เชื่อหรือไม่ สายพลาสติกที่ใช้รัดหีบห่อ บรรจุภัณฑ์สินค้า วัสดุเหลือใช้ที่ถูกทิ้งขว้าง ได้สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านเดือนละเกือบ 1 แสนบาท
โดย...อัสวิน ภฆวรรณ
เชื่อหรือไม่ สายพลาสติกที่ใช้รัดหีบห่อ บรรจุภัณฑ์สินค้า วัสดุเหลือใช้ที่ถูกทิ้งขว้าง ได้สร้างรายได้ให้กับชาวบ้านกลุ่มจักรสานบ้านควนเคี่ยม ต.ฝาละมี อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง เดือนละเกือบ 1 แสนบาท
นางศิริพร ย้อยอัด ประธานกลุ่มจักสานกระเป๋าพลาสติกบ้านควนเคี่ยมบอกว่า กระเป๋าพลาสติกที่ผลิตขึ้นมา เป็นแบบที่ใช้สำหรับใส่สินค้าประเกษตร ซึ่งได้รับความนิยมมาก ส่งขายประมาณ 4,000 ชิ้นต่อเดือน บางช่วง ก็มีคำสั่งซื้อมา จนผลิตกันไม่ทัน ราคาสินค้ามีตั้งแต่ 20 -550 บาท โดยผลิตภัณฑ์ของกลุ่มมีกว่า 10 รายการ อาทิ กระเป๋าแม่ค้า กระเป๋าหยัก กระเป๋าถือใบเล็ก กระเป๋าปิคนิก กระเป๋าสะพาย ตะกร้าใส่เสื้อผ้า ซองใส่เอกสาร ที่ใส่ปากกา และกล่องทิชชู่
“ด้านการตลาด เราส่งไปขายต่างประเทศถึง 80 % มีมาเลเซีย สิงคโปร์ และเกาหลี ส่วนที่ต่างจังหวัดนั้นยอดจำหน่าย ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ มีจ.กระบี่ สงขลา ตรัง ยะลา ปัตตานี และอีก 10 % ที่เหลือ ก็ส่งขายภายในจังหวัด ตลาดจนลูกค้าที่ซื้อเป็นของฝากของขวัญ กระเป๋าที่ยอดนิยมสูงสุด จะเป็นกระเป๋าแฟชั่น กระเป๋าปิคนิค บอกตรง ๆ จักสานกระเป๋า มีอนาคตที่ดี โดยเฉพาะมาเลเซีย มาสั่งซื้อคราวละ 3-4 หมื่นชิ้น”
ช่วงเวลาเพียง 4 ปี จากที่ชาวบ้านควนเคี่ยม สานกระเป๋าพลาสติกเป็นอาชีพเสริม แต่วันนี้หลายรายได้ยึดเป็นอาชีพหลัก จากรายได้ที่น่าพอใจ
“ช่วงแรกไม่มีเงินทุนจากไหนมาสนับสนุนก็รวมตัวออกทุนกันเอง ต่อมาองค์การบริหารส่วนตำบลฝาละมี ก็ได้จัดสรรงบประมาณให้มาจำนวนหนึ่งเป็นการช่วยเหลือ แลัวก็มีการก่อตั้งกลุ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ในปี 2549 และเวลาไล่เลี่ยกันก็ได้จดทะเบียนเป็นสินค้าโอทอป ได้รับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ชุมชน (มผช.20) / 2546 จากสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพัทลุงในปี 2551”
ศิริพร บอกว่า ช่วงเริ่มต้นรวมกลุ่ม ถือเป็นบทท้าทายที่สำคัญที่สุด จากที่ดำเนินการกันในรูปแบบเก่า ๆ กระทั่งอบต.ฝาละมี สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมุนษย์จังหวัดพัทลุง และศูนย์พัฒนาสังคมที่ 34 จังหวัดพัทลุง ได้เข้ายื่นมือเข้ามาให้การช่วยเหลือสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นทางด้านเงินงบประมาณ การส่งเสริมให้ความรู้ของผลิตภัณฑ์ ตลอดจนถึงพัฒนารูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้เป็นไปตามความต้องการของตลาด และประการสำคัญคือการพัฒนาการตลาด จนทำให้ปัจจุบัน สมาชิกของกลุ่ม จำนวน 32 คน สามารถยืนหยัดอยู่ด้วยลำแข้งลำขาตนเอง
ที่มา : บางกอกโพสต์