-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 431 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

สิ่งแวดล้อม9





พลังงานสะอาด ผู้ขับเคลื่อนโลกอนาคต

พลังงานสะอาดคือ คำตอบของโลกอนาคต และเงิน (ในอนาคต)....


โดย...วันพรรษา อภิรัฐนานนท์


นับตั้งแต่โลกค้นพบปิโตรเลียมที่รัฐเพนซิลเวเนียในปี 1859 โลกก็เปลี่ยนไปนับตั้งแต่นั้น กว่า 150 ปีที่ผ่านมา ทุกสิ่งทุกอย่างเจริญรุดหน้าอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ทิ้งร่องรอยแห่งปัญหาอันเกิดจากความเจริญนั้นไว้ น้ำมันปิโตรเลียม ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นทางเลือกของโลกจากถ่านหิน แต่เมื่อถึงวันที่โลกทั้งโลกตกอยู่ภายใต้เงื้อมเงาแห่ง ภาวะเรือนกระจก ก็เป็นวันที่โลกต้องเลือกอีกครั้ง พลังงานโลกอนาคต...อะไรเล่าที่จะมาทดแทน ?

 

พลังงานสะอาด

การประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กรุงโคเปนเฮเกน ซึ่งสิ้นสุดไปเมื่อปลายปี 2552 แม้มีเป้าประสงค์แห่งความตั้งใจดีว่าจะทำให้หายโลกร้อน แต่ ณ ขณะนี้ทุกคนก็รู้แล้วว่า ยังอีกไกลกว่าโลกจะไปถึงเป้าหมาย อย่างไรก็ตาม อย่างหนึ่งที่ตกลงร่วมกันได้ คือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่จะต้องลดลง อุณหภูมิโลกเฉลี่ยถ้าเพิ่มจากนี้ขึ้นไปถึง 3 องศาเมื่อไหร่ โลกไม่ร้อนแต่จะเดือดเป็นผุยผง


พลังงานสะอาดคือ คำตอบของโลกอนาคต และเงิน (ในอนาคต) ก็มากองอยู่แล้วกว่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ คือจากสหรัฐอเมริกา 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ และอีกจำนวนเท่ากันจากการลงขันของ 25 ประเทศในยุโรป (กองทุนสหภาพยุโรป) กองทุนทางการเงินที่จะยิ่งใหญ่และสรรพกำลังเท่าที่เคยมีมา ด้วยถึงจุดหนึ่ง โลกใบนี้และอนาคตของโลกใบนี้ ก็จะต้องจัดการให้เป็นอย่างหนึ่งอย่างใด เงินที่เตรียมไว้นี้อยู่ภายใต้แผน 10 ปี หรือภายในปี 2563 (ค.ศ. 2020) ส่วนหนึ่งซึ่งเป็นส่วนใหญ่เพื่อนำไปใช้ในการช่วยพัฒนาด้านพลังงานของประเทศกำลังพัฒนา


หนทางรอดมนุษยชาติคือ การรับมือโลกที่เปลี่ยนแปลง และในอีกทางหนึ่งของประเทศกำลังพัฒนาที่ต่างก็มุ่งหวังจากเงินจำนวนนี้อย่างมาก โลกอนาคตมองไป เป็นโลกที่ทุกประเทศบนโลกต้องร่วมมือกัน เพราะการซื้อขายคาร์บอนเครดิตเอาเข้าจริงๆ ก็มีเพดานข้อจำกัด นั่นหมายถึงว่าไม่มีใครหรือประเทศใดที่จะอยู่รอดโดดๆ เพียงคนเดียวได้ นั่นหมายถึงว่าพลังงานสะอาดต้องร่วมมือกัน พัฒนาขึ้นเป็นพลังงานหลักภายในเงื่อนเวลา 50 ปีนี้ ก่อนอุณหภูมิโลกจะสูงปรี๊ดวิกฤตขึ้นมาจริงๆ



นิวเคลียร์...ทางเลือกที่ต้องเลือก ?

รศ.ดร. ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ทางเลือกของโลก น่าสนใจที่สุดคือ นิวเคลียร์ ซึ่งเป็นพลังงานสะอาดที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและแรงที่สุดในแง่ของการลงทุน ปัจจุบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์พัฒนามาถึงจุดที่เรียกว่าประสบความสำเร็จ นิวเคลียร์ให้พลังงานสูงมาก มีความปลอดภัยสูง ต้นทุนค่าก่อสร้างสูงแต่ผลผลิตต่อยูนิตก็สูง ส่งผลให้ราคาค่าผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับการผลิตไฟฟ้ารูปแบบอื่น ยิ่งในระยะยาวก็จะยิ่งถูกลง ขณะเดียวกันมีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมน้อย


โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในต่างประเทศประสบความสำเร็จมาก ทั่วทั้งโลกตอนนี้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แล้วกว่า 400 โรง มากที่สุดคือสหรัฐอเมริกา 100 โรง ส่วนในเอเชียก็กระจายทั่ว 80 โรง เช่น เกาหลีใต้ อินเดีย ไต้หวัน จีน ปากีสถาน อาร์เมเนีย โดยเฉพาะญี่ปุ่น ที่ทั้งเกาะมีถึง 20 โรง


สำหรับพลังงานทางเลือกที่มีผลต่อสภาวะโลกร้อน แบ่งเป็น พลังงานชีวมวล (Biofuels) และพลังงานสะอาด (Clean Energy) ทั้ง 2 กลุ่มนับจากนี้จะทวีความสำคัญเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเป็นพลังงานใช้แล้วไม่หมดไปเหมือนพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล หากหมุนเวียนนำกลับมาใช้ได้ใหม่ เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม หรือพลังงานน้ำ ฯลฯ ประเทศไทยมีอัตราการลงทุนในพลังงานสะอาดยังน้อย ไม่ว่าจะพลังงานจากธรรมชาติหรือนิวเคลียร์


ขับเคลื่อนโลก ด้วยความร่วมมือ

รศ.ดร. ธนวัฒน์ กล่าวว่า นิวเคลียร์ในไทยปัญหาใหญ่คือภาพลักษณ์ แต่ถึงวันหนึ่งเราก็คงหนีพลังงานนิวเคลียร์ไปไม่ได้ เนื่องจากความจำเป็นด้านการบริโภคพลังงานในประเทศ อนาคตไทยจะมีรถไฟฟ้ามากขึ้นอีกเท่าไหร่ รถหัวจรวดอีก 4-5 เส้น พวกนี้ต้องใช้พลังงานสูงลิบรีบคิดรีบตัดสินใจเพราะการลงทุนใช้เงินมหาศาล รวมทั้งต้องเตรียมความพร้อมความรู้ความสามารถของบุคลากรเพื่อรองรับ


"ถึงเริ่มต้นนับหนึ่งโรงไฟฟ้านิวเคลียร์วันนี้ ไทยก็ยังอาจต้องใช้เวลาในการเตรียมการอีกไม่ต่ำกว่า 15-20 ปี ถึงตอนนั้นจะทันหรือไม่ต่ออัตราการบริโภคพลังงานของคนไทย" รศ.ดร. ธนวัฒน์ กล่าว



ดร.ชัยวัฒน์ คุประตกุล
นักวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์น่าสนใจมากทั้งในแง่ของทางเลือกและการลงทุน แต่จะต้องไม่รีบร้อนเกินไป การก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในไทย สำคัญที่สุดคือการให้ความรู้แก่ประชาชน ขณะเดียวกันคือการเตรียมมาตรการความปลอดภัย และระบบป้องกันคอร์รัปชันที่เข้มแข็งเด็ดขาด

"ไม่อยากเห็นไทยต้องมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่กลายเป็นเศษเหล็กเหมือนประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ ไม่ใช่แค่ใช้ไม่ได้ แต่เป็นอันตรายมากในการใช้" ดร.ชัยวัฒน์ กล่าว


ที่น่าสนใจ คือ นักเศรษฐศาสตร์ที่เริ่มมองปัญหานี้ โดยกลุ่มนักเศรษฐศาสตร์ระดับโลกหลายคน มีแนวคิดที่จะนำความรู้ทางเศรษฐศาสตร์มาช่วยการลงทุนและแก้วิกฤตอุณหภูมิโลกอย่างจริงจัง เรื่องทั้งหมดจึงย้อนกลับไปที่กองทุนการเงินเพื่อรับมือภาวะเรือนกระจกที่โคเปนเฮเกนอีกครั้ง โลกร้อนแต่ก็ชักสนุกขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางความขัดแย้งและข้อมูลของบรรดานักวิทยาศาสตร์โลกร้อน มิติทางเศรษฐศาสตร์ก็กำลังจะยื่นมือเข้ามา


อย่างไรก็ตาม อย่าลืมว่าการประชุมที่โคเปนเฮเกน เป็นเพียงข้อตกลง (Accord) ไม่ใช่พิธีสาร (Protocol) นั่นหมายถึงเม็ดเงินที่กล่าวอ้างว่าจะให้ ก็เป็นเพียงข้อกล่าวอ้างว่าจะให้ ใครไม่ให้ก็ไม่มีข้อตกลงทางกฎหมายที่จะบังคับให้ให้ มิติทางเศรษฐศาสตร์ที่ว่าจึงอาจต้องชะงักรอไปก่อน หรือรอไม่ไหวจะวาดๆ แผนไปพลางๆ รวมทั้งนักลงทุนพลังงานสะอาดทั้งหลาย ที่เตรียมจะควักกระเป๋าสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หรือไม่นิวเคลียร์ก็ตาม
...การประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศฯ ครั้งหน้า กำหนดขึ้นในเดือนพ.ย. 2553...ที่กรุงเม็กซิโกซิตี ทั้งหลายทั้งปวงห่วงโซ่สิ่งแวดล้อม ผู้นำประเทศพัฒนาแล้ว ประเทศกำลังพัฒนา และบรรดาเอ็นจีโอมะรุมมะตุ้ม ทั้งหมดจะนัดไปเจอกันที่นั่น ในครั้งหน้านี้ แม้การจะเกิดผลเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา ยังน่าสงสัย แต่ก็อย่าเพิ่งตั้งข้อสงสัยจนเกินการณ์ เพราะการผลักดันและความร่วมมือกันในครั้งที่จะถึงนี้ อาจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดต่ออนาคตโลก


ที่มา  :  โพสต์ทูเดย์









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-04-23 (1043 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©