-
++kasetloongkim.com++ - Content
หน้าแรก สมัครสมาชิก กระดานข่าว ดาวน์โหลด ติดต่อ

เมนูหลัก

» หน้าแรก
» เว็บบอร์ด
» ผู้ดูแล
» ไม้ผล
» พืชสวนครัว
» พืชไร่
» ไม้ดอก-ไม้ประดับ
» นาข้าว
» อินทรีย์ชีวภาพ
» ฮอร์โมน
» จุลินทรีย์
» ปุ๋ยเคมี
» สารสมุนไพร
» ระบบน้ำ
» ภูมิปัญญาพื้นบ้าน
» ไร่กล้อมแกล้ม
» โฆษณา ฟรี !
» โดย KIM ZA GASS
» สมรภูมิเลือด
» ชมรม

ผู้ที่กำลังใช้งานอยู่

ขณะนี้มี 197 บุคคลทั่วไป และ 0 สมาชิกเข้าชม

ท่านยังไม่ได้ลงทะเบียนเป็นสมาชิก หากท่านต้องการ กรุณาสมัครฟรีได้ที่นี่

เข้าระบบ

ชื่อเรียก

รหัสผ่าน

ถ้าท่านยังไม่ได้เป็นสมาชิก? ท่านสามารถ สมัครได้ที่นี่ ในการเป็นสมาชิก ท่านจะได้ประโยชน์จากการตั้งค่าส่วนตัวต่างๆ เช่น ฉากหรือพื้นโปรแกรม ค่าอ่านความคิดเห็น และการแสดงความเห็นด้วยชื่อท่านเอง

สถิติผู้เข้าเว็บ

มีผู้เข้าเยี่ยมชม
PHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG CounterPHP-Nuke PNG Counter ครั้ง
เริ่มแต่วันที่ 1 มกราคม 2553

product13

product9

product10

product11

product12

เกษตรดีเด่น3





"สวนเกษตรวิถีพุทธ" พลิกผืนนาเป็นผืนป่า


สวนวิถีพุทธ หรือทำการเกษตรไม่รบกวนธรรมชาติ  แต่อาศัยธรรมชาติจัดการกันเองเพื่อให้ได้ปัจจัยในการดำรงชีพอย่างพอเพียง ตามแนวคิดการอนุรักษ์พันธุ์ไม้พื้นเมืองใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการบริหารจัดการสวน  ทำการเกษตรแบบพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน และเป็นแหล่งเรียนรู้ของเยาวชน  ประชาชน  ชุมชน  ตลอดถึงนักเรียน นักศึกษา   และผู้สนใจทั่วไป


นายวิฑูร  หนูแสน
  เกษตรกรวัย 62 ปี    หมู่ที่ 9  บ้านป่าพงค์    ต.ตะโหมด  อ.ตะโหมด  จ.พัทลุง   บอกว่า  ได้บริหารจัดการที่ดิน ออกเป็นส่วน  ๆ  หรือ 6 โซนด้วยกัน   โดยโซนแรก  เป็นระบบเกษตรป่ายาง  จำนวน 6 ไร่  ปลูกยางพาราแล้วปล่อยให้มีไม้ยืนต้นขึ้นร่วมกับสวนยาง   ได้ผลผลิตจากน้ำยาง  สมุนไพร   ผักพื้นบ้าน   ภายในสวนจะร่มรื่นตลอดปี  แม้ในยามหน้าแล้งที่ยางพาราผลัดใบก็ตาม ก็จะมีใบไม้ยืนต้นคอยให้ร่มเงา ใช้เป็นเวทีเรียนรู้ตั้งวงสนทนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้


โซนที่ 2  เป็นสวนยางอีก 7 ไร่  ที่ได้ขอทุนสงเคราะห์จากองค์การสวนยาง (สกย.)  แต่เมื่อยางหมดอายุกรีดแทนที่จะโค่นไม้ยางขาย  และเปิดป่าสร้างสวนยางใหม่ กลับปล่อยให้ธรรมชาติจัดการกันเอง  

โซนที่ 3  เป็นที่อยู่อาศัย  จำนวน 2 ไร่    สร้างบ้านอยู่อาศัยแบบง่าย ๆ  ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพาวัสดุภายนอกมากนัก   บริเวณบ้านปลูกผักสวนครัวไว้บริโภคเอง 

โซนที่ 4  เป็นนาข้าวที่มีการปรับระบบเป็นนาข้าวควบคู่กับการเลี้ยงปลา  เนื้อที่ 9 ไร่ แต่เหลือที่ทำนา 6 ไร่ 
โดยการปลูกข้าว  ไม่มีการไถพรวน เมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จก็ปล่อยน้ำให้ท่วมซังข้าวให้ปลาที่อยู่ในคูรอบคันดินนาขึ้นไปกินเมล็ดข้าว   พอตอซังเปื่อยดีแล้วก็ปล่อยน้ำออกให้แห้งแล้วหว่านข้าว พอข้าวขึ้นดี ก็ปล่อยน้ำเข้าเลี้ยงต้นข้าวตามระดับ  ปลาช่วยกำจัดหนอนและแมลงในนาขี้ปลาเป็นปุ๋ย เพราะนาข้าวไม่มีการใส่ปุ๋ยเคมี   และไม่ใช้สารเคมีเลย   เก็บข้าวกับแกระแบบดั่งเดิม  นาข้าวได้ทั้งข้าวได้ทั้งปลา   ข้าวที่ทำได้พอกินตลอดปี  ปลาก็มีกินตลอดปีเช่นกัน


โซนที่ 5  เป็นป่าไส จำนวน 8 ไร่  ป่าไสคือป่าที่เคยเปิดป่าแล้ว แต่ปล่อยให้มีต้นไม้ขึ้นมาใหม่ ไม่รกนักและต้นไม้ก็ไม่ใหญ่นัก  คล้าย ๆ กับป่าโปร่ง เพื่ออนุรักษ์พันธุ์ไม้หายาก สมุนไพร ผักพื้นบ้าน เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า นกชนิดต่าง ๆ  ไก่ป่า และโซนสุดท้าย คือ โซนเลี้ยงสัตว์  พื้นที่ 3 ไร่   มีทั้งปลาที่เป็นปลาพื้นเมือง  เช่น ปลาช่อน  ปลาดุก  ปลาหมอปลาแขยง  ปลาแก้มซ้ำ  ปลาขี้ขม  ปลาโอน   และปลาที่ปล่อย มี  ปลาตะเพียน  ปลายี่สก  ปลาแรด  นอกจากเลี้ยงปลาแล้ว  ยังเป็นแหล่งน้ำไปในตัวด้วย   และที่แปลกอีกอย่าง คือ ระบบวนประมง  มีการปลูกต้นหว้าริมบ่อ  เลี้ยงมดแดงบนต้นหว้า ปลาได้กินไข่มดแดงที่ร่วงเมื่อเก็บไข่มดแดง และเมื่อลูกหว้าร่วงก็เป็นอาหารปลาเช่นกัน


จากการทำการเกษตรที่ปรับสวนยางเป็นป่ายาง นาข้าวไม่ไถพรวน  ใช้ความได้เปรียบของทรัพยากร ความหลากหลายทางชีวภาพบริการจัดการโดยพึ่งพาตนเอง อยู่ได้อย่างมีความสุข 

ที่มา  :  โพสต์ทูเดย์  









สงวนลิขสิทธิ์โดย © ++kasetloongkim.com++ All Right Reserved.

ติดประกาศ: 2010-04-23 (1798 ครั้ง)

[ ย้อนกลับ ]
Content ©