-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 269 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

ข่าวทั่วไป





เวียดนาม....ตลาดกระจายผลไม้ไทย


เมื่อผลไม้ในประเทศไทย มีผลผลิตออกมามากเกินความต้องการบริโภคภายในประเทศ นอกจากมีการส่งเสริมการแปรรูปผลไม้ในรูปแบบต่าง ๆ แล้ว อีกทางหนึ่งที่เป็นการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกผลไม้คือการส่งออกไปยังต่างประเทศในรูปแบบต่าง ๆ รวมทั้งในรูปของผลไม้สดด้วย
   
สำหรับ เกษตรกรผู้ปลูกผลไม้ในประเทศไทย มีประมาณ 1.923 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 30 ของครัวเรือนเกษตรกร ทั้งหมด พื้นที่ปลูกไม้ผล 57 ชนิด มีประมาณ 8.176 ล้านไร่ ผลผลิตปีละ ประมาณ 7.486 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่าของผลผลิตตามราคาที่ เกษตรกรขายได้ปีละประมาณ 90,361 ล้านบาท โดยประเทศไทยเป็นผู้นำการผลิตและส่งออกผลไม้เมืองร้อนที่สำคัญและมีชื่อเสียงมากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย แต่ผลไม้ของไทยให้ผลผลิตตามฤดูกาลเมื่อผลผลิต    ออกมามากตามที่กล่าวมาส่งผลให้ มีปัญหาทางด้านการตลาดและราคาตกต่ำ เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด ลิ้นจี่ ลำไย ลองกอง ที่มีผลผลิตออกมาพร้อม ๆ กัน ในช่วงเดือนเมษายน-กันยายนประมาณ 1.85 ล้านตันต่อปี คิดเป็นร้อยละ 95 ของผลผลิตรวม ซึ่งเดือนที่มีผลผลิตออกมามากที่สุดและมีปัญหาเกิดขึ้นทุกปีคือเดือนพฤษภาคม (ผลไม้ภาคตะวันออกและลิ้นจี่) และเดือนสิงหาคม (ผลไม้ภาคใต้และลำไย)
   
ประเทศเวียดนามมีประชากรกว่า 83 ล้านคน ติดอันดับประเทศยากจน แต่มีความสามารถที่จะเป็นตลาดการค้าหลักได้ในอนาคต เนื่องจากเป็นประเทศที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจแบบก้าวกระโดดจากการลงทุนของอเมริกา และประเทศในเอเชียในปริมาณที่สูง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมการส่งออก ทำให้เกิดการจ้างงาน เป็นผลทำให้รายได้ต่อหัวเพิ่มขึ้นและความเป็นอยู่ของประชาชน ดีขึ้น
   
นายอรรถ อินทลักษณ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า จากศักยภาพการเป็นตลาดการค้าหลักได้ในอนาคตของประเทศเวียดนาม ซึ่งมีเส้นทางคมนาคมเชื่อมต่อกับประเทศจีนหลายเส้นทาง การกระจายผลไม้จากไทยไปยังเวียดนามโดยเฉพาะผลไม้เกรดเอและเกรดบีจึงเป็นแนวทางหนึ่งที่ทำให้เกษตรกรไทยสามารถส่งออกผลไม้ได้มากขึ้น ดังนั้น  กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดผลไม้ไทยในตลาดอาเซียน (Thai Fruit Fairs in ASEAN) ภายใต้ชื่องาน “Made in Thailand Outlet 2010” ณ ศูนย์แสดงสินค้า Hanoi Friendship Cultural Palace กรุงฮานอย โดยร่วมกับกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงฮานอย เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ผลไม้สดของไทยให้ชาวเวียดนามได้รู้จัก ซึ่งช่วงดังกล่าวเป็นช่วงที่มีผลไม้ภาคตะวันออก ออกสู่ตลาดจึงนำผลผลิต เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด มะม่วง กล้วยไข่ สละ มะพร้าวอ่อนไปจัดแสดงนิทรรศการ และจำหน่าย เป็นการขยายโอกาสทางการตลาดให้กับสินค้าเกษตรไทยอีกช่องทางหนึ่ง โดยทางกรมส่งเสริมการเกษตรได้นำเกษตรกรไปจำหน่ายผลไม้ที่ตนเป็นเจ้าของผลผลิตด้วยคือ นายสามเมือง ตรีเพชร จากจังหวัดจันทบุรีนำทุเรียนไปจำหน่าย นายสมพล จงรักษาศักดิ์ จากจันทบุรี นำกล้วยไข่ไปจำหน่าย นายพฤหัส พรเจีย จากจันทบุรี นำมังคุดไปจำหน่าย และ นางหนูภาพ ชินคำ จากจังหวัดอุดรธานี ที่ได้นำมะม่วง ไปจำหน่าย ซึ่งผลผลิตที่เกษตรกรนำไปจำหน่ายเป็นที่สนใจของชาวเวียดนามเป็นอย่างยิ่ง (โปรดดูภาพประกอบ) นอกจากนี้ ผลไม้ที่นำไปจัดนิทรรศการก็เป็นที่สนใจของชาวเวียดนามโดยเฉพาะอย่างยิ่ง สละ และลองกอง
       
...ผลไม้เป็นสินค้าเกษตรที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจทั้งในด้านเป็นอาชีพหลักและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรจำนวนมาก เป็นวัตถุดิบที่สำคัญของอุตสาหกรรมแปรรูป รวมทั้งเป็นสินค้าส่งออกทำรายได้เข้าสู่ประเทศปีละไม่น้อยกว่า 4 หมื่นล้านบาท และมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นมาโดยตลอด แต่ขณะเดียวกันสภาพการผลิตการตลาดที่ไม่สมดุลส่งผลให้เกษตรกรผู้ปลูกไม้ผลบางชนิดต้องประสบปัญหาด้านราคาผลผลิตที่ตกต่ำจากภาวะผลผลิตล้นตลาดเป็นประจำทุกปี ตลาดเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศอาเซียนโดยเฉพาะประเทศเวียดนาม เป็นตลาดเป้าหมายที่ได้รับการส่งเสริมในการกระจายสินค้าเกษตรของไทย เนื่องจากกลุ่มประเทศอาเซียนมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และหากผลไม้ของไทยได้รับการยอมรับในตลาดดังกล่าว จะส่งผลให้ไทยสามารถระบายผลไม้ได้ปริมาณมากในแต่ละฤดู เพราะมีระยะทางขนส่งใกล้การคมนาคมสะดวก…อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าว.


ที่มา  :  เดลินิวส์









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-05-05 (1378 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©