-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 326 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

สัตว์เลี้ยง








อุราณี ทับทอง uranee@matichon.co.th

"เฟรนช์ บูลด๊อก" เจ้าตูบหูค้างคาว แห่งคอกวอลเชอร์

ถ้าต้องการเลี้ยงสุนัขสักตัวที่มีเสน่ห์ ดื้อนิดๆ ตลกหน่อยๆ คำตอบในใจของคุณคือสุนัขพันธุ์ใด...???

ใบหน้าของสุนัขที่ใครเห็นก็ต้องมักจะเผยรอยยิ้มแฝงความฮาในยุคนี้ จะมีใครเกินสุนัขพันธุ์ "เฟรนช์ บูลด๊อก" (French bulldog) เพราะนอกจากใบหน้ามู่ทู่ จมูกบี้ หน้าย่น ปากกว้าง เตี้ยล่ำ สุนัขพันธุ์นี้ยังมีใบหูแผ่กว้าง คล้ายหูค้างคาว ซึ่งไม่น่าจะเหมาะกับรูปหน้าสี่เหลี่ยมสักเท่าไหร่ แต่ก็น่าแปลกที่รูปร่างหน้าตาแบบนี้ เมื่อมองรวมๆ กันแล้วกลับดูเป็นสุนัขที่มีเสน่ห์อย่างไม่น่าเชื่อ

คุณศุภฤกษ์ สนองชาติ เจ้าของธุรกิจส่วนตัวชาวบุรีรัมย์ เป็นอีกผู้หนึ่งที่หลงเสน่ห์เจ้าตูบหูค้างคาวพันธุ์นี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้น จนปัจจุบันเขากลายเป็นบรีดเดอร์รายผู้มีชื่อเสียงรายหนึ่งในนาม เจ้าของคอกวอลเชอร์ (WONCHER KENNEL) ผู้พัฒนาสุนัขพันธุ์เฟรนช์ บูลด๊อก ระดับคุณภาพของวงการสุนัขในเมืองไทย ตั้งอยู่ที่บ้านเลขที่ 55-57 หมู่ 16 ถนนสุขาภิบาล 6 ตำบลกระสัง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ โทร. (044) 691-083, (081) 976-6868 หรือ (081) 977-2727

"เฟรนช์ บูลด๊อก เป็นสุนัขที่มีเสน่ห์อยู่ในตัว ใครเห็นครั้งแรกจะต้องสะดุด หยุดมองทันที ด้วยความที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ยากจะหาสุนัขพันธุ์ใดในโลกนี้เสมอเหมือน คือ หนึ่ง มีใบหูเหมือนหูค้างคาว สอง มีสีที่มากถึง16 สี และ สาม มีเสียงหายใจที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเฟรนช์ บูลด๊อก ผมมีความประทับใจที่มีในตัวเฟรนช์ บูลด๊อก หลายๆ อย่างด้วยกัน เช่น เรื่องของรูปร่างหน้าตา หน้าย่น หักสั้น จมูกบี้ รูปหน้าเป็นแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส หัวกลม ปากกว้าง รูปร่างเตี้ยล่ำ อกกว้าง ลำตัวสั้น หางสั้น และก็เรื่องของลักษณะนิสัย รักเจ้าของ ติดเจ้าของ เป็นสุนัขที่ชอบอยู่กับคน ชอบอากาศสบายๆ ไม่ร้อนหรือเย็นเกินไป เฟรนช์ บูลด๊อก เท่าที่ผมสังเกตจะมีนิสัยคล้ายๆ กับร็อตต์ไวเลอร์ คือเฝ้าบ้านได้ รู้จักเห่าเมื่อเห็นคนแปลกหน้า ติดเจ้าของ เลี้ยงอยู่ในบ้านได้เป็นมิตรกับทุกๆ คน และที่สำคัญคือ มีขนที่สั้น ดูแลทำความสะอาดได้ง่ายกว่า" คุณศุภฤกษ์บอกเหตุผลที่มัดใจเขาได้อยู่หมัด

คอกวอลเชอร์ ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2532 ในสมัยที่คุณศุภฤกษ์ยังเป็นนักศึกษา ด้วยความรักที่มีต่อสุนัขและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสุนัขพันธุ์แท้ เขาจึงเลือกที่จะพัฒนาคอกเป็นงานอดิเรกจนถึงปัจจุบัน โดยเริ่มแรกเลี้ยงสุนัขพันธุ์บ๊อกเซอร์ และร็อตต์ไวเลอร์เป็นหลัก จนถึงปี 2543 คุณศุภฤกษ์ได้นำเข้าสุนัขเฟรนช์ บูลด๊อก เพศเมีย สีฟางข้าว ตัวแรกชื่อ GERETTA F. GOODSHAPE"S จากประเทศเชกโกสโลวาเกีย และได้นำเข้าสุนัขเพศผู้ สีครีม ชื่อ LUCKY RANGER (TANGO) จากรัสเซีย ตามต่อด้วยสุนัขเพศเมีย สีฟางข้าว อีกหนึ่งตัว ชื่อ GOLDIE F. GOODSHAPE"S ในช่วงนั้นคุณศุภฤกษ์ได้ส่งสุนัขประกวดอย่างต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งคอกวอลเชอร์ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ได้รับรางวัลใหญ่ๆ และรางวัลที่มีความสำคัญทั้งในและต่างประเทศ จนกลายเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง

"ผมตั้งใจตั้งแต่แรกที่จะทำเป็นคอกสุนัขที่เน้นในเรื่องคุณภาพและความเป็นมาตรฐานให้เป็นเรื่องสำคัญที่สุด สมัยที่เรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ ก็ไปดูงานประกวดสุนัขแทบทุกงาน แรกๆ เราก็ยังไม่มีสุนัขประกวด แต่จะไปช่วยเพื่อนๆ ได้เห็นความแตกต่างของสุนัขที่เข้าประกวด ตัวที่ประกวดติดรางวัลที่ 1 ที่ 2 ที่ 3 เป็นอย่างไร แตกต่างกันอย่างไร ได้เห็นเทคนิคการจูงสุนัขของแฮนด์เลอร์ ก็นำมาปรับปรุง ฝึกฝน จนสามารถสร้างแชมป์เปี่ยนได้หลายๆ ตัว ทางคอกมีการนำเข้าสุนัขเพศผู้และสุนัขเพศเมียอย่างต่อเนื่อง เพื่อการพัฒนาสายพันธุ์ โดยเน้นหนักในเรื่องข้อสะโพกและหัวไหล่ สุนัขทุกตัวมีสายเลือดที่ดี มีความถูกต้องตามมาตรฐาน แต่ในขณะเดียวกัน ผมเลี้ยงลูกสุนัขด้วยใจรัก สุนัขทุกตัวในบ้านจะถูกเลี้ยงด้วยความรักและความอบอุ่น เสมือนสมาชิกในครอบครัว เอาใจใส่สุนัขทุกตัวอย่างใกล้ชิด"

คุณศุภฤกษ์เล่าต่อว่า ส่วนชื่อ คอกวอลเชอร์ WONCHER ที่ตั้งขึ้นนั้น มาจากคำว่า WON มีความหมายเหมือนคำว่า WIN แปลว่า ชนะ ชัยชนะ คำว่า WONCHER ในความหมายของเขาคือ ผู้ชนะ ซึ่งตรงกับคำว่า WINNER เป็นชื่อที่คุณศุภฤกษ์ชื่นชอบ และความชอบส่วนตัวของเขายังรวมไปถึงการเลี้ยงสุนัขสายพันธุ์ยุโรปเป็นหลัก เพราะเขามีความเชื่อมั่นในระบบความเป็นมาตรฐานของสายพันธุ์ การคัดพันธุ์ที่เข้มงวด โดยสุนัขที่มีจุดบกพร่องหรือมีจิตใจที่ไม่ปกติจะไม่ได้รับการผสมพันธุ์ มีพ่อพันธุ์ชื่อ LUCKY RANGER (TANGO) เฟรนช์ บูลด๊อก สีครีม นำเข้าจากประเทศรัสเซีย ลักษณะทั่วไปของ TANGO เป็นสุนัขสมส่วนออกแนวเตี้ยๆ ล่ำๆ หัวใหญ่ หน้าสั้น ใบหน้าสี่เหลี่ยม กระดูกใหญ่ สีครีมแบบอ่อนๆ หายาก มีผลงานการให้ลูกเป็น THAILAND CHAMPION แล้ว น้ำหนักประมาณ 11 กิโลกรัม คว้ารางวัลประกวดทั้งในและต่างประเทศมากมาย

อีกตัวคือ TH.CH. NAPOLOEN VOM WONCHER เป็นเฟรนช์ บูลด๊อก สีฟางข้าว มีลักษณะเตี้ยล่ำ ลำตัวสั้น หน้าสวยคม กะโหลกใหญ่ กระดูกใหญ่ กล้ามเนื้อเป็นมัดและแน่น การตื่นตัวยอดเยี่ยม การวิ่งสวยงาม น้ำหนัก 12 กิโลกรัม คว้ารางวัลTHAILAND CHAMPION มาแล้ว ซึ่งสุนัขที่กล่าวมานี้ เป็นเพียง 2 ใน 8 พ่อแม่พันธุ์คุณภาพของคอกเท่านั้น ไม่นับรวมเฟรนช์ บูลด๊อก ที่กำลังอยู่ในวัยหนุ่มสาวน่ารักอีกหลายตัว

"นอกจากสายพันธุ์ที่ดี และการทำวัคซีนตามโปรแกรมที่ถูกต้องแล้ว สิ่งที่มีความสำคัญมากๆ ก็คือ อาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะมองข้ามไม่ได้ เพราะต่อให้มีสายพันธุ์ที่ดีแค่ไหน หรือพ่อแม่เป็นแชมป์เปี่ยนก็ตาม ถ้าขาดการดูแลที่ดี อาหารการกินไม่ดี ก็ไม่มีทางที่จะทำให้สุนัขสวยงามตามสายพันธุ์ได้ หลักการให้อาหารโดยทั่วๆ ไปแล้ว ก็ควรจะให้ลูกสุนัขได้รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ กินน้อยๆ แต่บ่อยครั้ง เพราะลูกสุนัขตัวเล็ก กระเพาะอาหารก็เล็กตามไปด้วย อย่าให้ลูกสุนัขกินจนพุงกาง แต่ควรกินให้พอเหมาะพอดี ได้สารอาหารครบถ้วนจะดีกว่ากินเยอะๆ แต่ไม่มีคุณค่าทางสารอาหาร จำนวนมื้อในการให้ลูกสุนัข โดยทั่วๆ ไปแล้ว ผมอยากให้ดูที่ความต้องการอาหารของลูกสุนัขมากกว่า ตั้งแต่หย่านมจนถึงอายุ 3 เดือน ประมาณ 3-4 มื้อ อายุ 3-6 เดือน ประมาณ 2-3 มื้อ อายุ 6-12 เดือน ประมาณ 2 มื้อ อายุ 12 เดือนขึ้นไป ประมาณ 1-2 มื้อ จำนวนมื้อที่ให้ไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว สามารถปรับเพิ่มลดได้ตามความเหมาะสม ปริมาณการให้ต่อครั้งให้ดูที่ตัวลูกสุนัขว่ากินปริมาณเท่าไร แล้วผลออกมาเป็นเช่นไร ถ้ากินไม่ได้อย่างที่เจ้าของต้องการก็อย่าไปตกใจ ต้องคอยดูในมื้อต่อๆ ไป" คุณศุภฤกษ์เผยเทคนิคการให้อาหาร

ส่วนคอกเลี้ยงสุนัข เขาแนะนำจากประสบการณ์ว่า เฟรนช์ บูลด๊อก ชอบอากาศเย็นกว่าปกติ หากเลี้ยงในห้องปรับอากาศ ตั้งอุณหภูมิประมาณ 27 องศาเซลเซียส ก็อยู่ได้ทั้งวัน แต่ไม่ควรปรับให้เย็นจนถึง ไม่ควรเปิดเครื่องปรับอากาศให้เย็นถึง 21-23 องศาเซลเซียส เพราะอาจส่งผลอันตราย และไม่ควรอยู่ในห้องแอร์เป็นเวลานานๆ เพราะจะทำให้เป็นโรคปอดชื้น ถ้าไม่มีห้องแอร์ก็ควรจะเป็นคอกที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ร้อนจนเกินไป นอกจากนี้ ควรให้เฟรนช์ บูลด๊อก ออกกำลังกายเป็นประจำ ในเวลาเช้ามืด หรือในตอนหัวค่ำ ประมาณครั้งละ 20 นาที เพื่อให้สุนัขมีกล้ามเนื้อที่สวยงาม จิตใจดี กินอาหารเก่งขึ้น

"ทุกวันนี้ผมเป็นห่วงว่า เฟรนช์ บูลด๊อก จะกลายพันธุ์ ของดีมีน้อยทำได้ยาก แต่ของไม่ดี เกรดเลี้ยงเล่นที่ไม่ได้มาตรฐานมีเยอะมาก ลูกผสมก็ยังมีให้เห็น ทำให้การพัฒนาสายพันธุ์ทำได้ยากขึ้น บรีดเดอร์ที่มีความตั้งใจ ลงทุนนำเข้าสุนัขที่สายเลือดดีๆ เพื่อนำเข้ามาพัฒนาสายพันธุ์ แต่เมื่อมีลูกสุนัขกลับขายไม่ออก ทำให้เกิดความท้อแท้ เมื่อไม่มีการนำสุนัขสายเลือดดีๆ เข้ามาอีก สุนัขที่บรีดในบ้านเราจะด้อยคุณภาพลงไปเรื่อยๆ หน้าจะยาว ตัวยาว สีเพี้ยน ฟันยื่น ลิ้นยาว มีปัญหาเรื่องข้อสะโพก" คุณศุภฤกษ์แสดงความกังวล

สำหรับผลผลิตจากคอกวอลเชอร์นั้น คุณศุภฤกษ์ไม่ได้วางแผนการบรีดเพื่อจำหน่ายลูกสุนัขเป็นหลัก จึงมีลูกสุนัขสำหรับผู้ที่ต้องการเพียงบางโอกาสเท่านั้น โดยมีราคาค่าตัวอยู่ที่ 20,000-35,000 บาท แต่สิ่งที่เขายังคงมุ่งมั่นและปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบันคือ การนำเฟรนช์ บูลด๊อก ลงสนามประกวดทั่วประเทศ แม้คอกจะอยู่ไกลถึงบุรีรัมย์

"ผมจะพาสุนัขไปประกวดตลอดทั้งงานในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด งานเก็บ cc งาน inter ของสมาคมพัฒนาพันธุ์สุนัขฯ ก็ไป นับเป็นความภูมิใจที่สามารถสร้างไทยแชมป์มามากมาย ทั้งสุนัขนำเข้าและบรีดขึ้นเอง ส่วนเรื่องของความอยู่ไกลจากกรุงเทพฯ ก็มีอุปสรรคบ้างในเรื่องของการเดินทางแต่ก็ไม่เป็นปัญหา แต่จะเป็นอุปสรรคต่อลูกค้ามากกว่า ที่ไม่สะดวกมาเยี่ยมชมสุนัขด้วยตนเอง แต่ข้อดีของเราก็คือ มีสายพันธุ์สุนัขที่ดี มีความเป็นมาตรฐาน ทำให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า ลูกค้าส่วนใหญ่อาศัยความเชื่อใจเรา ไม่เห็นสุนัขจริงเวลาที่ซื้อ ดูจากรูปและข้อมูลในเว็บไซต์ WONCHER.COM ประกอบการตัดสินใจ ลูกค้าของเรามีแต่อยู่ไกลๆ เช่น ที่กรุงเทพฯ มีเยอะ เชียงใหม่ นครศรีฯ โคราช และอีกหลายๆ จังหวัด แต่เนื่องจากลูกสุนัขของเรามีน้อย จึงไม่ค่อยได้ประชาสัมพันธ์"

คุณศุภฤกษ์ยอมรับต่อว่า ภารกิจในการดูแลธุรกิจส่วนตัวหลายอย่างของครอบครัวเป็นเหตุให้การนำสุนัขลงสนามประกวดเริ่มเบาลง แต่ถ้ามีโอกาส เขาก็จะไม่พลาดที่จะทำในสิ่งที่เขารักอย่างแน่นอน

ความน่าสนใจของคอกวอลเชอร์ ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ฉบับหน้าพบกับเทคนิคการบรีดสุนัขพันธุ์เฟรนช์ บูลด๊อก ฉบับประสบการณ์จริงจากคนรักสุนัขรายนี้...โปรดติดตาม


ที่มา  :  เทคโนโลยีชาวบ้าน







อุราณี ทับทอง uranee@matichon.co.th

บรีดน้องหมาให้เป็นแชมป์ แบบฉบับคอกวอลเชอร์

ฉบับที่ผ่านมา ได้เล่าถึงเรื่องราวความน่ารักน่าเลี้ยงของสุนัขหูค้างคาว "เฟรนช์ บูลด๊อก" ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่กำลังเป็นที่หมายปองของคนรักสุนัขในปัจจุบัน

แต่สิ่งที่น่าสนใจก็คือ สุนัขพันธุ์นี้ราคาค่อนข้างสูง ในระดับ 10,000-20,000 บาท ขึ้นไป ซึ่งหากมีรางวัลแชมป์การันตีก็ย่อมมีราคาค่าตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้น นอกจากผู้เลี้ยงที่ต้องการเพียงสุนัขเป็นเพื่อนเล่นแล้ว คงมีคนรักสุนัขจำนวนไม่น้อย นิยมชมชอบกับกิจกรรมประกวดสุนัข ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเป็นบรีดเดอร์ หรือเป็นผู้เพาะพันธุ์สุนัขที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต การเลี้ยงสุนัขที่มีคุณภาพ มีสุขภาพดีแล้ว ลักษณะที่ถูกต้องตามมาตรฐานที่เป็นที่ยอมรับคือ สิ่งที่ผู้เลี้ยงควรให้สำคัญ

"การบรีดสุนัขให้เป็นแชมเปี้ยน บางคนมีความรู้สึกว่าเป็นเรื่องยากมาก เอาแค่เลี้ยงสุนัขให้รอดปลอดภัยก็ยากอยู่แล้ว จะให้ความหวังว่าโตขึ้นจะเป็นแชมเปี้ยนอีก ยิ่งต้องคิดหนัก แต่สำหรับบางคนมันก็อาจจะไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าเขามีวัตถุดิบที่ดี มีความรู้ ความชำนาญ มีประสบการณ์ แต่ไม่มีใครเลยที่จะรู้ทุกๆ อย่าง โดยที่ยังไม่เคยลงมือทำ ผมให้ความสำคัญกับทฤษฎี และการลงมือปฏิบัติควบคู่กัน ถ้าเราขาดอย่างใดอย่างหนึ่งจะทำให้ผลงานออกมาไม่ดี บางคนเลี้ยงสุนัขมา 10 ปี บรีดไปบรีดมาก็มารู้ตัวทีหลังว่า ยังไม่ก้าวหน้า เพราะยังขาดอย่างใดอย่างหนึ่ง" คุณศุภฤกษ์ สนองชาติ เจ้าของคอกวอลเชอร์เผยแนวคิด

ในเบื้องต้นผู้เลี้ยงสุนัขควรทราบลักษณะที่ดีของสายพันธุ์ก่อน เช่น เฟรนช์ บูลด๊อก เป็นสุนัขที่มีความแข็งแรง อดทน คล่องแคล่ว ว่องไว ฉลาด มีไหวพริบ จึงควรมีกล้ามเนื้อที่แน่นและแข็งแรง มีกระดูกใหญ่ ขนสั้น โครงสร้างสมส่วน มีลำตัวกะทัดรัด อาจมีขนาดเล็กไปจนถึงขนาดกลาง ไม่ควรมีน้ำหนักเกิน 28 ปอนด์ (หรือราว 12 กิโลกรัม) มีความตื่นตัวสูง มีความสนใจอยากรู้อยากเห็นในสิ่งต่างๆ ส่วนหัวมีขนาดใหญ่ มองดูคล้ายทรงสี่เหลี่ยม กะโหลกบริเวณระหว่างหูสองข้างค่อนข้างแบน แต่เวลาสุนัขตื่นตัว จะมองเห็นรอยย่นได้ชัดเจน มีขากรรไกรของปากเป็นรูปสี่เหลี่ยม และที่สำคัญมีใบหูเหมือนค้างคาว

นอกจากนี้ ลักษณะที่ดีของแต่ละส่วน ทั้งขาหน้า ขาหลัง เส้นหลัง รวมถึงการเคลื่อนไหวของสุนัขผู้เลี้ยงก็จำเป็นต้องศึกษารายละเอียดอย่างถ่องแท้ แต่หากต้องการเพาะพันธุ์เพื่อให้ได้ลูกสุนัขที่ดีที่สุด คุณศุภฤกษ์แนะนำให้มีการวางแผนการผสมพันธุ์เพื่อแก้ไขจุดบกพร่องของพ่อแม่พันธุ์ เพราะถึงแม้ว่าสุนัขจะมีลักษณะเด่นที่ดี แต่ก็อาจไม่สามารถถ่ายทอดไปยังรุ่นลูกได้เช่นกัน การบรีดสุนัขเพื่อคว้ารางวัลแชมป์ก็อาจไม่ถึงฝั่งฝัน

คุณศุภฤกษ์ แนะนำว่า สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ วัตถุดิบ หรือพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ที่จะนำมาเข้าสายผสมพันธุ์กันนั้น ควรมีความสวยงาม ความถูกต้องตามมาตรฐาน และมีจุดบกพร่องน้อยที่สุด โดยเฉพาะพ่อพันธุ์ ควรจะมีคุณสมบัติในการถ่ายทอดลักษณะที่ดีไปยังรุ่นลูกได้ คือมีสายเลือดที่เข้มข้นนั่นเอง แม่พันธุ์เองก็ต้องมีส่วนร่วม ผลักดันส่งเสริมการถ่ายทอดลักษณะเด่นๆ ไปยังรุ่นลูก เช่นเดียวกัน

"แล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่า พ่อพันธุ์และแม่พันธุ์เหล่านี้มีคุณสมบัติที่เหมาะสม นับเป็นคำถามที่หาคำตอบได้ยากมาก ซึ่งบรีดเดอร์ทุกๆ คน ต่างก็ได้ใช้ความพยายาม โดยใช้วิธีการคาดคะเนหาความน่าจะเป็นในการเข้าคู่กัน ทำซ้ำไปซ้ำมา แล้วดูผลที่ออกมาว่า รุ่นลูกมีลักษณะอย่างไร แล้วจดบันทึกไว้ ผมเป็นคนที่ค่อนข้างขี้สงสัย ชอบสังเกตและมีความละเอียดรอบคอบ ในการผสมพันธุ์ ผมนิยมใช้วิธี LINE BREED หรือการผสมในหมู่เครือญาติมากกว่าวิธีอื่นๆ แต่จะใช้วิธี OUT CROSS หรือการผสมโดยการข้ามสายพันธุ์ เพื่อปรับปรุงลักษณะบางอย่าง แต่จะไม่นิยมใช้วิธี IN BREED หรือการผสมในสายเลือดชิด และถ้าอยากจะ IN BREED เราจะใช้โปรแกรม ROTATION หรือโปรแกรมการเพาะพันธุ์แบบหมุนเวียนแทน ในแต่ละโปรแกรมเราจะต้องมีหลักเกณฑ์ในการทำสมมุติฐานหาความน่าจะเป็น โดยอาศัยตัวอย่างประกอบก่อน โดยแบ่งสุนัข ออกเป็น 2 กรณี คือ การทดสอบพ่อพันธุ์ และการทดสอบแม่พันธุ์"

กรณีที่ 1 การทดสอบพ่อพันธุ์ อาศัยพ่อพันธุ์ที่คิดว่าดีที่สุดแล้วเป็นหลัก แล้วผสมกับแม่พันธุ์หลายตัว แล้วดูผลที่ออกมาว่า แต่ละแม่ที่ผสมไป ให้ลูกมีลักษณะอย่างไร วิธีนี้จะเป็นการทดสอบพ่อพันธุ์ โดยจะจัดแบ่งแม่พันธุ์ ออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้

1.1 แม่พันธุ์ที่มีความสวยงามใกล้เคียงมาตรฐาน

1.2 แม่พันธุ์ที่มีความสวยปานกลาง และมีจุดบกพร่องเล็กน้อย

1.3 แม่พันธุ์ที่ห่างไกลมาตรฐาน และมีจุดบกพร่องมาก

จากการทดสอบแม่พันธุ์ทั้ง 3 กลุ่ม จะทำให้มองออกว่า พ่อพันธุ์ที่ใช้ในการทดสอบให้ลูกเป็นอย่างไร จากแม่พันธุ์ที่แตกต่างกัน และสามารถถ่ายทอดลักษณะเด่นๆ หรือสามารถแก้ไขข้อบกพร่อง ได้มากน้อยเพียงใด นี่เป็นเพียงสมมุติฐานข้างต้น ที่จะทำให้เราสามารถเลือก พ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ที่จะมาเข้าสายกันในอันดับต่อไป

คราวนี้เรามาดูกันให้ชัดๆ อีกที สมมุติว่า พ่อพันธุ์ชื่อ W มีรูปร่างลักษณะเด่นคือ หัวใหญ่ หน้าดี กระดูกใหญ่ ลำตัวสั้น เส้นหลังตรง มุมขาหลังสวย เมื่อนำมาผสมพันธุ์กับแม่พันธุ์ที่กำหนดไว้ แล้วได้ลักษณะแตกต่าง เช่น

แม่พันธุ์ A มีลักษณะหัวใหญ่ หน้าดี กระดูกกลาง ลำตัวดี เส้นหลังตรง มุมขาหลังสวย ลักษณะโดยรวมของลูก WA ที่ออกมา มีลักษณะ หัวใหญ่ หน้าดี กระดูกใหญ่ ลำตัวสั้น เส้นหลังตรง มุมขาหลังสวย

แม่พันธุ์ B มีลักษณะหัวปานกลาง หน้าปานกลาง กระดูกใหญ่ ลำตัวยาว เส้นหลังตรง มุมขาหลังตึง ลักษณะโดยรวมของลูก WB ที่ออกมา มีลักษณะหัวปานกลาง หน้าดี กระดูกใหญ่ ลำตัวดี เส้นหลังตรง มุมขาหลังตึง

แม่พันธุ์ C มีลักษณะหัวเล็ก หน้ายาว กระดูกเล็ก ลำตัวสั้น เส้นหลังแอ่นมาก มุมขาหลังสวย ลักษณะโดยรวมของลูก

WC ที่ออกมา มีลักษณะหัวปานกลาง หน้าปานกลาง กระดูกปานกลาง ลำตัวสั้น เส้นหลังแอ่นเล็กน้อย มุมขาหลังสวย

จากสมมุติฐานนี้ พอสรุปได้ว่า พ่อพันธุ์ W สามารถถ่ายทอดลักษณะเด่นๆ ไปยังรุ่นลูกได้ คือ ให้หัวค่อนข้างใหญ่ หน้าดีมาก กระดูกใหญ่ ลำตัวสั้น เส้นหลังตรง แต่มุมขาหลังตึง แสดงว่ายังพร่องในเรื่องของมุมขาหลังยังไม่ดี ดังนั้น เราจึงต้องคัดเลือกแม่พันธุ์ตัวต่อไปที่จะมาบรีด โดยคัดเลือกแม่พันธุ์ที่สามารถถ่ายทอดลักษณะเด่นๆ ของมุมขาหลังที่ดีๆ มาผสม เพื่อแก้ไขจุดบกพร่องดังกล่าว

กรณีที่ 2 การทดสอบแม่พันธุ์ อาศัยแม่พันธุ์หนึ่งตัวที่คิดว่าดีแล้วเป็นหลัก แล้วผสมกับพ่อพันธุ์หลายๆ ตัว วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีพ่อพันธุ์เป็นของตนเอง สามารถเลือกพ่อพันธุ์ผสมได้ตามใจชอบ แต่โดยหลักการแล้วควรผสมกับพ่อพันธุ์ที่ดีและสวยกว่าแม่พันธุ์ โดยยึดหลักการถ่ายทอดลักษณะต่างๆ ของพ่อพันธุ์ด้วย วิธีทดสอบแม่พันธุ์นี้ก็ใช้หลักการเดียวกันกับวิธีการทดสอบพ่อพันธุ์ แต่การทดสอบแม่พันธุ์หนึ่งตัวจะอาศัยระยะเวลาค่อนข้างนาน ถ้าผสมกับพ่อพันธุ์ทั้งหมด 3 ตัว ใช้เวลาราว 3 ปี คือ ผสมปีละคอก แม่พันธุ์ตัวใดที่สามารถถ่ายทอดลักษณะเด่นๆ ไปยังรุ่นลูกได้ ก็จะเป็นที่หวงแหนของเจ้าของหรือบรีดเดอร์มากเช่นกัน เราจึงไม่ค่อยพบเห็นการซื้อขายแม่พันธุ์ที่ถ่ายทอดหรือคลอดลูกได้ดี ดังนั้น หากท่านใดเลี้ยงสุนัขเพศเมียแล้วคาดหวังว่าจะผสมพันธุ์และจำหน่ายลูก ก็ควรศึกษาลักษณะที่ดีก่อนซื้อให้มาก

"เฟรนช์ บูลด๊อก นอกจากการทดสอบโดยดูจากรูปร่างหน้าตา ความเป็นมาตรฐานแล้ว สีของสุนัขก็มีส่วนจูงใจไม่น้อย ตามหลักมาตรฐานของ French Bulldog Club of America เฟรนช์ บูลด๊อก มีทั้งหมด 16 สี แต่ในบ้านเราตอนนี้เท่าที่ผมได้คลุกคลีมา มีทั้งหมดประมาณ 6 สี ที่นิยมคือ สีฟางข้าว สีลูกวัว 80% จะเป็นสีขาว-ดำ และลายเสือดำ แต่ในการบรีดสุนัข ผมอยากให้คำนึงถึงความเป็นมาตรฐานรูปร่างโครงสร้างมาก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนในเรื่องของสีอย่าไปกังวลใจ เพราะในการประกวดนั้นทุกสี มีสิทธิ์ที่จะ แพ้-ชนะ เท่ากัน แต่รูปร่างโครงสร้างการเดิน การวิ่ง จะมีผลโดยตรงมากกว่า แต่ในวงการเรียกได้ว่า เฟรนช์ บูลด๊อก นั้นถือว่าเป็นสุนัขปราบเซียน เพราะบางครั้งต้องเสียลูกสุนัขที่ดีไปอย่างน่าเสียดาย เนื่องมาจากการทำคลอด และการเลี้ยงดู เฟรนช์ บูลด๊อก คลอดลูกยาก เพราะลูกสุนัขจะมีกะโหลกศรีษะใหญ่บาง บางตัวออกมาไม่ได้ติดอยู่ที่อุ้งเชิงกราน ผู้เลี้ยงต้องช่วยทำคลอดสุนัขด้วย แม่พันธุ์บางตัวก็ต้องผ่าคลอด ถ้าได้ลูกสุนัขตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 2 เดือน อาจจะเลี้ยงยาก ถ้าโตแล้วจะเลี้ยงง่าย กินเก่ง ขี้เล่น ตลก จนหลายคนต้องหลงรัก"

เพียงแค่หลักการพื้นฐาน อาจทำให้ท่านผู้เลี้ยงถอดใจในการเป็นบรีดเดอร์สุนัขระดับแชมป์ คุณศุภกฤกษ์ บอกว่า อย่าเพิ่งหมดกำลังใจ หากการพัฒนาสายพันธุ์สุนัขคือเป้าหมายของคนรักสุนัขเช่นคุณ หากสนใจสามารถศึกษาขั้นตอนการบรีดสุนัขได้ที่www.woncher.com หรือปรึกษากับคุณศุภกฤกษ์ได้ โทร. (044) 691-083, (081) 976-6868 หรือ (081) 977-2727

เป็นไปได้ไหมว่า หากผู้เลี้ยงสุนัขเมืองไทยสามารถผลิตลูกสุนัขที่ดี มีคุณภาพ ปัญหาสุนัขจรจัดอาจจะเบาบางลงไป เพราะมีแต่สุนัขหน้าตาดีเดินป้วนเปี้ยน จนใครๆ ก็อยากได้ (ฮา)!!

ที่มา  :  เทคโนโลยีชาวบ้าน









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-05-05 (2462 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©