ชาวบ้านริมแม่น้ำโขงจังหวัดมุกดาหาร พลิกวิฤตเป็นโอกาส เก็บหอยทรายขาย เป็นรายได้เสริม หลังน้ำโขงมีปริมาณลดต่ำลง
ในช่วงระหว่างเดือนมี.ค.-พ.ค.เป็นช่วงที่สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ฤดูร้อน หรือหน้าแล้ง ประกอบกับอิทธิพลของปรากฏการณ์เอลนิโญ่ ที่ทำให้สถานการณ์ภัยแล้งในปีนี้มาเร็วกว่าปกติ หลายพื้นที่ในจังหวัดมุกดาหารเริ่มประสบปัญหา
โดยเฉพาะพื้นที่ริมแม่น้ำโขง ระบบการขนส่งทางเรือต้องหยุดชะงัก ผู้เลี้ยงปลาในกระชังต้องเร่งจับปลาขาย เพราะน้ำลดและอุณหภูมิของน้ำสูงขึ้น ขณะที่ระดับน้ำในแม่น้ำโขงที่สถานีมุกดาหาร มีค่าสูงกว่าค่าเฉลี่ย โดยเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา เวลา 07.00 น. วัดระดับน้ำได้ 77 เซนติเมตร และมีแนวโน้มลดลง ทำให้ในขณะนี้ระดับน้ำในแม่น้ำโขงจังหวัดมุกดาหาร เข้าสู่ขั้นวิกฤต
ชาวบ้านริมฝั่งแม่น้ำโขง จ.มุกดาหาร ใช้วิกฤตเป็นโอกาส ด้วยการเก็บหอยทรายขาย สร้างรายได้อย่างดี และเป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่มักพบเห็นในช่วงน้ำลด พวกเขาจะนำเรือเล็กพายออกมาตั้งแต่เช้า เพื่อช่วยกันเก็บหอยทราย
โดยใช้อุปกรณ์ที่คิดกันขึ้นเอง ซึ่งแม้แต่ตะแกรงพัดลมก็สามารถนำมาใช้ได้ จนกระทั่งตกเย็นก็กลับเข้าฝั่งเพื่อนำหอยทรายที่เก็บได้ขึ้นมาขาย ในราคากิโลกรัมละ 10 บาท
นายรินทร์ เคนตรี ชาวบ้านบางทรายใหญ่ อ.เมืองมุกดาหาร บอกว่า เป็นวิถีชีวิตของชาวบ้านริมแม่น้ำโขงที่มีมานานแล้ว แต่ปีนี้น้ำลดลงเร็ว จึงทำให้สามารถเก็บหอยทรายได้มาก โดยจะนำเรือเล็กออกมาช่วยกันเก็บกับชาวบ้าน วันเว้นวัน แต่ละครั้งได้ประมาณ 20-30 กิโลกรัม
ขณะที่นายสง่า อัครศรี ชาวบ้านบางทรายใหญ่ อำเภอเมืองมุกดาหาร บอกว่า ปกติมีอาชีพหาปลา พอน้ำลดปลาเริ่มหายาก พอมีรายได้จากการเก็บหอยทรายไปขายบ้าง แต่ก็สงสารชาวบ้านที่ทำการเกษตร เพราะหากระดับน้ำโขงลดต่ำกว่านี้ ชาวบ้านจะเดือดร้อนมาก
การสร้างวิกฤตเป็นโอกาส เกิดขึ้นแล้วในลำน้ำโขงจ.มุกดาหาร โดยชาวบ้านทั้งคนไทย และลาว ต่างก็มีรายได้เสริมจากการเก็บหอยทรายขาย แม้ไม่ได้เป็นกอบเป็นกำ แต่ก็สามารถสร้างอาชีพใหม่เกิดขึ้น อีกทั้งยังเป็นวิถีชีวิตที่สามารถพบเห็นได้เฉพาะช่วงน้ำลดเท่านั้น
ที่มา : บางกอกโพสต์