การศึกษา "ผลตอบแทนการผลิตข้าวแบบล้มตอซัง" ของเกษตรกร
ในพื้นที่อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี
ผู้วิจัย นางหัทยา ทับสวัสดิ์
สังกัด กลุ่มจัดการฟาร์ม ส่วนวิจัยครัวเรือนเกษตรการจัดการฟาร์มและปัจจัยการผลิตสำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร
โทร 02-5792982
โทรสาร 02-5797564
E-mail hataya@oae.go.th
ประวัติและผลงาน
การทำการเกษตรในปัจจุบันมักประสบกับปัญหาการมีทรัพยากรจำกัด รวมทั้งการขาดเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสม สำหรับการผลิตข้าวในเขตพื้นที่ชลประทานซึ่งสามารถปลูกข้าวได้ปีละหลายครั้ง ต้องประสบปัญหาปริมาณน้ำในการทำนาปรังไม่เพียงพอ ประกอบกับต้นทุนการผลิตมีแนวโน้มสูงขึ้นทุกปี การศึกษา “ผลตอบแทนการผลิตข้าวแบบล้มตอซังของเกษตรกรในพื้นที่ อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี” มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาที่มาและขั้นตอนการผลิต และข้อจำกัดของการผลิตข้าวแบบล้มตอซัง รวมทั้ง การศึกษาเปรียบเทียบผลตอบแทนเชิงเศรษฐกิจการผลิตข้าวแบบล้มตอซังกับการผลิตข้าวนาหว่านน้ำตม โดยการวิเคราะห์เชิงพรรณนาบรรยายผลที่ได้จากข้อมูลการสัมภาษณ์เกษตรกร เพื่อให้ทราบถึงวิธีการผลิตข้าว ต้นทุนและผลตอบแทนจากการผลิตข้าวทั้ง 2 วิธี
ผลการศึกษาสรุปได้ว่า การปลูกข้าวแบบล้มตอซังเกิดจากภูมิปัญญาชาวบ้านซึ่งถูกค้นพบโดยเกษตรกรชื่อ นายละเมียด ครุฑเงิน จากการสังเกตและประสบการณ์การทำนา เป็นการปลูกข้าวที่ปล่อยให้มีการแตกหน่อจากตอซังข้าวที่มีข้าวต้นแม่พันธุ์รุ่นแรกมีอายุเก็บเกี่ยวประมาณ 120 วัน การปลูกข้าวด้วยวิธีการนี้สามารถลดต้นทุนการผลิตลงได้ ทั้งยังมีระยะการเก็บเกี่ยวที่สั้น แต่การผลิตข้าวโดยวิธีนี้ต้องอาศัยความประณีตในขั้นตอนการปฏิบัติ สำหรับการศึกษาต้นทุนและผลตอบแทนการผลิตข้าวทั้ง 2 วิธี ปรากฏว่า ข้าวล้มตอซังซึ่งมีต้นทุนรวมเฉลี่ย 1,310 บาทต่อไร่ ผลผลิตเฉลี่ย 86.55 ถัง/ไร่ และผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย 2,152 บาทต่อไร่ ส่วนข้าวนาหว่านน้ำตมมีต้นทุนรวมเฉลี่ย 1,856 บาท ผลผลิตเฉลี่ย 100 ถังต่อไร่ ผลตอบแทนสุทธิเฉลี่ย 2,144 บาทต่อไร่ เมื่อพิจารณาค่าใช้จ่ายและผลตอบแทนจากการผลิตข้าวตลอดปี ปรากฏว่า เกษตรกรที่ผลิตข้าวนาหว่านน้ำตมตามด้วยข้าวแบบล้มตอซัง 2 รุ่น จะมีค่าใช้จ่ายในการผลิตต่ำกว่าการปลูกข้าวนาหว่านน้ำตม 3 รุ่นตลอดปี แต่มีผลตอบแทนที่ได้รับสูงกว่าเช่นกัน ดังนั้น การผลิตข้าวแบบล้มตอซังจึงควรที่จะได้รับการสนับสนุนให้มีการเผยแพร่ขยายผลอย่างกว้างขวาง ขณะเดียวกันต้องทำการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมว่าตอซังที่เหลือในนาควรมีความยาวประมาณเท่าใดจึงเหมาะสมต่อการให้ผลผลิตสูง และเปรียบเทียบหาพันธุ์ที่เหมาะสม ตลอดจนศึกษาถึงพื้นที่ที่เหมาะสมเพื่อเป็นการสร้างความมั่นใจให้แก่เกษตรกรที่จะยอมรับเทคโนโลยีนี้ต่อไป
สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.