สารสกัดโฟเลทจากพืชผัก
เป็นวิตามินอัดเม็ด
ปัจจุบันพบเด็กพิการแต่กำเนิดปากแหว่งเพดานโหว่สูงถึงปีละ 1,500 รายต่อปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก วิธีการแก้ปัญหานี้ช่วยได้ด้วยการเสริมกรดโฟลิกในช่วง 6 สัปดาห์ก่อนการตั้งครรภ์ในปริมาณ 400 ไมโครกรัมต่อวัน ยังสามารถลดโอกาสการเกิดปากแหว่งเพดานโหว่ได้ประมาณ 1 ใน 3 ลดโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด ร้อยละ 25-50 ลดความผิดปกติของแขนขา ประมาณร้อยละ 50 และยังลดความพิการของระบบทางเดินปัสสาวะ ภาวะไม่มีรูทวารหนัก รวมทั้งการเสริมวิตามินที่มีกรดโฟลิกสามารถลดความพิการแต่กำเนิดได้ร้อยละ 25-50 ซึ่งการเกิดความพิการแต่กำเนิดของหลอดประสาทจะเกิดขึ้นภายใน 1 เดือนหลังการปฏิสนธิ ช่วงเวลาการเสริมกรดโฟลิกให้ได้ผลต้องให้อย่างน้อย 1 เดือน ก่อนปฏิสนธิจะเป็นช่วงที่ดีที่สุด ไปจนตลอดการตั้งครรภ์
จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่าปัจจุบันหญิงตั้งครรภ์ในประเทศไทยได้รับสารไอโอดีนไม่เพียงพอ ซึ่งในปี พ.ศ. 2549-2551 พบหญิงตั้งครรภ์มีค่าไอโอดีนในปัสสาวะน้อยกว่า 150 ไมโครกรัมต่อลิตร หญิงตั้งครรภ์ที่ขาดสารไอโอดีนจะทำให้เด็กเป็นโรคเอ๋อ ปัญญาอ่อน หรือ ไอคิวน้อยลง 13.5 จุด ซึ่งปกติอยู่ที่ 90 จุด กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมอนามัยได้เปิดโครงการลูกครบ 32 สมองดีภายใน 6 สัปดาห์ จะเข้าไปส่งเสริมความรู้เรื่องการเตรียมความพร้อมก่อนตั้งครรภ์ ด้วยการผลิตวิตามินเสริมธาตุเหล็ก กรดโฟลิก และไอโอดีน เพื่อความสะดวกต่อการบริโภค โดยหญิงตั้งครรภ์สามารถขอรับยาพร้อมคำแนะนำในโรงพยาบาลรัฐทุกระดับทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เป็นต้นไป
“โฟเลท” เป็นสารอาหารที่มีมากในผักใบเขียว เช่น คะน้า บรอกโคลี ดอกกะหล่ำ ดอกและใบกุยช่าย มะเขือเทศ ผักตระกูลกะหล่ำ แตงกวา หน่อไม้ฝรั่ง ถั่วฝักยาว และผลไม้จำพวกส้ม องุ่นเขียว สตรอเบอรี่ ถั่วเมล็ดแห้งต่าง ๆ ได้แก่ ถั่วลิสง ถั่วแดงหลวง ถั่วเหลือง และตับ แต่โฟเลทจะสูญเสียง่ายเมื่อถูกความร้อนที่ใช้เวลานานในการปรุง รวมทั้งเมื่อกินเข้าสู่ร่างกายแล้วสามารถนำไปใช้ได้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น
“ไอโอดีน” จัดเป็นสารอาหารประเภทแร่ธาตุมีมากในพืชและสัตว์ทะเล เช่น ปลาทะเลชนิดต่าง ๆ สาหร่ายทะเล เกลือเสริมไอโอดีน น้ำปลาเสริมไอโอดีน
ดังนั้นในหญิงวัยเจริญพันธุ์ที่เตรียมพร้อมจะมีลูกจึงจำเป็นจะต้องได้รับวิตามินเสริมโฟเลทและไอโอดีน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับปริมาณ โฟเลทและไอโอดีนที่เพียงพอเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดความผิดปกติของทารกที่คลอดออกมา โดยในหญิงวัยเจริญพันธุ์ควรได้รับโฟเลท 400 ไมโครกรัมต่อวัน ส่วนไอโอดีนควรได้รับ 150 ไมโครกรัมต่อวัน สำหรับหญิงตั้งครรภ์ควรได้รับโฟเลท 600 ไมโครกรัมต่อวัน และไอโอดีน 250 ไมโครกรัมต่อวัน
ดร.นพ.สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย กล่าวเสริมอีกว่า นอกจากตัวยาวิตามินโฟเลทและไอโอดีนแล้ว หญิงวัยเจริญพันธุ์ควรบริโภคอาหารที่อุดมไปด้วยโฟเลท ปัจจุบันกรมอนามัยได้ดำเนินงานร่วมกับคลินิกให้บริการคำปรึกษาวางแผนครอบครัวและรวมถึงการเตรียมพร้อมก่อนการตั้งครรภ์ในสถานบริการสาธารณสุขและโรงพยาบาลในทุกระดับทั่วประเทศ
การส่งเสริมให้หญิงวัยเจริญพันธุ์กินโฟเลทและไอโอดีนเป็นการป้องกันปัญหาเด็กพิการแต่กำเนิด ไม่เพียงช่วยลดจำนวนเด็กเอ๋อ ปัญญาอ่อน เด็กปากแหว่งเพดานโหว่ซึ่งเป็นภาระของครอบครัวแล้ว แต่ยังช่วยลดงบประมาณด้านสุขภาพของประเทศ และส่งผลให้เด็กไทยมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง สมองดีครบทั้ง 32 อีกด้วย.
ที่มา : เดลินิวส์
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.