วนพันธุ์ลาย มีลักษณะที่สังเกตได้คือ ขอบปีกมีลายสีทอง เช่นเดียวกันแต่จะคลุมมิดส่วนหาง มีการวางไข่แต่ละครั้งไม่แน่นอน และพันธุ์เหลืองหรือพันธุ์ทอง จะมีลักษณะที่สังเกตได้คือ จะมีสีเหลืองทั้งตัว และจำนวนไข่ไม่แน่นอนเช่นเดียวกับพันธุ์ลาย ตลอดจนมีนิสัยชอบกินแมลงดานาพันธุ์อื่นๆเป็นอาหาร      

ดังนั้นควรแยกพันธุ์เหลืองนี้ออกไปเลี้ยงต่างหาก โดยผู้เลี้ยงอาจจะเก็บรวบรวมลูกแมลงดานาจากแหล่งน้ำในธรรมชาติมาเลี้ยงหรือ จับแมลงดานาตัวเต็มวัยมาเพาะพันธุ์ภายในบ่อดิน โดยรวบรวมแมลงดานาในช่วงต้นฤดูฝน เดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม และช่วงปลายฤดูฝนเดือนกันยายน ถึงเดือนตุลาคม


      ชีพจักรของแมลงดานา ตั้งแต่ไข่จนถึงตัวแก่มีอายุประมาณ 32-43 วัน โดยมีการลอกคราบ 5 ครั้ง และระยะตัวแก่จนถึงเริ่มไข่ได้ใช้เวลาประมาณ 30-40 วัน รวมใช้เวลาตั้งแต่ฟักออกจากไข่จนถึงระยะการผสมพันธุ์ วางไข่ประมาณ 62-83 วัน
        
การเร่งให้แมลงดานาผสมพันธุ์และวางไข่ทำได้โดยลดระดับน้ำเดิมที่มีอยู่ในบ่อที่ระดับ 70-80เซนติเมตร ให้เหลือ 40-50 เซนติเมตร เพื่อหลอกให้แมลงดานาเข้าใจว่าจะเข้าฤดูแล้งแล้ว จะได้วางไข่ จากนั้นก็ทดน้ำเข้าไปในบ่อ โดยให้มีระดับน้ำสูง 90 เชนติเมตร หรือเกือบเต็มบ่อ ซึ่งการทำเช่นนี้เป็นการหลอดให้แมลงดานาคิดว่าฝนตกหรือเข้าฤดูฝนแล้ว จากนั้นอีกประมาณ 2-3วัน แมลงดานาก็จะมาไข่ที่บนหลักไม้ที่ปักไว้ ควรจะทำในเดือนเมษายน หรือฝนห่าแรกที่ตกลงมา

แหล่งข้อมูล: เดลินิวส์ 

http://www.gotoknow.org/blog/peekwong17/364417 









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-05-05 (2129 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©