สายพันธุ์ไก่แจ้
ไก่แจ้ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Bantams ไก่แจ้ที่เราเลี้ยงกันอยู่ในประเทศไทยมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ
ไก่แจ้ไทย ไม่มีหลักฐานบันทึกที่แน่นอนแต่เชื่อว่าไก่แจ้ไทยมีมานานแล้วเพราะว่าไก่ที่เราเลี้ยงอยู่ในปัจจุบันนี้มีวิวัฒนาการมาจากไก่ป่า 4 ชนิด คือ ไก่ป่าสีแดง (Red jungle fowl) ไก่ป่าสีเทา (Gray jungle fowl) ไกป่าชวา (Java jungle fowl) ไก่ป่าซีลอน (Ceylones jungle fowl) ไกป่าทั้ง 4 ชนิดนี้เป็นต้นกำเนิดของไก่พันธุ์ต่างๆที่เราเลี้ยงกันในปัจจุบันทั่วโลก
ไก่แจ้ญี่ปุ่น ตามประวัติประมาณปี พ.ศ.2146-2176 ญี่ปุ่นได้นำเอาไก่แจ้จากตอนใต้ของประเทศจีนไปพัฒนาสายพันธุ์โดยนำเอาไก่แจ้ไปจากคาบสมุทรอินโดจีนเพื่อไปปรับปรุงสายพันธุ์ ได้นำเข้าไปเลี้ยงในประเทศอังกฤษและอเมริกาประมาณปีพ.ศ.2367 ในปัจจุบันพันธุ์ไก่แจ้ที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยส่วนมากเป็นพันธุ์ไก่แจ้ญี่ปุ่น มีผู้นำเข้ามาเลี้ยงในประเทศไทยประมาณ 25-30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเรานิยมเรียกว่า ไก่แจ้ญี่ปุ่นเลือดร้อย และมีราคาแพง ไก่แจ้เป็นสัตว์ปีกประเภทหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในป่า ไก่แจ้แบบสากลในแถบยุโรปและอเมริกาเรียกว่า Japannese Bantams
การจำแนกประเภทไก่แจ้
1 การจำแนกตามลักษณะสี ซึ่งมีดังนี้
สีขาว (White) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "ชิโรฮิโระ ชาโบะ" ลักษณะของขนต้องมีสีขาวบริสุทธิ์ไม่มีสีอื่นมาปะปน ตาสีแดงหรือส้มปนแดง (สีของตาหมายถึงสีรอบๆตาดำ) ขาสีเหลือง
2 สีดำ (Black) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "คุโรอิโระ ชาโบะ" ลักษณะขนทั้งตัวต้องมีสีดำสนิทไม่มีสีอื่นแซม ความดำต้องเป็นเหลือบเขียวคล้ายปีกแมลงทับ หน้ามีสีแดง หงอนและเหนียงแดง ตาสีดำหรือแดงหรือสีน้ำตาลแก่หรือสีสนิมเหล็ก เท้าตลอดจนเล็บมีสีดำ
3 สีทอง (Black Tailed Buff) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "โชโจ ชาโบะ" ขนมีสีทองสดใสสม่ำเสมอทั้งตัว ขนปีกชั้นแรกและชั้นที่สองแซมดำ เมื่อหุบปีกแล้วจะดูเป็นสีทองเกือบทั้งตัว ขนหางแต่ละเส้นสีดำ แต่มีขอบรอบเป็นสีทอง หางชัยมีสีดำหรือสีดำแซมสีทองก็ได้ ตาสีเหลือง ขาสีเหลือง
4 สีลายกระดำ หรือเรียกสีลายข้าวตอก (Black Mottled) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "โงอิชิ ชาโบะ" เส้นขนทั้งตัวทุกเส้นสีดำแต่ปลายขนแต้มสีขาว (ประมาณ9-12มิลลิเมตร) ขนหางและขนปีกมีการอนุโลม ให้มีสีขาวได้มากกว่ากำหนดได้ ตามีสีแดง ขาเป็นสีเหลือง
5 สีลายกระทอง (Buff Mottled) ชื่อเรียกในภาษาญี่ปุ่นยังไม่มีการค้นพบ ข้อกำหนดทั่วๆไปเช่นเดียวกับลายข้าวตอก แต่ต่างกันที่สีพื้นจะเป็นสีทองเท่านั้น
6 สีเทา (Grey) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "อาชางิ ชาโบะ" ลักษณะของขนเป็นสีเทาทั่วตัว มีสร้อยคอเป็นสีเทาเข้มกว่าสีตามตัวเล็กน้อย ตามีสีส้มหรือสีน้ำตาลเข้ม ขาสีเทาคล้ายหินชนวน
7 สีขาวหางดำ (Black Tailed White) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "ฮาชิระ ชาโบะ" ขนมีสีขาวบริสุทธิ์ทั้งตัว ขนปีกชั้นแรกและชั้นที่สองแซมดำ แต่เมื่อหุบปีกแล้ว จะดูเป็นสีขาวเกือบทั้งปีก ขนหางแต่ละเส้นสีดำ แต่ขลิบขอบด้วยสีขาว ตาสีแดง ขาสีเหลือง
8 สีประดู่ (Partridge Black Red) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "อากาซาซะ ชาโบะ" นับว่าเป็นสีของไก่ไทยโดยตรง (สีคล้ายสีไก่ป่าหรือไก่ชน) สีของลำตัวจะมีสีดำเหลือบเขียวแบบปีกแมลงทับ สร้อยและระย้าสีแดงทอง ปีกดำแต่มีสี
แดงทองแซม หางสีดำเหลือบเป็นมันเช่นเดียวกับสีตามตัว ตาสีแดง ขาสีเหลือง
9 สีลายสร้อยเงิน (Silver Dackwibg) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "ชิโรชาซะ ชาโบะ" ตามตัวจะมีสีดำเป็นมันเหลือบเขียวคล้ายปีกแมลงทับ สร้อยคอและระย้าเป็นสีเทาเงินและมีจำนวนมาก หางสีดำเช่นเดียวกับลำตัว แต่ขนหางข้าง (หางที่ขนาบข้างหางพัด) สีดำแต่ขลิบขอบด้วยสีเทาเงิน ปีกดำ แต่ปลายปีกสีเทาเงิน ตาสีแดง ขาสีเหลือง
10 สีลายบาร์ (Cuckoo) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "คินซูซุนามิ ชาโบะ" มีสีคล้ายๆกับลายข้าวตอก แต่เป็นสีลายระหว่างสีเทาเงินกับสีเทาเข้มทั้งตัว ไม่มีสีอื่นปะปน ขาสีเหลือง (ที่มาของชื่อว่า ลายบาร์ นั้นสันนิษฐานว่ามีสีเหมือนไก่พันธุ์เนื้อสายพันธุ์หนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า "บาร์พลีมัธร็อคส์" ซึ่งในประเทศไทยเคยนิยมเลี้ยงเป็นไก่เนื้อกันในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่2)
11 ขนแกะ (Pile) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "กินไป ชาโบะ" มีขนสีน้ำตาลนวลทั้งตัว ขนปีกแดง ด้านบนเป็นสีทอง ตาสีแดง ขาสีเหลือง
12 สีลายสามสี (Tri-Coloured) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "ซานโชกุ โงอิชิ ชาโบะ" สีคล้ายๆประเภทลายข้าวตอก แต่ขนแต่ละเส้นจะมี3สีคือ สีขาว สีดำ และสีน้ำตาล ตาสีส้ม ขาสีเหลือง
13 สีขาวหางดำ(ประเภทหงอนใหญ่) (Large-Combed Black Tailed White) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "ไดเกนไค สี ชาโบะ" มีลักษณะเหมือนกับประเภทขาวหางดำธรรมดา แต่สีดำจะจางกว่า หงอนและเหนียงมีขนาดใหญ่มาก ประเภทนี้ในเมืองไทยไม่นิยมเท่าใดนัก เพราะลักษณะแตกต่างจากไก่แจ้ของไทยมาก
14 สีดำ(ประเภทหางสั้นและหงอนใหญ่) (Pinch-Tailed Black) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "ดารูมะ คูโระ ชาโบะ" ลักษณะทั่วๆไปคล้ายกับประเภทสีดำ แต่มีความแตกต่างตรงส่วนหางและหงอน ซึ่งไม่เป็นที่นิยมของนักเลี้ยงมากนัก เพราะถือว่าเป็นลักษณะที่ประหลาดไปกว่ามาตรฐานสากลที่กำหนดไว้
15 สีดำมืด (Dark Faced Black) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "มาดูโระ ชาโบะ" ลักษณะสีขนเป็นสีเช่นเดียวกับประเภทสีดำธรรมดา แต่ตาม
16 สีลายดอกหมาก (Dark Grey) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "กินซาซะ ชาโบะ" มีสีคล้ายๆกับลายสร้อยเงิน แต่ลายจะน้อยกว่า ขนตัวส่วนใหญ่จะมีสีดำ ขนสร้อยคอและขนระย้าจะมีสีดำขลิบด้วยสีเทาเงินสว่างชัดเจน หางและปีกมีสีดำ ตาสีแดง ขาสีเหลือง นอกจากสีที่กล่าวข้างต้นแล้วยังมีประเภทสีโกโก้อีกสีหนึ่ง ที่เข้าใจว่าเป็นสีที่นักเลี้ยงในประเทศไทยผสมขึ้นมาได้เอง เมื่อประมาณ10ปีเศษมานี้ เชื่อกันว่าเดิมเป็นไก่แจ้พื้นบ้านแถวๆจังหวัดเพชรบุรี มีลักษณะขนเป็นสีน้ำตาลแดงตลอดทั้งตัว ตั้งแต่สร้อยคอ หางชัยจะมีสีใดแซมไม่ได้ หน้า หงอน เหนียง หู เป็นสีแดง ปาก ขา นิ้ว เล็บ เป็นสีเหลืองหรือน้ำตาล
สายพันธุ์ไก่แจ้ในประเทศไทย
น.ส.สุชาดา สรรพานิช
ไก่แจ้ตรงกับภาษาอังกฤษว่า Bantams ไก่แจ้ที่เราเลี้ยงกันอยู่ในประเทศไทยมีอยู่ 2 สายพันธุ์ คือ
-
ไก่แจ้ไทย ไม่มีหลักฐานบันทึกที่แน่นอนแต่เชื่อว่าไก่แจ้ไทยมีมานานแล้วเพราะว่าไก่ที่เราเลี้ยงอยู่ในปัจจุบันนี้มีวิวัฒนาการมาจากไก่ป่า 4 ชนิด คือ ไก่ป่าสีแดง (Red jungle fowl) ไก่ป่าสีเทา (Gray jungle fowl) ไกป่าชวา (Java jungle fowl) ไก่ป่าซีลอน (Ceylones jungle fowl) ไกป่าทั้ง 4 ชนิดนี้เป็นต้นกำเนิดของไก่พันธุ์ต่างๆที่เราเลี้ยงกันในปัจจุบันทั่วโลก
-
ไก่แจ้ญี่ปุ่น ตามประวัติประมาณปี พ.ศ.2146-2176 ญี่ปุ่นได้นำเอาไก่แจ้จากตอนใต้ของประเทศจีนไปพัฒนาสายพันธุ์โดยนำเอาไก่แจ้ไปจากคาบสมุทรอินโดจีนเพื่อไปปรับปรุงสายพันธุ์ ได้นำเข้าไปเลี้ยงในประเทศอังกฤษและอเมริกาประมาณปีพ.ศ.2367 ในปัจจุบันพันธุ์ไก่แจ้ที่นิยมเลี้ยงในประเทศไทยส่วนมากเป็นพันธุ์ไก่แจ้ญี่ปุ่น มีผู้นำเข้ามาเลี้ยงในประเทศไทยประมาณ 25-30 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเรานิยมเรียกว่า ไก่แจ้ญี่ปุ่นเลือดร้อย และมีราคาแพง ไก่แจ้เป็นสัตว์ปีกประเภทหนึ่งที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในป่า ไก่แจ้แบบสากลในแถบยุโรปและอเมริกาเรียกว่า Japannese Bantams
การจำแนกประเภทไก่แจ้
การจำแนกตามลักษณะสี ซึ่งมีดังนี้
-
สีขาว (White) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "ชิโรฮิโระ ชาโบะ" ลักษณะของขนต้องมีสีขาวบริสุทธิ์ไม่มีสีอื่นมาปะปน ตาสีแดงหรือส้มปนแดง (สีของตาหมายถึงสีรอบๆตาดำ) ขาสีเหลือง
-
สีดำ (Black) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "คุโรอิโระ ชาโบะ" ลักษณะขนทั้งตัวต้องมีสีดำสนิทไม่มีสีอื่นแซม ความดำต้องเป็นเหลือบเขียวคล้ายปีกแมลงทับ หน้ามีสีแดง หงอนและเหนียงแดง ตาสีดำหรือแดงหรือสีน้ำตาลแก่หรือสีสนิมเหล็ก เท้าตลอดจนเล็บมีสีดำ
-
สีทอง (Black Tailed Buff) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "โชโจ ชาโบะ" ขนมีสีทองสดใสสม่ำเสมอทั้งตัว ขนปีกชั้นแรกและชั้นที่สองแซมดำ เมื่อหุบปีกแล้วจะดูเป็นสีทองเกือบทั้งตัว ขนหางแต่ละเส้นสีดำ แต่มีขอบรอบเป็นสีทอง หางชัยมีสีดำหรือสีดำแซมสีทองก็ได้ ตาสีเหลือง ขาสีเหลือง
-
สีลายกระดำ หรือเรียกสีลายข้าวตอก (Black Mottled) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "โงอิชิ ชาโบะ" เส้นขนทั้งตัวทุกเส้นสีดำแต่ปลายขนแต้มสีขาว (ประมาณ9-12มิลลิเมตร) ขนหางและขนปีกมีการอนุโลม ให้มีสีขาวได้มากกว่ากำหนดได้ ตามีสีแดง ขาเป็นสีเหลือง
-
สีลายกระทอง (Buff Mottled) ชื่อเรียกในภาษาญี่ปุ่นยังไม่มีการค้นพบ ข้อกำหนดทั่วๆไปเช่นเดียวกับลายข้าวตอก แต่ต่างกันที่สีพื้นจะเป็นสีทองเท่านั้น
-
สีเทา (Grey) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "อาชางิ ชาโบะ" ลักษณะของขนเป็นสีเทาทั่วตัว มีสร้อยคอเป็นสีเทาเข้มกว่าสีตามตัวเล็กน้อย ตามีสีส้มหรือสีน้ำตาลเข้ม ขาสีเทาคล้ายหินชนวน
-
สีขาวหางดำ (Black Tailed White) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "ฮาชิระ ชาโบะ" ขนมีสีขาวบริสุทธิ์ทั้งตัว ขนปีกชั้นแรกและชั้นที่สองแซมดำ แต่เมื่อหุบปีกแล้ว จะดูเป็นสีขาวเกือบทั้งปีก ขนหางแต่ละเส้นสีดำ แต่ขลิบขอบด้วยสีขาว ตาสีแดง ขาสีเหลือง
-
สีประดู่ (Partridge Black Red) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "อากาซาซะ ชาโบะ" นับว่าเป็นสีของไก่ไทยโดยตรง (สีคล้ายสีไก่ป่าหรือไก่ชน) สีของลำตัวจะมีสีดำเหลือบเขียวแบบปีกแมลงทับ สร้อยและระย้าสีแดงทอง ปีกดำแต่มีสีแดงทองแซม หางสีดำเหลือบเป็นมันเช่นเดียวกับสีตามตัว ตาสีแดง ขาสีเหลือง
-
สีลายสร้อยเงิน (Silver Dackwibg) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "ชิโรชาซะ ชาโบะ" ตามตัวจะมีสีดำเป็นมันเหลือบเขียวคล้ายปีกแมลงทับ สร้อยคอและระย้าเป็นสีเทาเงินและมีจำนวนมาก หางสีดำเช่นเดียวกับลำตัว แต่ขนหางข้าง (หางที่ขนาบข้างหางพัด) สีดำแต่ขลิบขอบด้วยสีเทาเงิน ปีกดำ แต่ปลายปีกสีเทาเงิน ตาสีแดง ขาสีเหลือง
-
สีลายบาร์ (Cuckoo) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "คินซูซุนามิ ชาโบะ" มีสีคล้ายๆกับลายข้าวตอก แต่เป็นสีลายระหว่างสีเทาเงินกับสีเทาเข้มทั้งตัว ไม่มีสีอื่นปะปน ขาสีเหลือง (ที่มาของชื่อว่า ลายบาร์ นั้นสันนิษฐานว่ามีสีเหมือนไก่พันธุ์เนื้อสายพันธุ์หนึ่ง ซึ่งมีชื่อว่า "บาร์พลีมัธร็อคส์" ซึ่งในประเทศไทยเคยนิยมเลี้ยงเป็นไก่เนื้อกันในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่2)
-
สีขนแกะ (Pile) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "กินไป ชาโบะ" มีขนสีน้ำตาลนวลทั้งตัว ขนปีกแดง ด้านบนเป็นสีทอง ตาสีแดง ขาสีเหลือง
-
สีลายสามสี (Tri-Coloured) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "ซานโชกุ โงอิชิ ชาโบะ" สีคล้ายๆประเภทลายข้าวตอก แต่ขนแต่ละเส้นจะมี3สีคือ สีขาว สีดำ และสีน้ำตาล ตาสีส้ม ขาสีเหลือง
-
สีขาวหางดำ(ประเภทหงอนใหญ่) (Large-Combed Black Tailed White) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "ไดเกนไค สี ชาโบะ" มีลักษณะเหมือนกับประเภทขาวหางดำธรรมดา แต่สีดำจะจางกว่า หงอนและเหนียงมีขนาดใหญ่มาก ประเภทนี้ในเมืองไทยไม่นิยมเท่าใดนัก เพราะลักษณะแตกต่างจากไก่แจ้ของไทยมาก
-
) สีดำ(ประเภทหางสั้นและหงอนใหญ่) (Pinch-Tailed Black) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "ดารูมะ คูโระ ชาโบะ" ลักษณะทั่วๆไปคล้ายกับประเภทสีดำ แต่มีความแตกต่างตรงส่วนหางและหงอน ซึ่งไม่เป็นที่นิยมของนักเลี้ยงมากนัก เพราะถือว่าเป็นลักษณะที่ประหลาดไปกว่ามาตรฐานสากลที่กำหนดไว้
-
สีดำมืด (Dark Faced Black) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "มาดูโระ ชาโบะ" ลักษณะสีขนเป็นสีเช่นเดียวกับประเภทสีดำธรรมดา แต่ตามหน้าตา หงอน เหนียง ตลอดขาและเท้าเป็นสีดำทั้งหมด
-
สีลายดอกหมาก (Dark Grey) ภาษาญี่ปุ่นเรียก "กินซาซะ ชาโบะ" มีสีคล้ายๆกับลายสร้อยเงิน แต่ลายจะน้อยกว่า ขนตัวส่วนใหญ่จะมีสีดำ ขนสร้อยคอและขนระย้าจะมีสีดำขลิบด้วยสีเทาเงินสว่างชัดเจน หางและปีกมีสีดำ ตาสีแดง ขาสีเหลือง นอกจากสีที่กล่าวข้างต้นแล้วยังมีประเภทสีโกโก้อีกสีหนึ่ง ที่เข้าใจว่าเป็นสีที่นักเลี้ยงในประเทศไทยผสมขึ้นมาได้เอง เมื่อประมาณ10ปีเศษมานี้ เชื่อกันว่าเดิมเป็นไก่แจ้พื้นบ้านแถวๆจังหวัดเพชรบุรี มีลักษณะขนเป็นสีน้ำตาลแดงตลอดทั้งตัว ตั้งแต่สร้อยคอ หางชัยจะมีสีใดแซมไม่ได้ หน้า หงอน เหนียง หู เป็นสีแดง ปาก ขา นิ้ว เล็บ เป็นสีเหลืองหรือน้ำตาล
http://www.vet.ku.ac.th/library-homepage/article/poultry/chick/thai_bantams.htm
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.