อ้อยเคี้ยว
ลักษณะทางธรรมชาติ
* อ้อยเคี้ยว (อ้อยควั่น) หรืออ้อยคั้นน้ำ (น้ำอ้อยสดพร้อมดื่ม) ต่างจากอ้อยโรงงาน (น้ำตาลทราย) ตรงที่อ้อยคั้นน้ำต้องการน้ำมากหรือต้องมีน้ำหล่อในร่องข้างแปลงปลูกตลอดเวลา ถ้าไม่มีน้ำหล่อลำอ้อยจะเล็กเรียวและน้ำหวานน้อย
* ไม่ควรให้ปุ๋ยน้ำชีวภาพ ฮอร์โมนไข่ หรือสารอาหาร(ทำเอง)ใดๆที่มีส่วนผสมของกากน้ำตาลฉีดพ่นทางใบต่ออ้อยที่กำลังเจริญเติบโตจนถึงระยะย่างปล้อง เพราะจะทำให้อ้อยแตกตะเกียง (ตา) ตามข้อ ส่งผลให้อ้อยลำไม่โตและไม่หวาน แต่ปุ๋ยน้ำชีวภาพหรือฮอร์โมนไข่ซึ่งมีส่วนผสมของกากน้ำตาลมีสารอาหารที่อ้อยต้องการจึงควรให้โดยใส่ผ่านน้ำในร่องแทน จากนั้นรากก็จะดูดซึมเข้าสู่ต้นได้เช่นกัน
* เมื่อลำต้นเริ่มสูงขึ้น (ย่างปล้อง) ควรไม้ค้ำยันเพื่อให้ลำตรง
* เนื่องจากอ้อยต้องใช้สารอาหารปริมาณค่อนข้างมากในการสร้างน้ำตาล ช่วงที่ต้นเจริญเติบโตได้ 50 เปอร์เซ็นต์แล้วควรให้ยิบซั่มธรรมชาติและกระดูกป่นอีก 1 ครั้ง
* ไม่ควรให้มูลค้างคาว มูลไก่ไข่ มูลนกกระทา เพราะจะทำให้อ้อยออกดอกได้
สายพันธุ์นิยม
อ้อยคั้นน้ำที่เกษตรกรนิยมปลูกกันทั่วไปมาเป็นเวลานาน ได้แก่พันธุ์ สิงค์โปร. เมอริชาด. สุพรรณบุรี-50. เนื่องจากมีลักษณะเปลือกอ่อนบาง ปล้องยาว น้ำหวานมาก รสหวานจัด กลิ่นหอม ปัจจุบันนี้ ศูนย์วิจัยพืชไร่สุพรรณบุรี ได้พัฒนาอ้อยเคี้ยวหรืออ้อยคั้นน้ำสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาชื่อ อ้อยเคี้ยวสุพรรณบุรี-72 ซึ่งมีคุณสมบัติเฉพาะตัวเหนือกว่าพันธุ์เดิมที่นิยมกัน กล่าวคือ ลำต้นมีสีเขียวอมเหลือง กาบใบสีเขียวอมม่วง ความยาวหรือความสูง 2.70 ม. ขนาดลำปานกลางถึงใหญ่ ปล้องยาว ข้อเล็ก เนื้อนุ่ม ชานเหนียวไม่แตกยุ่ยง่าย ให้ผลผลิตทั้งกอสูงถึง 17-18 ตัน/ไร่ ปอกเปลือกแล้วได้เนื้ออ้อยไม่รวมข้อ 6,300-6,500 กก./ไร่ อายุเก็บเกี่ยวตั้งแต่เริ่มปลูก 8-9 เดือน เมื่อเทียบกับพันธุ์เมอริชาด สุพรรณบุรี-72 ให้ผลผลิตรวมต่อไร่สูงกว่า 2 เท่า ให้ความหวาน 19.3 องศาบริกซ์หรือหวานกว่าเมอริชาด 12 เปอร์เซ็นต์ น้ำอ้อยที่คั้นออกมาแล้วมีสีเหลืองอมเขียวทำให้น่ารับประทานกว่าเมอริชาดซึ่งนำคั้นมีสีน้ำตาลคล้ำและหลังจากล้มตอ (หลังเก็บเกี่ยวแล้ว) แตกหน่อใหม่ดีกว่าเมอริชาดทำให้ไม่ต้องปักกล้าปลูกใหม่ทุกปี นอกจากนี้สุพรรณบุรี-72 ยังให้ปริมาณผลผลิตใกล้เคียงกับพันธุ์สุพรรณบุรี-50 คือ 4,900 ล./ไร่ และน้ำคั้นสีเหลืองอมเขียวเหมือนกันอีกด้วย
อ้อยคั้นน้ำหรืออ้อยเคี้ยวพันธุ์ หยวนเจียง ขนาด 1 ลำให้น้ำ 1 ล. เนื้อนุ่มแม้แต่ส่วนข้อก็เคี้ยวได้
การขยายพันธุ์
- ปักดำด้วยยอดตัดใบทิ้ง โดยใช้ส่วนยอดปักลงดินเฉียง 45 องศา ลึกมิด 1-2 ตา หน่อใหม่จะเกิดจากตาส่วนที่อยู่เหนือพื้นดิน 1 ตา/1 ยอด หรือปักดำด้วยท่อนพันธุ์แก่โดยวิธีการเดียวกันกับปักดำด้วยยอด หน่อใหม่เกิดจากตาที่ข้อเช่นเดียวกันแต่หน่อที่เกิดจากท่อนพันธุ์แก่จะโตช้ากว่าหน่อที่เกิดจากยอด
- ใช้ท่อนพันธุ์จากลำที่แก่แล้วตัดเฉพาะส่วนข้อมีตาติดอยู่ 1 ตา ฝังดินให้ตาอยู่ด้านบนลึกพอมิดตาหรือฝังดินทั้งท่อนมีตา 2-3 ตาหรือมากกว่าโดยพยายามจัดให้ตาอยู่ด้านบนมากตาที่สุดเท่าที่มีในท่อนพันธุ์ท่อนนั้นหรืออย่างน้อยให้อยู่ด้านข้างก็ได้ แต่ถ้าตาอยู่ด้านล่างจะไม่แทงหน่อออกมา
เตรียมแปลง
1. ใส่อินทรีย์วัตถุประเภทคงทน (แกลบดิบ แกลบเก่า ยิบซั่มธรรมชาติ กระดุกป่น ปุ๋ยคอก) โดยหว่านให้ทั่วแปลงปลูก จากนั้นไถดะไถแปรและไถพรวนตามลำดับ เสร็จแล้วจึงยกร่องทำแปลงปลูกแบบลูกฟูก สันลูกฟูกกว้าง 1.5-3 ม. สูง 20-30 ซม. โค้งหลังเต่า ยาวตามความเหมาะสม ร่องน้ำกว้าง 1-1.5 ม.ลึก 20-30 ซม. ก้นร่องแบน
2. ปรับเรียบผิวดินบนสันลูกฟูก บ่มดินด้วยการรด น้ำ 100 ล. + น้ำสารอาหาร + จุลินทรีย์ ให้โชก ทุก 5-7 วัน ติดต่อกันนาน 1 เดือน
3. และหลังจากได้ร่องน้ำแล้วหว่าน ปุ๋ยคอก + ยิบซั่มธรรมชาติ + กระดูกป่น ให้ทั่วพื้นที่ก้นร่อง จากนั้นจึงปล่อยน้ำเข้าจนเต็มพร้อมกับใส่ น้ำสารอาหาร ลงไปในน้ำ 1-2 ล./ร่องยาว 20 ม.
หมายเหตุ :
กระดูกป่นและมูลค้างคาวช่วยบำรุงให้อ้อยหวานจัดกลิ่นดีแต่มีปัญหาที่ทำให้อ้อยออกดอกเร็ว ดังนั้นจึงให้ใส่แต่น้อยๆ
เตรียมต้นพันธุ์
1. ใช้ลำอ้อยแก่จัด ตัดเป็นท่อนแต่ละท่อนมีข้ออย่างน้อย 3 ข้อ เมื่อนำไปปลูกแล้วจะได้หน่อที่เกิดจากตา 3 หน่อ.........หรือตัดเฉพาะส่วนข้อมีตา 1 ตา เมื่อนำไปปลูกแล้วจะได้ 1 หน่อ........หรือใช้ลำส่วนยอด มีตาติดอยู่ 2-3 ตา ตัดใบทิ้ง เมื่อนำไปปลูกจะได้หน่อที่เกิดจากตา 1-2 หน่อ
2. นำท่อนอ้อยที่จะใช้ทำพันธุ์มาลงแช่ใน น้ำ 20 ล. + ไคตินไคโตซาน 20 ซีซี. + ฮอร์โมนไข่ 20 ซีซี. นาน 1 คืน นำขึ้นผึ่งลมให้แห้ง แห้งดีแล้วใช้ปูนกินหมากทาแผลรอยตัด ทิ้งไว้ในร่ม 2-3 คืนเพื่อให้ท่อนพันธุ์เกิดความเครียด จึงนำไปปลูกในแปลงจริง
ระยะปลูก
- ระยะปกติ 2 X 3 ม. หรือ 2 X 4 ม. ปลูกแบบ 2 แถวสลับฟันปลาริมสันแปลง
- ระยะชิด 1 X 1 ม. หรือ 1 X 1.5 ม. ปลูกแบบแถวเดี่ยวกลางสันแปลง
วิธีปลูกอ้อย
1. ต้นพันธุ์ที่ตัดเป็นท่อนๆละ 3 ตาให้ปลูกโดยการวางราบกับพื้นดิน ปรับตำแหน่งตาให้ชี้ออกด้านข้างหรือด้านบน ถ้าตาชี้ลงล่างจะไม่งอกเพราะชอนหรือเลี้ยวขึ้นมาไม่ได้ ฝังท่อนพันธุ์ลึกพอท่วม กลบดินแล้วคลุมด้วยฟางหนาๆ..........ต้นพันธุ์ที่เป็นข้อๆละ 1 ตาให้ฝังลงดินลึกพอท่วมโดยให้ตาอยู่ด้านบน กลบดินแล้วคลุมด้วยฟางหนาๆ..........ต้นพันธุ์ที่เป็นลำส่วนยอดให้ปักลงดินเฉียง 45-60 องศา ให้ข้อจมลงไปในดิน 1-2 ข้อ แล้วคลุมโคนด้วย
ฟางแห้งหน้าๆ
2. ปลูกที่ริมลูกฟูก ห่างจากน้ำในร่อง 20-30 ซม. ระยะห่างระหว่างกอ 1.5-2 ม. สลับฟันปลาเป็น 2 แถวต่อ 1 สันลูกฟูก
3. หลังจากลงต้นกล้าไปแล้วให้น้ำโชกๆ จากนั้นให้น้ำเปล่าทุก 3-5 วัน ระวังอย่าให้หน้าดินแห้งหรือรักษาหน้าดินให้ชื้นอยู่เสมอ
การปฏิบัติบำรุงต่ออ้อย
1. บำรุงระยะต้นเล็ก
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. ฉีดพ่นให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนใบทั่วพื้นสันแปลงปลูก ทุก 7-10 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 25-7-7 หรือ 16-8-8 อัตรา 1-2 กก./ไร่ หว่านทั่วสันแปลงปลูกแล้วรดน้ำตามเพื่อละลายปุ๋ย
หมายเหตุ :
- เริ่มให้หลังจากแตกยอดได้ 2-3 ใบแล้วให้
- ให้ธาตุรอง/ธาตุเสริมเดือนละ 1 ครั้ง
2.บำรุงระยะเริ่มย่างปล้อง
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + 21-7-14 (200 กรัม) + กลูโคสผง 250 กรัม + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดอาบให้โชกทั่วต้นลงถึงพื้นทั่วสันลูกฟูก ทุก 7-10 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 21-7-14 สลับกับ 8-24-24 (1-2 กก.)/ไร่/เดือน หว่านทั่วสันแปลงปลูกแล้วรดน้ำตามเพื่อละลายปุ๋ย
หมายเหตุ :
- เริ่มให้เมื่อยอดสูง 1-1.5 ม.หรือโคนต้นเริ่มเป็นลำ
- ให้ธาตุรอง/ธาตุเสริมเดือนละครั้ง
- ลอกเฉพาะกาบแห้งออกและหมั่นลอกบ่อยๆเมื่อกาบแห้งจนถึงเก็บเกี่ยวจะช่วยให้ผิวสวย
- ทำราวไม้รวกล้อมกอเพื่อป้องกันต้นเอนหรือคดงอทำให้ราคาตก
3.บำรุงระยะต้นโต
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล. + ธาตุรอง/ธาตุเสริม 100 ซีซี. + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นให้เปียกโชกทั้งใต้ใบบนลงลงถึงพื้น ทุก 7-10 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้น้ำหมักชีวภาพสูตรระเบิดเถิดเทิง + 21-7-14 สลับกับ 8-24-24 (1-2 กก.)/ไร่/เดือน หว่านทั่วสันแปลงปลูกแล้วตามด้วยน้ำให้ปุ๋ยละลาย
- รักษาระดับน้ำในร่องน้ำให้ต่ำกว่าผิวพื้น 15-20 ซม.เสมอ
หมายเหตุ :
- เริ่มให้เมื่อลำอ้อยส่วนที่ลอกกาบแล้วสูง 1-1.5 ม.
- วิธีให้ปุ๋ยทางรากโดยการหว่านบนพื้นสันแปลงแล้วถ้ามีการหว่านแบบแบ่งลงไปน้ำในร่องน้ำบ้างสักเล็กน้อยก็จะช่วยให้ต้นอ้อยได้รับปุ๋ยมากขึ้น
- ให้ฮอร์โมนสมส่วนเดือนละ 1 ครั้ง
4.บำรุงก่อนเก็บเกี่ยว
ทางใบ :
- ให้น้ำ 100 ล.+ 0-0-50 หรือ 0-21-74 (สูตรใดสูตรหนึ่ง) 200 กรัม + กลูโคสผง 250 กรัม + สารสกัดสมุนไพร 250 ซีซี. ฉีดพ่นพอเปียกใบ 1-2 รอบ ห่างกันรอบละ 7-10 วัน
- ฉีดพ่นสารสกัดสมุนไพร ทุก 2-3 วัน
ทางราก :
- ให้ 8-24-24 (1-2 กก.)/ไร่ หว่านทั่วสันแปลงปลูกแล้วตามด้วยน้ำให้ปุ๋ยละลาย
- ระบายน้ำออกจากร่องให้หมดตลอด 1 เดือน (เดือนสุดท้ายก่อนเก็บเกี่ยว)
หมายเหตุ :
- เริ่มให้เมื่ออายุต้นได้ 8 เดือนหรือช่วงเดือนสุดท้ายก่อนเก็บเกี่ยว
*********************************
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.