ความเชื่อที่ 1
ครอบครัวชนบทเป็นครอบครัวใหญ่ ?
1. จากการสำรวจ ปัจจุบันครอบครัวไทยมีขนาดเล็กลง แต่ละครอบครัวมีสมาชิกเพียง 3-4 คน
2. การคุมกำเนิดค่อนข้างได้ผลในต่างจังหวัด
3. มีลักษณะเป็นครอบครัวเดียวมากขึ้น เมื่อลูกๆแต่งงานมักแยกครอบครัวออกไป
4. การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับลูก ความเชื่อที่ว่า ให้ลูกออกมาช่วยงาน ทำนาไม่เป็นจริงอีกต่อไป
5. ลูกเป็นแรงบันดาลอันยิ่งใหญ่ของพ่อแม่ พ่อแม่ชนบทพร้อมจะลงทุนเพื่อความสุขของลูก
ความเชื่อที่ 2
บ้านนอกต้องเข้ากรุง ?
1. ไม่จริงอีกแล้ว เพราะจากประสบการณ์ของคนรุ่นก่อนชี้ว่า ไม่คุ้มกับการเดินทางเข้ากรุง ค่าใช้จ่ายสูง อย่างไรก็ตามในรุ่นลูก วัยหนุ่มสาวยังมีความคิดลักษณะนี้ เพราะชื่นชมกับภาพพจน์ความศิวิไลซ์ ถึงกระนั้น หากจะเข้ากรุงเทพฯ ก็ยังจะเดินทางกลับชนบท มากกว่าที่จะกลายเป็นคนกรุงฯ
2. คนชนบทจะไม่พยายามปรับสภาพความเป็นอยู่แบบกรุงเทพฯ เมื่อมีเงินได้ นอกจากจะสะสม ก็จะซื้อที่ดินสะสมเพื่อทำการเกษตร หรือซื้อรถยนต์ และจะยังคงใช้ชีวิตแบบเดิมๆ
ความเชื่อที่ 3
คนชนบทต้องจน ?
1.คนชนบทมักมีอาชีพเสริมหรือมีอาชีพหลากอย่างในเวลาเดียวกัน ทำให้มีรายได้มากกว่าที่ประเมินจากงานประจำ
2.แม้จะมีรายได้ แต่คนชนบทจะยังคงใช้ชีวิตแบบเดิม ไม่ยอมยกระดับคุณภาพชีวิต แต่จะเก็บเงินไว้ให้ลูก ให้เงินลูกเป็นค่าขนมไปโรงเรียนมากกว่าที่คนกรุงเทพฯคาดคิด
3.ไม่มีวันหยุดมากนักสำหรับคนชนบทวันนี้ ทำงานแทบทุกวัน เพราะมีอาชีพเสริมหลากหลาย แต่ถ้าจะเที่ยว เที่ยวปีละครั้ง ซึ่งอาจจะเป็นช่วงวันสงกรานต์มากกว่าวันปีใหม่
4. ความเชื่อที่ว่าจะไม่ออกโฆษณาทางสื่อต่างๆในช่วงวันหยุดปีใหม่เพราะคนไม่อยู่บ้าน หยุดไปเที่ยวจึงไม่จริงเสมอไป หรือรถเร่ โฆษณาจะต้องออกไปเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์จึงอาจใช้ไม่ได้ผล เพราะคนยังอาจไปทำงาน
5. อย่างไรก็ตามหนี้สินยังเป็นปัญหาใหญ่ของคนชนบท ดังนั้นนักการตลาดอาจใช้โปรโมชั่นโดยการแจกเงินสดหรือทุนการศึกษาจะมีประโยชน์มากกว่าที่จะแจกเป็นรถหรือมอเตอร์ไซค์ ซึ่งทุกบ้านมีอยู่แล้ว
ความเชื่อที่ 4
คนชนบทจะซื้อของใกล้บ้านเพราะราคาถูก ?
1.วิถีชีวิตเปลี่ยนแปลง คนชนบทจะนั่งรถไปซูเปอร์สโตร์ขนาดใหญ่ ซื้อของครั้งละมากๆ เพราะเริ่มเชื่อว่าซื้อของห้างถูกกว่าซื้อหน้าบ้าน
2. หลายๆบ้านมักจะรวมกันซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคแบบเหมาโหล โดยฝากคนที่จะเข้าเมืองไปซื้อ แล้วนำมาแบ่งกัน
3. แต่สินค้าฟุ่มเฟือย เช่น เหล้า บุหรี่ ยังต้องซื้อหน้าบ้านด้วยความเคยชิน และอาจซื้อตามความสะดวกมากกว่า
4. คนชนบทเริ่มใช้สินค้าระดับพรีเมียมมากขึ้น อาจจะใช้ขนาดเล็กแต่เป็นสินค้าชั้นดี เพราะใช้ตามๆกันและตามอิทธิพลของโฆษณา
ความเชื่อที่ 5
ผู้หญิงชนบทเป็นช้างเท้าหลัง ?
1.แม่บ้านเต็มเวลาน้อยลงมาก คือใช้ชีวิตในสถานที่ทำงานมากขึ้น
2. ผู้ชายมีบทบาทในการช่วยทำงานบ้านมากขึ้น มีลักษณะต่างฝ่ายต่างช่วยกัน
3. ซื้อเครื่องอำนวยความสะดวกมากขึ้น เพื่อช่วยภาระงานบ้าน แม้ว่าจะไม่มีน้ำประปาก็มีสิทธิ์เห็นเครื่องซักผ้าอัตโนมัติ โดยใช้วิธีเติมน้ำเอง
4. ผู้มีบทบาทในการตัดสินใจซื้อสินค้าเป็นแม่บ้านมากกว่าพ่อบ้าน แต่ที่น่าสนใจคือ ผู้มีอิทธิพลอย่างสูงในการตัดสินใจว่า ควรจะเลือกสินค้าแบรนด์ใดกลับเป็นลูก ซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากสังคมเพื่อนๆและโฆษณา
ความเชื่อที่ 6
คนชนบทชอบดูละครน้ำเน่าและวิทยุเอเอ็ม ?
1.คนชนบทมีทีวีมากกว่า 94 % ของจำนวนครัวเรือน ทีวีได้ส่งผลกระทบต่อทัศนคติและค่านิยมการบริโภคข่าวสารข้อมูลครั้งใหญ่
2. คนชนบทนิยมดูข่าวมากกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก เพราะคนชนบทยอมรับว่าข่าวสามารถนำไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของพวกเขาได้มากกว่า
3. สาเหตุที่คนชนบทนิยมข่าวมากขึ้นเพราะละครหลังข่าวมาดึกเกินไป
4. ไอทีวีกำลังมาแรงในต่างจังหวัด
5. คนชนบทนิยมดูรายงานหุ้น โดยเฉพาะช่วงปิดตลาด เพราะนิยมเล่น”หวยหุ้น”กันอย่างแพร่หลาย
6. รายการทีวียอดฮิตอีกรายการที่ได้รับความนิยมคือ หนังฮ่องกง หรือหนังจีนช่วงเย็นทางช่อง 3
7. ละครทีวีแนวโบราณ เช่น “ปอบผีฟ้า” ยังอาจจะเป็นที่นิยมอยู่ แต่ละครแนวซิตี้ไลฟ์ เช่น “รุ้งสามสาย” “ดวงไฟในพายุ” กลับมาแรงและเป็นที่นิยมเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะละครช่วงดึกของช่อง 3 และช่อง 5 จะเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใหญ่
8. ความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนในวงการวิทยุคือ คนชนบทฟังคลื่นเอฟเอ็มเพิ่มมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันคนชนบทก็นิยมจะเปิดทีวีไว้เป็นเพื่อนขณะทำงานมากกว่าจะเปิดวิทยุฟังดังเช่นในอดีต
9. วิดีโอก็เป็นที่นิยมมากในชนบท เพราะสะดวกกว่าเดินทางเข้าเมืองเพียงเพื่อมาดูหนัง
ความเชื่อที่ 7
คนชนบทบ้าดารา ?
1.หากนำดารามาเป็นพรีเซ็นเตอร์ รุ่นพ่อรุ่นแม่จะเริ่มไม่เชื่อ เพราะรู้ว่าดาราพวกนี้สวยมาแต่เกิด แต่รุ่นลูกๆยังพอเชื่อและคล้อยตามดารา
2. โฆษณาที่มีมุขตลกยังเป็นที่ชื่นชอบและเข้าถึงได้ง่าย หรือโฆษณาที่ล้อเลียนหนัง เช่น “สิงห์คะนองนา”หรืออิงนิยายพื้นบ้านที่มีมุขตลก เช่น “ แม่นาก – สงสัยหัวเทียนบอด” ก็เป็นที่ถูกใจชาวบ้าน
|