ผลไม้รูปร่างประหลาดผิวดำขรุขระ เมื่อผ่าออกจะพบเมล็ดใหญ่มีเนื้อนิ่มสีเขียว นามว่า “อโวคาโด” นี้ดูจะห่างไกลจากความคุ้นเคยของคนไทยโดยเฉพาะคนไทยในประเทศไทย ผู้เขียนจำได้ว่าเมื่อครั้งที่ทำงานอยู่ที่เมืองไทยนั้น เจ้านายเป็นฝรั่งอเมริกันได้นำผลอโวคาโด เข้าใจว่าซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตของฝรั่งในเมืองไทย นำมาให้ลองชิมกัน หลายๆคนเมื่อได้ชิมแล้วก็เบือนหน้าหนีเพราะกลิ่นเขียวๆมันๆเลี่ยนๆและไม่มีรสหวานของอโวคาโดไม่ถูกปากคนไทยที่ชอบผลไม้รสจัด เทียบกันไม่ติดกับทุเรียนซึ่งมีเนื้อคล้ายๆกัน บางคนถึงกับพูดว่ากินอโวคาโดนี้กินกล้วยยังอร่อยเสียกว่า อโวคาโดจึงไม่เป็นที่นิยมในเมืองไทย นั่นก็เป็นเพราะคนไทยกินอโวคาโดไม่เป็นนั่นเอง แท้จริงแล้วอโวคาโดนี้เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางอาหารมาก ถึงแม้อโวคาโดจะมีแคโลรี่มากและ ๗๕ เปอร์เซ็นต์ของแคโลรี่นั้นมาจากไขมัน ซึ่งเรามักจะกลัวว่าทำให้อ้วน ในความเป็นจริงไขมันในผลอโวคาโดนี้เป็นmonounsaturated fat ซึ่งเป็นไขมันตัวดีที่จะไปช่วยเพิ่ม high-density lipoprotein (HDL) cholesterol ที่ร่างกายต้องการเข้าไปล้างลิ่มไขมันในเส้นเลือด ฉะนั้นอโวคาโดจึงเป็นผลไม้ที่สมควรรับประทานเป็นประจำนอกจากนี้อโวคาโดยังอุดมไปด้วยโปแตสเซียมซึ่งมีมากกว่ากล้วยถึง ๖๐ เปอร์เซ็นต์ อันโปแตสเซียมนี้เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายมนุษย์ ช่วยในการทำงานของสมองและไต ผลอโวคาโดอุดมไปด้วยไวตามินบี ซึ่งช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโรค มีไวตามินอี ซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สำคัญอันเป็นสารต่อต้านอนุมูลอิสระ และไวตามินเค ซึ่งช่วยให้เลือดแข็งตัวและซ่อมแซมผนังเส้นเลือด นอกจากนี้อโวคาโดยังมีกากใยมากซึ่งช่วยเพิ่มไฟเบอร์ในร่างกายช่วยทำให้อิ่มและขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายได้ดี ดังนั้นอโวคาโดจึงเป็นผลไม้ที่ต้องรับประทานไม่ใช่เพื่อความอร่อยแต่เพื่อเป็นอาหารบำรุงสุขภาพ
ด้วยความที่อโวคาโดไม่มีในประเทศไทย คนไทยจึงไม่รู้จักวิธีรับประทานอโวคาโด ผลไม้นี้มีแต่รสมันไม่มีรสหวาน จึงไม่นิยมปอกรับประทานเป็นของหวาน คนส่วนมากจึงรับประทานอโวคาโดกับอาหารเพื่อช่วยเพิ่มรสหอมมัน และเชื่อเถิดว่าเมื่อทานเป็นแล้ว คุณจะชอบรสชาติมันๆของอโวคาโดที่เข้ามาช่วยแทนที่อาหารมันๆเลี่ยนๆที่มีแต่โทษต่อสุขภาพ
ฝรั่งนั้นกินอโวคาโดกับสลัด หรือฝานใส่แซนวิช ม้วนกับแป้งตอเตียของแม็กซิกัน หรือรับประทานเคียงไปกับอาหารต่างๆไม่ว่าจะเป็นสเต็ก ไก่ย่าง ปลาอบ หรืออื่นๆ อโวคาโดจะช่วยเสริมรสชาติของอาหารนั้นๆ อโวคาโดเป็นส่วนประกอบสำคัญของซูชิและโรลในอาหารญี่ปุ่นแบบแคลิฟอร์เนีย
อาหารคลาสสิคที่สุดที่ใช้อโวคาโดเป็นเครื่องปรุงสำคัญนั้นเรียกว่า “กัวคาโมลี” (Guacamole) ซึ่งแท้ที่จริงนั้นก็คืออโวคาโดบดละเอียดนั่นเอง กัวคาโมลีนี้เป็นเครื่องจิ้มสำหรับตอร์ติลลาชิบ ซึ่งก็คือแป้งทอดแบบแม็กซิกัน ขายกันเป็นถุงๆใหญ่ ๆ คนแม็กซิกันจะรับประทานตอร์ติลลาชิบนี้เป็นเครื่องเคียงในอาหารทุกประเภท ผู้เขียนแนะนำให้ท่านผู้อ่านลองทำกัวคาโมลีนี้ เก็บใส่ตู้เย็นเอาไว้ใช้รับประทานได้ทุกวัน โดยใช้แทนเนย หรือมายองเนส เวลารับประทานแซนวิช หรือแม้แต่แฮมเบอร์เกอร์ หรือจะรับประทานเปล่าๆกับสลัด หรือจะจิ้มทานกับตอร์ติลลาชิบเป็นของว่างก็ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากเช่นกัน
ลองมาพิจารณาดูคุณค่าทางอาหารของกัวคาโมลีเปรียบเทียบกับเครื่องทาและเครื่องจิ้มชนิดอื่นๆดังตารางต่อไปนี้
ตารางการเปรียบเทียบคุณค่าทางอาหารระหว่างอโวคาโดกับเครื่องทาและเครื่องจิ้ม
|
|
อโวคาโด
|
เนย,เกลือ
|
ซาวครีม
|
เชดดาชีส
|
มายองเนส,กับเกลือ
|
ปริมาณ (1-ounce)
|
2 ช้อนโต๊ะหรือ.
2-3 ชิ้นหั่นบาง
|
2 ช้อนโต๊ะ.
|
2 ช้อนโต๊ะ.
|
1 ช้อนโต๊ะ
|
2 ช้อนโต๊ะ
|
Calories
|
50
|
204
|
60
|
114
|
109
|
Total Fat (g)
|
4.5
|
23
|
6
|
9.4
|
9.4
|
Sat Fat (g)
|
0.5
|
14.6
|
3.7
|
6
|
1.4
|
Cholesterol (mg)
|
0
|
61
|
13
|
30
|
7
|
Sodium (mg)
|
0
|
164
|
15
|
176
|
199
|
จากตารางจะเห็นได้ว่าการรับประทานอโวคาโดแทนเครื่องทาและเครื่องจิ้มชนิดอื่นๆจะช่วยลดปริมาณแคโลรี่ ปริมาณไขมัน คลอเรสเตอรอลในเส้นเลือดตลอดจนโซเดียมซึ่งเป็นอันตรายต่อความดันเลือดได้อย่างมาก แถมรสชาติก็ยังหอมอร่อย ทานแล้วจะติดใจวางไม่ลงเสียด้วยซ้ำ ผู้เขียนได้นำวิธีทำกัวคาโมลีนี้มาฝากดังนี้
เครื่องปรุง
- ผลอโวคาโดสุก ๔ ผล ปอกเปลือกเอาแต่เนื้อแล้วบดให้ละเอียดด้วยทัพพีพลาสติก วิธีการเลือกซื้ออโวคาโดนั้นก็คือเมื่อไปซื้อที่ตลาดให้เลือกจับบีบเบาๆถ้านิ่มก็เป็นอันใช้ได้ ถ้าซื้อแล้วยังไม่ต้องการใช้ให้ซื้อแบบยังแข็งอยู่ เมื่อนำมาถึงบ้านให้วางไว้ในอุณหภูมิห้อง ถ้าต้องการให้นิ่มเร็วขึ้นให้ใส่ถุงกระดาษแล้วปิดปากถุงให้แน่น ถ้าใส่รวมกับกล้วยหรือมะม่วงจะช่วยทำให้สุกเร็วขึ้นมาก เมื่อได้ผลอโวคาโดมาแล้วให้ใช้มีดผ่าครึ่ง เวลากดมีดลงไปจะติดเมล็ดไม่ต้องหั่นเมล็ดแต่หมุนมีดไปรอบๆ จากนั้นบิดผลอโวคาโด ผลจะหลุดออกมา ใช้ส้นปลายแหลมของมีดสับเบาๆบนเมล็ดและบิด เมล็ดจะติดมีดขึ้นมา จากนั้นใช้ช้อนตักเนื้ออโวคาโดออกมา วิธีง่ายๆนี้ทำให้ได้เนื้ออโวคาโดล้วนๆอย่างรวดเร็ว
- น้ำมะนาว ๒ ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมบดละเอียด ๒ ช้อนชา
- มะเขือเทศหั่นลูกเต๋า ๑ส่วน ๔ ถ้วย
- ผักชีสับ ๑ส่วน ๔ ถ้วย
- หอมแดงสับ ๑ ส่วน ๔ ถ้วย
- ยี่หร่า ๑ ส่วน ๔ ช้อนชา ไม่มีไม่ต้องใส่
- เมล็ดพริกเจอเลอแปนโย ใส่พริกป่นแบบไทยก็ได้ถ้าชอบเผ็ด
- เกลือตามชอบ
วิธีปรุง
นำทุกอย่างมาผสมให้เข้ากันดีแล้วใส่ในกล่องที่มีฝาปิด แช่ตู้เย็นเก็บไว้รับประทานได้สามถึงสี่วัน จึงควรทำทีละน้อย กัวคาโมลีนี้ไม่ควรซื้อที่ทำสำเร็จและไม่ควรรับประทานเวลาไปทานอาหารแม็กซิกันที่มักจะมีสลัดบาร์ที่มี ซัลซา กับกัวคาโมลี วางให้คนตักอยู่เพราะมีการปนเปื้อนของอาหารโดยเฉพาะเชื้อโรคที่ทำให้ท้องร่วง อาหารสองอย่างนี้ติดอันดับอาหารที่ทำให้คนป่วยมากที่สุดในอเมริกา
กัวคาโมลีกับแป้งตอติลลา
ต้นกำเนิดของอโวคาโดนั้นมาจากรัฐพิวบาประเทศแม็กซิโก มีการค้นพบหลักฐานของการบริโภคอโวคาโดนี้ในถ้ำตั้งแต่๑๐,๐๐๐ ปีก่อนคริสตกาล คำว่า “อโวคาโด” นี้เป็นภาษานาวาทเทิล ซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองของแม็กซิโก มีความหมายว่า “ลูกอัณฑะ” ซึ่งเข้าใจว่าลักษณะของผลดูคล้ายกับลูกอัณฑะ ดังนั้นจึงมีความเชื่อกันว่า การรับประทานอโวคาโดจะช่วยเสริมความต้องการทางเพศได้ ซึ่งไม่น่าจะเป็นความจริง อโวคาโดแพร่หลายในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ ต้นอโวคาโดจะมีความสูงถึง ๒๐ เมตร ทนทานต่ออากาศหนาวเย็นได้ถึงศูนย์องศาเซลเซียส ต้องการปุ๋ยและน้ำที่พอเพียง ฉะนั้นการปลูกอโวคาโดในแคลิฟอร์เนียร์นี้จึงมีต้นทุนที่สูงกว่าอโวคาโดในแม็กซิโก อเมริกาพยายามหยุดยั้งการนำเข้าอโวคาโดจากแม็กซิโกเพราะต้องการปกป้องชาวไร่ของตน เนื่องด้วยอโวคาโดแม็กซิกันนั้นมีราคาต้นทุนที่ถูกกว่า ในช่วงปี ๑๙๙๔ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการออกข้อตกลงทางการค้าระหว่างประเทศNorth American Free Trade Agreement (NAFTA) ประเทศแม็กซิโกได้โอกาสพยายามส่งอโวคาโดเข้าอเมริกา แต่ถูกอเมริกากีดกันโดยอ้างว่าอโวคาโดแม็กซิกันนั้นมีแมลงและมีเชื้อโรคที่อาจจะเข้ามาทำลายและเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศน์วิทยาในอเมริกา อย่างไรก็ตามแมลงเหล่านั้นก็หาทางเข้ามาในอเมริกาจนได้ และท้ายที่สุดอเมริกาก็ต้องยอมจำนน ปัจจุบันนี้อโวคาโดที่เราเห็นทั่วไปนั้นกว่า ๘๐ เปอร์เซ็นต์นำเข้าจากแม็กซิโก
แฮส อโวคาโด
อโวคาโด พันธุ์ที่เราเห็นอยู่ทั่วไปนั้นเรียกว่าพันธุ์ แฮส (Hass) แฮสอโวคาโดจะมีสีค่อนข้างดำมีผิวขรุขระ ผู้ที่คิดค้นแฮสอโวคาโดนี้ขึ้นมาเป็นบุรุษไปรษณีย์นามว่า รูดอล์ฟ แฮส เขาเป็นเกษตรกรสมัครเล่นแห่งเมืองวิสเทีย แคลิฟอร์เนียร์นี้เอง แฮสปลูกต้นอโวคาโดจากเมล็ด โดยใช้เมล็ดจากที่ต่างๆที่หาได้ นำมาปลูกในหลุมเดียวกันหลุมละสามต้น เขาจะเลือกเฉพาะต้นที่แข็งแรงที่สุดเอาไว้ อาจจะเกิดจากการข้ามสายพันธุ์ของมันเองหรือโชคช่วยอย่างไรก็ตาม ต้นแฮสอโวคาโดต้นแรกก็ถือกำเนิดขึ้น มีลักษณะแปลกกว่าอโวคาโดทั่วไปคือมีผลกลมกว่าและมีรสชาติหอมอร่อยและมีรสมันเหมือนถั่ว แฮสจดทะเบียนลิขสิทธิ์แฮสอโวคาโดของเขาเมื่อปี ๑๙๓๕ และจากนั้นเป็นต้นมาแฮสอโวคาโดก็มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว และปัจจุบันกลายเป็นอโวคาโดพันธุ์ที่มีขายมากกว่า ๘๐ เปอร์เซ็นต์ในอเมริกา
ปัจจุบันต้นแม่ของแฮสอโวคาโดได้ตายไปเสียแล้วด้วยโรครากเน่าหลังจากมีชีวิตอยู่ถึง ๗๖ ปี หลังจากถูกโค่นลง ชาวเมืองลาฮาบรา ไฮ้ส์ได้ล้อมกรอบบริเวณนั้นและมีป้ายบอกว่า บริเวณนี้คือที่ที่เคยมีต้นแฮสอโวคาโดต้นแรกอยู่ และจะมีเทศกาลฉลองแฮส อโวคาโดที่เมืองนั้นทุกปีในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม
อโวคาโดเป็นอาหารชั้นยอดที่ให้ประโยชน์อย่างมหาศาลต่อสุขภาพ แถมยังมีรสชาติอร่อย เป็นทางเลือกให้กับคนที่ชอบอาหารที่มีความหอมมัน โดยไม่ต้องอ้วนและยังช่วยลดคลอเรสเตอรอลในเลือดให้ได้อีก มาทานอโวคาโดกันดีกว่า สำหรับคนไทยแค่เจียวไข่ใส่อโวคาโดแล้วรับประทานกับซอสศรีราชาคงจะอร่อยทานข้าวหมดจานไม่รู้ตัวเลยทีเดียว
|